อุปกรณ์ต่อพ่วงคืออุปกรณ์เสริมใด ๆ ที่เชื่อมต่อและทำงานร่วมกับคอมพิวเตอร์เพื่อใส่ข้อมูลลงในข้อมูลนั้นหรือรับข้อมูลจากอุปกรณ์ดังกล่าว
อุปกรณ์ต่อพ่วงอาจเรียกว่า อุปกรณ์ต่อพ่วงภายนอกอุปกรณ์ ต่อพ่วงอุปกรณ์ เสริม หรืออุปกรณ์ I / O (อินพุต / เอาต์พุต)
อะไรกำหนดอุปกรณ์ต่อพ่วง?
โดยปกติคำว่าอุปกรณ์ต่อพ่วงใช้เพื่ออ้างถึงอุปกรณ์ ภายนอก ของคอมพิวเตอร์เช่นเครื่องสแกนเนอร์ แต่อุปกรณ์ที่อยู่ ภายใน เครื่องคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ต่อพ่วงด้วยเช่นกัน
อุปกรณ์ต่อพ่วงเพิ่มฟังก์ชันการทำงานให้กับคอมพิวเตอร์ แต่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม "หลัก" ของส่วนประกอบเช่น CPU , เมนบอร์ด และ แหล่งจ่ายไฟ อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับฟังก์ชันหลักของคอมพิวเตอร์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าองค์ประกอบเหล่านี้จะไม่ถือว่าเป็นองค์ประกอบที่จำเป็น
ตัวอย่างเช่น จอภาพคอมพิวเตอร์ แบบเดสก์ท็อปไม่ได้ช่วยในการคำนวณและไม่จำเป็นต้องใช้เพื่อให้คอมพิวเตอร์เปิดเครื่องและเรียกใช้โปรแกรม แต่จำเป็นต้อง ใช้ คอมพิวเตอร์จริง
อีกวิธีหนึ่งในการคิดเกี่ยวกับอุปกรณ์ต่อพ่วงคือไม่ทำงานเป็นอุปกรณ์แบบสแตนด์อโลน วิธีเดียวที่พวกเขาทำงานคือเมื่อเชื่อมต่อและควบคุมโดยคอมพิวเตอร์
ประเภทของอุปกรณ์ต่อพ่วง
อุปกรณ์ต่อพ่วงได้รับการจัดประเภทเป็นอุปกรณ์อินพุตหรืออุปกรณ์เอาท์พุทและมีฟังก์ชันบางอย่างเป็นทั้ง
ในประเภท ฮาร์ดแวร์ ประเภทนี้มีทั้ง อุปกรณ์ต่อพ่วงภายใน และ อุปกรณ์ต่อพ่วงภายนอก ประเภทใดประเภทหนึ่งซึ่งอาจรวมถึงอุปกรณ์อินพุตหรือเอาต์พุต
อุปกรณ์ต่อพ่วงภายใน
อุปกรณ์ต่อพ่วงภายในที่พบในคอมพิวเตอร์ ได้แก่ ไดรฟ์ออปติคอล การ์ดแสดงผล และ ฮาร์ดไดรฟ์
ในตัวอย่างเหล่านี้ไดรฟ์ดิสก์คืออินสแตนซ์หนึ่งของอุปกรณ์ที่มีทั้งอินพุตและอุปกรณ์เอาท์พุท คอมพิวเตอร์สามารถอ่านข้อมูลที่เก็บอยู่ในแผ่นดิสก์ (เช่นซอฟต์แวร์เพลงภาพยนตร์) เท่านั้น แต่ยังสามารถส่งออกข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ไปยังแผ่นดิสก์ (เช่นเมื่อเขียนดีวีดี)
การ์ดเชื่อมต่อเครือข่ายการ์ดขยาย USB และอุปกรณ์ภายในอื่น ๆ ที่อาจเสียบเข้ากับ PCI Express หรือพอร์ตชนิดอื่น ๆ เป็นอุปกรณ์ต่อพ่วงภายในชนิดต่างๆ
