การประกันภัยทางทะเลและขนส่ง แบ่งได้เป็น 3 ประเภทดังนี้
1. Marine Cargo Insurance คือ การประกันเพื่อคุ้มครองสินค้าหรือทรัพย์สินที่ขนส่ง ระหว่างประเทศจากผู้ขายในประเทศหนึ่งไปยังผู้ซื้อในอีกประเทศหนึ่งโดยทางเรือเดินสมุทร เครื่องบินพาณิชย์ หรือทางพัสดุไปรษณีย์ จากอุบัติเหตุต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น เรือถูกไฟไหม้ เรือคว่ำ เรือจม ความเสียหายจากการขนถ่ายสินค้าขึ้น หรือขนลงจากเรือ จนทำให้เกิดความเสียหายต่อตัวสินค้า
2. Inland Transit Insurance คือ การประกันภัยการขนส่งภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ทางบก ทางน้ำ ทาง
อากาศยาน รับประกันภัยสินค้าหรือทรัพย์สิน ในระหว่างการขนส่งจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกสถานที่หนึ่ง
โดยยานพาหนะที่ใช้ในการขนส่งคือ รถบรรทุก 6 ล้อ, รถบรรทุก 10 ล้อ, รถเทรลเลอร์ เรือฉลอม เรือโป๊ะ
และ เครื่องบินพาณิชย์
3. Marine Hull Insurance คือ การประกันภัยตัวเรือประกันภัยคุ้มครองความสูญเสีย หรือเสียหายของ
โครงสร้างตัวเรือ รวมถึงเครื่องจักรอุปกรณ์ต่าง ๆ แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
3.1 ประเภทไม่มีเครื่องจักร ส่วนที่เป็นโครงสร้างของเรือ รวมถึงอุปกรณ์บนเรือ และสัมภาระต่างๆ
3.2 ประเภทที่มีเครื่องจักรหรือกำลังขับเคลื่อนเอง คือ ส่วนที่ให้พลังงานการเดินเรือ
ทำความร้อน ทำความเย็น
ประเภทการขนส่งต่างๆ ซึ่งสามารถทำประกันภัยสำหรับสินค้า
- Sea Freight
- Air Freight
- Parcel Post
- Truck
- Rail
ผู้ที่จะเอาประกันภัยได้ต้องมีส่วนได้ส่วนเสียในเหตุที่เอาประกันภัย เช่น เจ้าของเรือ, เจ้าของสินค้าหรือผู้รับขนส่ง เป็นต้น ใครเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในสินค้าขณะเกิดความเสียหาย ผู้นั้นย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้บริษัทชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับตนเองได้
สินค้าทั้งหีบห่อเสียหายโดยสิ้นเชิง เพราะตกจากเรือ หรือจากการขนขึ้นลง หรือเปลี่ยนถ่ายเรือ หรือยานพาหนะ
✔✔✘ความสูญเสียหรือเสียหายต่อทรัพย์สินที่เอาประกันภัยอันเกิดจากภัยทุกอย่างที่มีสาเหตุจากภายนอกและเกิดขึ้นโดยไม่คาดหมาย
ประกันการขนส่ง ประกันการส่งออกและนำเข้าสินค้าทุกประเภท ไม่ว่าเป็น สินค้าเกษตร สินค้าสำเร็จรูป วัตถุดิบ เครื่องจักร สินค้าอุปโภคบริโภค อาหารสำเร็จรูป เสื้อผ้า เครื่องสำอาง สินค้าการแพทย์ และอื่นๆ
สำหรับการขนส่งทางน้ำ ทางบก ทางอากาศ โดยการใช้เรือ รถบรรทุกขนส่ง รถยนต์ รถไฟ และเครื่องบิน ในการขนส่งสินค้าไปยังปลายทางครอบคลุมและชดเชยค่าเสียหายจากภัยที่สามารถเกิดขึ้นได้ระหว่างขนส่ง เพื่อให้ธุรกิจจำกัดความเสี่ยงและไม่เสียหาย
ทำไมต้องมีการประกันการขนส่ง ประกันการส่งออก (Marine & Cargo Insurance)?
