เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
ทำยังไงให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานนานขึ้น ป้องกันแบตเสื่อมเร็ว เพราะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มี "แบตเตอรี่" ในเครื่อง มีเรื่องวงจรแบตเข้ามาเกี่ยวข้อง เราจึงต้องมีเทคนิคการชาร์จและดูแลอุปกรณ์อย่างถูกต้อง เพื่อถนอมอายุแบตเตอรี่ให้ทนทานยิ่งขึ้น
1. ห้ามปล่อยโน๊ตบุ๊คแบตหมดจนดับ
ไม่ควรทำอย่างยิ่งที่จะใช้โน๊ตบุ๊คหรือสมาร์ทโฟนจนแบตเตอรี่หมดแล้วดับคามือไปเลย แล้วชาร์จกลับไปจนเต็ม 100% เพราะมันทำร้ายแบตเตอรี่ของเราอย่างร้ายแรงแล้วแบตเตอรี่จะเสื่อมเร็วยิ่งขึ้น วิธีที่ถูกต้องนั้นควรใช้งานให้แบตเตอรี่เหลือ 0% แล้วชาร์จกลับมาจนเต็ม 100% ควรทำเพียง 1 ครั้งในรอบหนึ่งถึงสามเดือน เพื่อให้ตัวควบคุมกระแสและเซลแบตเตอรี่คำนวนความจุได้ถูกต้องและแม่นยำเหมือนเดิม
จากการทดลองของสถาบันต่างประเทศพบว่าการชาร์จและเลี้ยงไฟในแบตเตอรี่ให้อยู่ในช่วงไม่ต่ำกว่า 20-90% นั้นจะช่วยให้วงจรแบตเตอรี่และอาการแบตเตอรี่เสื่อมเกิดขึ้นช้ากว่าการใช้งานจนเครื่องดับไป
2. ถอดอุปกรณ์เสริมเกินจำเป็นออกไป
ถึงจะมีพอร์ตเชื่อมต่อให้ใช้เยอะก็ตามแต่สิ่งสำคัญ คือ เราควรต่ออุปกรณ์เสริมเข้ากับโน๊ตบุ๊คแต่เพียงพอดีและถอดอุปกรณ์ที่ไม่ใช้ออกไปเสมอ และไม่ควรปล่อยสายเชื่อมต่อต่าง ๆ ติดเอาไว้กับเครื่องเพราะจะกินแบตเตอรี่ของเราเป็นระยะ ๆ
3. ปิด Wi-Fi, Bluetooth เมื่อไม่จำเป็น
การเปิด Wi-Fi และ Bluetooth ทิ้งเอาไว้จะทำให้โน๊ตบุ๊คเปลืองแบตเตอรี่จนทำให้เราต้องชาร์จบ่อย ๆ และแม้จะยังไม่เชื่อมต่อก็ตาม ทั้งสองฟังก์ชั่นนี้ก็จะทำการสแกนหาการเชื่อมต่ออยู่เป็นระยะ ๆ อยู่แล้วซึ่งใช้งานแบตเตอรี่ของเราอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
4. อย่าเสียบปลั๊กค้างเอาไว้
เพราะโน๊ตบุ๊คถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้แบบไม่ต้องเสียบปลั๊กตลอดเวลาเหมือนคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะจึงไม่จำเป็นต้องเสียบปลั๊กให้โน๊ตบุ๊คตลอดเวลาจะทำให้แบตเตอรี่ได้ใช้งานน้อยเกินไป ดังนั้นเราควรถอดปลั๊กและใช้งานโน๊ตบุ๊คด้วยแบตเตอรี่เป็นระยะ ๆ จะทำให้แบตเตอรี่มีการบริหารไฟฟ้าเข้าออก ช่วยให้รอบแบตเตอรี่ลดช้าลง แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้แบตเตอรี่ต่ำกว่า 20%
5. เปิดโหมด Best battery life เมื่อไม่ได้เสียบปลั๊ก (โหมดเซฟแบตเตอรี่)
ปุ่มคำสั่งนี้จะรวมอยู่กับไอคอนแบตเตอรี่ตรงมุมขวาล่าง ถ้าปรับไปเป็น Best battery life นอกจากจะทำให้แบตเตอรี่หมดช้าแล้ว ยังถนอมแบตเตอรี่ให้อายุใช้งานนานขึ้น เพราะตัวเครื่องจะอยู่ในโหมดจ่ายพลังงานน้อยและไม่ใช้ประสิทธิภาพสูงทำให้ไม่เร่งใช้พลังงานจากแบตเตอรี่จนเกิดการเสื่อมสภาพเร็ว ซึ่งสามารถเปิดได้ตั้งแต่แบตเตอรี่ 100% เลยก็ได้ถ้าเราไม่ได้ใช้งานหนัก