อุปกรณ์ต่อพ่วงภายนอก
อุปกรณ์ต่อพ่วงภายนอกทั่วไปรวมถึงอุปกรณ์ต่างๆเช่น เมาส์ แป้นพิมพ์ แท็บเล็ต ปากกา ฮาร์ดไดรฟ์ภายนอก เครื่องพิมพ์โปรเจคเตอร์ลำโพงเว็บแคม แฟลชไดรฟ์ เครื่องอ่านการ์ดมีเดียและไมโครโฟน
สิ่งที่คุณสามารถเชื่อมต่อกับด้านนอกของคอมพิวเตอร์ซึ่งปกติจะไม่ทำงานด้วยตัวเองอาจเรียกได้ว่าเป็นอุปกรณ์ต่อพ่วงภายนอก
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุปกรณ์ต่อพ่วง
อุปกรณ์บางชิ้นถือเป็นอุปกรณ์ต่อพ่วงเนื่องจากสามารถแยกออกจากฟังก์ชันหลักของคอมพิวเตอร์และสามารถถอดออกได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอุปกรณ์ภายนอกเช่นเครื่องพิมพ์ฮาร์ดไดรฟ์ภายนอก ฯลฯ
อย่างไรก็ตามอุปกรณ์เหล่านี้อาจไม่ได้เป็นความจริงเสมอไปดังนั้นในขณะที่อุปกรณ์บางอย่างอาจถูกพิจารณาว่าเป็นอุปกรณ์ภายในของเครื่องหนึ่งอุปกรณ์เหล่านี้อาจเป็นอุปกรณ์ต่อพ่วงภายนอกภายนอกได้อย่างง่ายดาย แป้นพิมพ์เป็นตัวอย่างที่ดีเยี่ยม
แป้นพิมพ์ของคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปสามารถถอดออกจากพอร์ต USB และคอมพิวเตอร์จะไม่หยุดทำงาน สามารถเสียบและถอดออกได้หลายครั้งเท่าที่คุณต้องการและเป็นตัวอย่างสำคัญของอุปกรณ์ต่อพ่วงภายนอก
อย่างไรก็ตามแป้นพิมพ์ของแล็ปท็อปจะไม่ถือว่าเป็นอุปกรณ์ภายนอกเนื่องจากเป็นอุปกรณ์เสริมที่มีมาให้ในตัวและไม่สามารถถอดออกได้เช่นเดียวกับที่คุณสามารถใช้แฟลชไดรฟ์ได้
แนวคิดแบบเดียวกันนี้ใช้กับคุณลักษณะแล็ปท็อปส่วนใหญ่เช่นเว็บแคมหนูและลำโพง แม้ว่าส่วนประกอบส่วนใหญ่จะเป็นอุปกรณ์ต่อพ่วงภายนอกบนเดสก์ท็อป แต่ก็ถือว่าอยู่ภายในแล็ปท็อปโทรศัพท์แท็บเล็ตและอุปกรณ์แบบ all-in-one อื่น ๆ
อุปกรณ์ต่อพ่วง หมายถึง อุปกรณ์ที่ต่อเข้ากับระบบคอมพิวเตอร์เพื่อการใช้งานในลักษณะต่างๆ อุปกรณ์ต่อพ่วงมีหลายชนิด และมีความสำคัญดังนี้
1. แผงแป้นอักขระ (Keyboard)
เป็นอุปกรณ์ที่รับข้อมูลจากการกดแป้นแล้วทำการแปลรหัส และส่งต่อไปยังซีพียูของคอมพิวเตอร์เพื่อ
ทำการประมวลผล
การเชื่อมต่อ Keyboard เข้ากับคอมพิวเตอร์ทำได้ 2 รูปแบบคือ
1. เชื่อมต่อด้วยหัวต่อ PS/2
2. เชื่อมต่อด้วยหัวต่อแบบ USB
2.เมาส์(Mouse)
เป็นอุปกรณ์ประเภทตัวชี้รับข้อมูลจากการกดปุ่มบนตัวเมาส์