1.เพราะสินค้ามีความเสี่ยงต่อความเสียหายและสูญเสียรายได้ในกรณีที่เกิดเหตุที่คาดไม่ถึงสำหรับทุกๆการขนส่งสินค้า
2.เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจและคู่ค้า ซึ่งทำให้เกิดความมั่นใจในการร่วมทำธุรกิจ
3.ลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจและลดความเสี่ยงภัยของสินค้าหรือทรัพย์สินในระหว่างการขนส่ง
รายละเอียดประกันการขนส่ง ประกันการส่งออก (Marine & Cargo Insurance):
การส่งออกสินค้าจากประเทศไทยหรือการนำเข้าสินค้าสู่ประเทศไทยนี้ล้วนแต่เป็นเรื่องที่จำเป็นและสำคัญและเศรษฐกิจของประเทศไทยยังต้องพึ่งการเติบโตจากการส่งออกเป็นอัตราส่วนที่เยอะ
การที่ต้องมีการส่งออกสินค้าไปยังประเทศต่างๆมากขึ้นนั้น การขนส่งทางเรือ ทางรถยนต์ หรือแม้แต่ทางเครื่องบินนั้น เป็นสิ่งที่จำเป็นเป็นอย่างมาก แต่ทุกๆการขนส่ง ย่อมต้องมีความเป็นไปได้ถึงความเสียหายต่างๆของสินค้าระหว่างขนส่งตั้งแต่โรงงาน โกดัง ไปจนถึงปลายทางสินค้า
ดังนั้นเพื่อคุ้มครองและปกป้องสินค้าที่ต้องส่งออกไปยังต่างประเทศหรือนำเข้าจากต่างประเทศนั้นให้ปลอดภัย การทำประกันภัยการขนส่งจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้เกิดผลดีกับธุรกิจมากที่สุด
สามารถทำประกันการขนส่ง ได้2 รูปแบบ
- แบบจำกัดเวลา (Time Policy): ซึ่งกรมธรรม์จะคุ้มครองตามระยะเวลาที่กำหนด
- แบบขนส่งเฉพาะเที่ยว (Vovage Policy) คุ้มครองตามรอบที่ส่ง ความคุ้มครองสิ้นสุดเมื่อถึงจุดหมาย
ความคุ้มครองประกันการขนส่ง ประกันการส่งออกและนำเข้า (Marine & Cargo Insurance):
- สินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศทุกประเภท
- สินค้าที่ส่งออกไปต่างประเทศทุกประเภท
- ภาหนะการขนส่งทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ รถไฟ เครื่องบิน เรือขนส่ง
- ความคุ้มครองเริ่มตั้งแต่โกดัง โรงงาน และจุดต่างๆตามที่กำหนดจนถึงปลายทางตามที่ตกลง
- สามารถใช้ได้กับทุกเทอมการขนส่ง (CIF, CNF, FOB, CFR, และอื่นๆ)
- คุ้มครองทุกภัย:
- ภัยจากอัคคีภัยและการระเบิด
- เรือร่ม เรือเกยตื้น เรือชนกัน
- ยานพาหนะบนบกพลิกคว่ำหรือตกราง
- การขนสินค้าระหว่างทางเพื่อหลบภัย
- การเสียสละในความเสียหายทั่วไป (GA)
- การทิ้งและโยนสินค้าลงทะเลขณะที่ประสบภัย
- ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงหรือบรรเทาความเสียหาย
- ภัยจากแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ฟ้าผ่า
- สินค้าถูกคลื่นซัดตกทะเล
- สินค้าเสียหายอย่างสิ้นเชิงระหว่างขนส่งขึ้นหรือลงเรือหรือระหว่างถ่ายลำเรือ
- สินค้าเปียกน้ำเนื่องจากน้ำทะเลหรือน้ำเข้าสู่ระวางเรือหรือเข้าตู้คอนเทนเนอร์ หรือน้ำท่วมคลังสินค้า (ไม่รวมฝน)
- เปียกน้ำฝน
- การกระทำด้วยความมุ่งร้ายของบุคคลอื่นๆ
- การปล้นโดยโจรสลัด
- การลักขโมยอุบัติเหตุอื่นๆ ที่ไม่เข้าข่ายดังกล่าวข้างต้น เช่น แตก หัก ฉีกขาด เปื้อน ภาชนะบุบสลายทำให้สินค้ารั่วไหล ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างการขนส่ง
จุดเด่นประกันการขนส่ง ประกันการส่งออก (Marine & Cargo Insurance):
- สามารถรับกรมธรรม์ได้หลังจากชำระค่ากรมธรรม์เรียบร้อย ทำให้สามารถออกกรมธรรม์เพื่อเริ่มต้นความคุ้มครองได้ทันที
- สามารถจ่ายค่าสินไหมได้ภายใน 7 วันหลังจากได้เอกสารครบ
- มั่นใจได้กับประกันการขนส่ง ประกันการส่งออก ด้วยคุณภาพบริษัทประกันที่มีชื่อเสียงมายาวนานทั้งในระดับโลกและในระดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็น กรุงเทพประกันภัย, เมืองไทยประกันภัย, ทิพยประกันภัย, วิริยะประกันภัย, หรือไทยศรีประกันภัย หรือบริษัทประกันภัยระดับโลกทั้งจากฝั่งอเมริกา ยุโรป หรือ ญี่ปุ่น หรือแม้กระทั่งออสเตรเลีย เช่น AXA ประกันภัย, LMG ประกันภัย, โตเกียวมารีนประกันภัย, ไอโออิประกันภัย, ACE ประกันภัย, QBE ประกันภัย เอไอเอประกันชีวิต, อลิอันซ์ประกันชีวิต และอื่นๆอีกมากมาย
- มีบริการ 24 ชม 7 วันไม่มีวันหยุด และมีจุดบริการทั่วประเทศไทย
- สามารถแจ้งเคลมได้ตลอด ทุกวันเวลา มีที่ปรึกษาประกันภัยให้ข้อมูลและเปรียบเทียบรายละเอียดประกันพร้อมให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์เพื่อใช้ในการตัดสินใจ
- สามารถทำเรื่องเคลมได้ทั่วโลก ไม่ว่าการขนส่งจะอยู่ที่ไหน
- ข้อมูลรายละเอียดถูกต้องและแม่นยำ ไม่ต้องเสียเวลา และมีปัญหาในเรื่องเอกสารต่างๆ
- มีนโยบาย Open Policy ซึ่งทำให้เกิดความยืดหยุ่นในการทำประกันการขนส่ง
- การติดต่อประสานงานและออกกรมธรรม์ได้รวดเร็ว
- เคลมง่าย และ เคลมเร็ว ด้วยขั้นตอนที่เร็ว และมีเจ้าหน้าที่ติดตามการเคลมและให้คำปรึกษาเรื่องการเคลมตลอด และรักษาผลประโยชน์ของผู้ทำประกันภัยทุกคน
- ไม่ต้องเสียเวลาติดต่อกับบริษัทประกันภัยต่างๆเอง พร้อมได้รับสิทธิพิเศษต่างๆมากมายเช่นเดียวกับการติดต่อกับบริษัทประกันภัยโดยตรง
ทาง Siam Advice Firm ยินดีเข้าไปแนะนำรายละเอียดและตอบข้อสงสัยทุกประการและทำแผนต่างๆเพื่อเป็นตัวอย่างโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น