ปัจจุบันหากพูดถึงเรื่อง แบตเตอรี่ Notebook เรามักจะพบว่าแบตเตอรี่ของเรานั้นจะมีอยู่ 2 ประเภทหลักๆ ก็คือ แบตเตอรี่ที่เป็นชนิดของ Lithium Ion (Li-Ion) และ Li-Polymer นั่นเอง ซึ่งแบตเตอรี่ชนิดดังกล่าวนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหา Memory Effect ของแบตเตอรี่รุ่นเก่าอย่าง Ni-Cd และรุ่น NiMH นั่นเอง
ซึ่งหากถามว่าเราควรชาร์ตแบตเตอรี่แบบไหนดีแล้วล่ะก็ คำตอบก็คือ เพื่อนๆนั้นสามารถชาร์ตแบตเตอรี่ได้อย่างไรก็ได้ เพราะเงื่อนไขการเสื่อมของแบตเตอรี่ประเภท Lithium Ion (Li-Ion) และ Li-Polymer นั้นมีปัจจัยส่วนน้อยที่จะเสื่อมเพราะมาจากการใช้งานของผู้ใช้นั่นเองครับ แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่เราควรรู้ไว้และเป็นเทคนิคในการชาร์ตนั้นก็มีอยู่ด้วยกัน 3 เรื่อง ดังต่อไปนี้
ควรชาร์ตแบตเตอรี่เมื่อไหร่
ควรชาร์จแบตเตอรี่ ณ ระดับพลังงาน ที่ 35-60 % จะเป็นช่วงที่ดีที่สุดครับ
หากจะไม่ได้มีการใช้โน้ตบุ๊คเป็นระยะเวลานาน ต้องถอดแบตเตอรี่ออกจากเครื่องไหม
การถอดและเก็บแบตเตอรี่นั้นควรให้แบตเตอรี่มีความจุ 40% และควรเก็บในสถานที่ที่มีอากาศเย็น และไม่มีความชื้น (ตัวเลข 40% นี้เป็นค่าที่เหมาะสมที่สุดจากการทดลองในห้องแล็ป) ในทางกลับกัน กรณีที่มีการใช้งานโน้ตบุ๊ค การชาร์จแบตเตอรี่ทุกครั้งควรชาร์จให้เต็มความจุของแบตเตอรี่
ถ้าเสียบปลั๊กใช้งานควรจะใส่หรือจะถอดแบตเตอรี่ดี
ภายในแบตเตอรี่โน้ตบุ๊คนั้นจะมีวงจรไว้สำหรับควบคุมการชาร์จ โดยลักษณะของวงจรชาร์จแบตเตอรี่ที่พบในโน้ตบุ๊คจะมีอยู่ 2 ลักษณะคือ
แบบที่ 1 ทำการชาร์จตลอดเวลาแม้ระดับความจุของแบตเตอรี่จะสูงกว่า 90% วงจรแบบนี้จะพบได้ในโน้ตบุ๊ค รุ่นเก่าๆ
แบบที่ 2 วงจรชาร์จแบตเตอรี่จะทำงานเมื่อระดับความจุของแบตเตอรี่ต่ำกว่า 90-95% (แล้วแต่ยี่ห้อ)
โดยโน้ตบุ๊คส่วนใหญ่ในปัจจุบันนั้นจะใช้วงจรแบบที่ 2 นี้ เกือบทั้งหมด ดังนั้นการเสียบปลั๊กเล่นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องถอดแบตออกและจะไม่มีผลกระทบใดๆต่อ แบตเตอรี่เพราะวงจรการชาร์จของแบตเตอรี่ยังไม่ได้ทำงาน นอกจากนี้แล้วยังมีข้อดีข้อเสียในการเสียบปลั๊กเล่นและการไม่เสียบปลั๊กเล่นต่างกันออกไปดังนี้
การเสียบปลั๊กเล่นแบบใส่แบตเตอรี่
ข้อดี : มีแบตเตอรี่ไว้สำรองให้เครื่องไม่ดับ ไม่ส่งผลให้เกิดความเสียหายของอุปกรณ์กรณีหยุดการทำงานกระทันหัน
ข้อเสีย : สูญเสียจำนวนรอบการชาร์ต
การเสียบปลั๊กเล่นแบบถอดแบตเตอรี่
ข้อดี : รักษาจำนวนรอบชาร์ตของแบตเตอรี่
ข้อเสีย : มีความเสี่ยงอุปกรณ์พังเนื่องจากการหยุดการทำงานของอุปกรณ์กระทันหันกรณีไฟดับ
ซึ่งสรุปแล้ว Admin แนะนำให้เสียบแบตเตอรี่เล่นดีกว่าครับ เพราะถ้าแบตมันเสื่อมก็เปลี่ยนเอาได้ แต่หากคอมพังเพราะไฟดับนี่เรื่องใหญ่อย่างแน่นอน เพราะเราอาจจะเสียเงินค่าซ่อมเยอะกว่าค่าแบตเตอรี่อันใหม่ก็เป็นได้ครับ