เมาส์แบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ๆได้ 2 ประเภท คือ
2.1.เมาส์ทางกล
2.2.เมาส์แบบใช้แสง
3.อุปกรณ์ชี้ตำแหน่งสำหรับคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค
เป็นอุปกรณ์รับเข้าที่ติดอยู่กับตัวเครื่องคอมพิวเตอร์โน๊คบุ๊คได้เลย พกพาง่าย มี 3 ประเภท
3.1.ลูกกลมควบคุม (track ball)
3.2.แท่งชี้ควบคุม (track point)
3.3.แผ่นรองสัมผัส (touch pad)
4.ก้านควบคุม(joystick)
เป็นก้านที่โผล่ออกมาจากกล่องควบคุมโดยการบิดขึ้น-ลง ซ้าย-ขวา นิยมใช้เล่นเกม
5.จอสัมผัส(touch screen)
เป็นอุปกรณ์รับเข้าที่รับข้อมูลจากการสัมผัสบนจอภาพ
6.อุปกรณ์รับเข้าแบบกราดตรวจ นิยมใช้ 3 ประเภท
6.1.เครื่องอ่านรหัสแท่ง
6.2.เครื่องกราดตรวจหรือสแกนเนอร์
6.3.กล้องดิจิทัล
7.เว็บแคม(Web cam: Web camera)
เป็นอุปกรณ์รับเข้าประเภทกล้องวีดีโอที่ สามารถบันทึกและถ่ายทอดภาพนิ่ง เคลื่อนไหว ผ่านระบบ
เครือข่ายเว็บไซต์หรือโปรแกรม แล้วส่งไปปรากฏที่จอภาพ
8.จอภาพ(Monitor) มี 2 ชนิด ได้แก่
8.1.จอภาพแบบซีอาร์ที(Cathode Ray Tube)
8.2.จอภาพแบบแอลซีดี(Liquid Crystal Display)
9.ลำโพง(Speaker)
เป็นอุปกรณ์ส่งออกที่แสดงผลเป็นข้อมูลเสียงใช้งานคู่กับการ์ดเสียง(Sound card)
10.หูฟัง(Headphone)
เป็นอุปกรณ์ที่ส่งออกใช้สำหรับฟังเพลง ฟังเสียงจากคอมพิวเตอร์ ทำหน้าที่เปลี่ยนสัญญาณไฟฟ้าเป็น
สัญญาณให้เราได้ยิน
11.เครื่องพิมพ์(Printer)
เป็นอุปกรณ์ส่งออกที่แสดงผลงานพิมพ์ลงบนกระดาษ
11.1.เครื่องพิมพ์แบบจุด
11.2.เครื่องพิมพ์เลเซอร์
11.3.เครื่องพิมพ์แบบฉีดหมึก
11.4.พล็อตเตอร์(Plotter)
เป็นเครื่องพิมพ์ขนาดใหญ่มีความละเอีอดและสัดส่วนที่ถูกต้องสูง สามารถพิมพ์ลงกระดาษขนาดใหญ่
ได้
12.โมเด็ม(Modem)
เป็นอุปกรณ์แปลงสัญญาณคอมพิวเตอร์ติดต่อสื่อสารกับคอมพิวเตอร์อื่นๆได้
13.อุปกรณ์รับเข้าระบบปากกา
อุปกรณ์รับเข้าในกลุ่มนี้จะมีส่วนประกอบอยู่ชิ้นหนึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญ คือ อุปกรณ์ที่มีรูปร่างเหมือน
ปากกา แต่จะมีแสงที่ปลาย งานที่ใช้อุปกรณ์ชิ้นนี้มักเป็นงานเกี่ยวกับกราฟิกที่ต้องมีการวาดรูป งานวาด
แผนผัง และงานคอมพิวเตอร์ช่วยออกแบบ (Computer Aided Design : CAD) ซึ่งถ้าใช้อุปกรณ์ที่มีรูปร่าง
เหมือนปากกา จะช่วยให้ทำงานได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น
อุปกรณ์รับเข้าระบบปากกาที่มีใช้งานอยู่แพร่หลาย ได้แก่
(1) ปากกาแสง (Light Pen)
เป็นอุปกรณ์ที่ไวต่อแสงที่นอกจากจะใช้ในการวาดรูปสำหรับงานกราฟิกแล้ว ยังสามารถทำหน้าที่เหมือนเมาส์ในการชี้ตำแหน่งบนจอภาพหรือทำงานกับรายการเลือกและสัญรูปเพื่อสั่งงานเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยที่ปลายข้างหนึ่งของปากกาชนิดนี้จะมีสายเชื่อมที่สามารถต่อเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ เมื่อมีการแตะปากกาที่จอภาพข้อมูลจะถูกส่งผ่านสายนี้ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ ทำให้สามารถรับรู้ตำแหน่งที่ชี้และกระทำตามคำสั่งได้ นอกจากนี้เมื่อมีการใช้คอมพิวเตอร์ชนิดพกพาหรือปาล์มท็อปอย่างแพร่หลาย ก็มีการนำปากกาชนิดนี้มาใช้ในการรับข้อมูลที่เป็นลายมือบนเครื่องคอมพิวเตอร์ชนิดนี้ด้วย
(2) เครื่องอ่านพิกัด (Digitizing tablet)
ประกอบด้วยกระดาษที่มี เส้นแบ่ง (Grid) ซึ่งสามารถใช้ปากกาเฉพาะที่เรียกว่า Stylus ชี้ไปบนกระดาษนั้น เพื่อส่งข้อมูลตำแหน่งเข้าไปยังคอมพิวเตอร์ ปรากฏเป็นลายเส้นบนจอภาพ เป็นอุปกรณ์อีกชนิดหนึ่งที่นิยมใช้กับงานด้าน CAD เช่น ใช้ในการออกแบบรถยนต์รุ่นใหม่ ตึกอาคาร อุปกรณ์ทางการแพทย์ และหุ่นยนต์ เป็นต้น
(3) จอภาพระบบไวต่อการสัมผัส (Touch-Sensitive Screen)
จอภาพระบบสัมผัส (Touch Screen)เป็นจอภาพแบบพิเศษซึ่งผู้ใช้เพียงแตะปลายนิ้วลงบนจอภาพในตำแหน่งที่กำหนดไว้ เพื่อเลือกการทำงานที่ต้องการแทนการใช้ Mouse หรือ Keyboard ซอฟต์แวร์ที่ใช้จะเป็นตัวค้นหาว่าผู้ใช้เลือกทางเลือกใด และทำงานให้ตามนั้น หลักการนี้นิยมใช้กับเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ไม่คล่องนักสามารถเลือกข้อมูลที่ต้อง การได้อย่างสะดวกรวดเร็ว จะพบการใช้งานมากในร้านอาหารแบบเร่งด่วน หรือใช้แสดงข้อมูลการท่องเที่ยว เป็นต้น
14.โพรเจกเตอร์
เครื่องฉายภาพ หรือ เครื่องฉายวีดิทัศน์ (อังกฤษ: video projector) เป็นอุปกรณ์สำหรับฉายภาพจากสัญญาณวิดีโอ ผ่านระบบเลนส์ไปยังฉากรับภาพ โดยใช้ไฟที่สว่างและจ้าในการฉายภาพ โดยเครื่องฉายภาพรุ่นใหม่ สามารถแก้ไข ส่วนโค้งเว้า ความคมชัด ส่วนประกอบของภาพ และอื่น ๆ ด้วยการปรับโดยผู้ใช้เอง เครื่องฉายภาพได้รับการใช้อย่างกว้างขวางในการนำเสนองานในห้องประชุม ห้องเรียน หรือ แม้แต่ใช้เป็นโรงภาพยนตร์ในบ้าน เครื่องฉายภาพจึงกลายเป็นที่นิยมและถูกใช้อย่างกว้างขวาง
เครื่องเครื่องฉายภาพในปัจจุบัน มีเทคโนโลยีที่ใช้ 3 ชนิด คือ
เครื่องฉายภาพแบบซีอาร์ที
เครื่องฉายภาพชนิดหลอดรังสีแคโทด (CRT projector) ใช้หลอดรังสีแคโทด จะมีสามหลอดสี คือ สีน้ำเงิน สีเขียว และสีแดง โดยหลอดสีทั้งสามสามารถเลื่อนเพื่อปรับองศาของภาพให้ถูกต้องได้ เครื่องฉายภาพชนิดนี้เป็นชนิดที่เก่าแก่ที่สุด ไม่จำเป็นต้องดูแลรักษามาก แต่ดูไม่สวยงามเพราะเครื่องฉายมีขนาดใหญ่ แต่มีข้อดีคือสามารถฉายภาพให้เป็นภาพขนาดใหญ่ในราคาที่ถูกกว่า
เครื่องฉายภาพชนิดฉายแสงผ่านแผ่นแอลซีดี (LCD projector) เป็นเครื่องฉายภาพที่มีระบบกลไกข้างในที่ไม่ซับซ้อน ทำให้เป็นเครื่องฉายภาพที่ถูกใช้อย่างกว้างขวาง เพราะราคาถูก เครื่องฉายภาพชนิดนี้มีปัญหาด้านการมองเรียกว่า screen door effect หรือ pixilation effect ซึ่งเราจะมองเห็นภาพเป็นจุด เป็นเหลี่ยมขนาดเล็ก และหลอดไฟมีราคาสูง
การฉายภาพบนเครื่องฉายภาพชนิดแอลซีดี ใช้หลอดไฟชนิดเมทัลฮาไลด์ ส่งแสงไปยังปริซึมเพื่อกระจายแสงไปยังแผงซิลิคอนสามสี คือ แดง เขียว น้ำเงิน เพื่อส่งภาพเป็นสัญญาณวิดีโอ เมื่อแสงผ่านแผงซิลิคอนนี้แล้ว แต่ละพิกเซลจะเปิดออกหรือปิดลง เพื่อให้ภาพ ทั้งระดับสีและการไล่สีตามที่ต้องการ สาเหตุที่เราใช้ หลอดเมทัลฮาไลด์เพราะสามารถให้อุณหภูมิของสีและระดับสีที่ถูกต้องที่สุด ทั้งยังสามารถให้ความสว่างของแสงสูงในพื้นที่ที่มีขนาดเล็กได้ เครื่องฉายภาพแอลซีดีรุ่นปัจจุบัน จะมีความสว่างประมาณ 2000-4000 ลูเมน
เครื่องฉายภาพชนิด DLP (DLP projector) ใช้เทคโนโลยีที่ชื่อว่า Digital Light Processor ของ Texas Instrument มีตัวกำเนิดแสงที่เล็กมากเรียกว่า Digital Micromirror Device (DMDs) เครื่องฉายภาพชนิดนี้ทำงานโดยปรกติจะใช้ DMD 2 ตัวจะใช้จานหมุนติดกระจกเพื่อสร้างสี
ปัญหาของเครื่องฉายภาพชนิดนี้คือ Rainbow effect คือผู้ที่ดูภาพที่ฉายไปสีขาว เป็นสีรุ้ง แต่สามารถแก้ปัญหาได้โดยใช้ระบบใหม่ซึ่งใช้ DMD 3 ตัว ความเร็วในการหมุนของจานหมุนติดกระจกที่สูงขึ้น และสามารถให้สีหลักได้อย่างถูกต้อง