การโอนสิทธิเช่าซื้อ หมายถึง การโอนสิทธิและ หน้าที่การเช่าซื้อตามสัญญาของผู้เช่าซื้อเดิมให้ แก่บุคคลอื่นโดยมิได้มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขและ รายละเอียดในสัญญาการโอนสิทธิเช่าซื้อ
ข้อกำหนดและเงื่อนไข
- 1. รถยนต์คันโอนสิทธิเช่าซื้อต้องทำการจดทะเบียนที่กรมขนส่ง เรียบร้อยแล้ว (ไม่ใช่ป้ายแดง)
- 2. ไม่มียอดค้างชำระค่างวดเช่าซื้อ, ค่าเบี้ยปรับล่าช้า และค่าใช้จ่ายคงค้างอื่นๆ กับทางบริษัทฯ
- 3. ต้องมีกรมธรรม์ประกันภัยประเภทชั้น1 (อายุกรมธรรม์เหลือไม่น้อยกว่า 3 เดือน ณ วันเซ็นสัญญา)
- 4. ผู้เช่าซื้อใหม่ (ผู้รับโอน) และผู้ค้ำประกัน ต้องมีรายได้ต่อท่าน ไม่น้อยกว่า 2 เท่าของค่างวด
- 5. ผู้ค้ำประกัน ต้องเป็นบุคคลธรรมดาเท่านั้น นิติบุคคลหรือชาวต่างชาติไม่สามารถเป็นผู้ค้ำประกันได้
- 6. ผู้เช่าซื้อเดิม (ผู้โอน) ,ผู้เช่าซื้อใหม่ (ผู้รับโอน) และผู้ค้ำประกันใหม่ ต้องมาดำเนินการเซ็นสัญญาต่อหน้าพนักงานของบริษัทฯ พร้อมกัน
- 7. บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ให้ยื่นพิจารณาสินเชื่อสำหรับผู้รับโอนใหม่ หากผู้โอนไม่สามารถชำระค่าใช้จ่ายในการโอนสิทธิส่วนที่เหลือภายใน 30 วัน นับจากวันที่อนุมัติสินเชื่อของผู้รับโอน
- 8. การโอนสิทธิจะมีผลสมบูรณ์ต่อเมื่อได้รับค่าธรรมเนียมการโอนสิทธิ หรือค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องครบถ้วน
ค่าใช้จ่ายในการโอนสิทธิเช่าซื้อ
- • ค่าบริการโอนสิทธิสัญญาเช่าซื้อ 5,700 บาท
- • ค่างวดชำระล่วงหน้า จำนวน 2 งวด
- • ค่าประกันภัยประเภท 1 (กรณีไม่มีประกันภัย)
- • ค่าภาษี (กรณีภาษีหมดอายุ หรือจะครบกำหนด การชำระภาษีประจำปีภายใน 3 เดือน)
- • ค่าภาษีรถยนต์ส่วนต่าง(กรณีรถยนต์นั่งส่วนบุคคล โอนสิทธิเป็นนิติบุคคล)
- • ค่าใช้จ่ายค้างจ่ายอื่นๆ (ถ้ามี)
เอกสารประกอบการพิจารณา
ในยุคข้าวยากหมากแพงรวมถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นภาวะเงินเฟ้อ เศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลให้ข้าวของแพงขึ้นเกือบทุกอย่างโดยเฉพาะเรื่องของ “น้ำมัน” ทุกวันนี้ใครที่ยังคงใช้รถยนต์ส่วนตัวต้องเคยเผชิญเหตุการณ์ที่ทำให้คิดหนักทุกครั้งที่เติมน้ำมัน ไม่เพียงแต่เท่านั้น หลาย ๆ คนยังคงต้องผ่อนชำระรถอยู่
และแน่นอนว่าหากมานั่งคิดทบทวนในช่วงเวลานี้ ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถยนต์หนักพอควร ซึ่งทำให้ในแต่ละเดือนเราต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถที่ค่อนข้างสูง รวมถึงบางคนอาจกำลังประสบปัญหารายได้ที่ไม่เท่าเดิมอยู่อีกด้วย
พอมาฉุกคิดในตอนนี้ทางออกเหล่านั้นอาจจะเป็นการขายรถ หรือเปลี่ยนสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ให้กับคนใกล้ชิดดี เพื่อรักษารถคันนี้ไว้ หรือจะเป็นการที่เปลี่ยนชื่อคนผ่อนรถ และถ้าหากเราไม่ไหวจริง ๆ จนจำเป็นต้องขาย ต้องทำยังไง
บทความนี้จะแนะนำทุกท่านไปสู่ “3 ทางออกสำหรับคนผ่อนรถไม่ไหว”
1. ติดต่อไฟแนนซ์ปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อรักษาประวัติเครดิต
เมื่อเรารู้แล้วว่าเราผ่อนไม่ไหวแน่ ๆ แต่เรารักรถคันนี้ยังคงอยากใช้รถคันนี้อยู่ แน่นอนว่าคงมีคนลังเลว่า หรือตัดสินใจเปลี่ยนสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ดี จริง ๆ แล้วนี่อาจจะตอบโจทย์เรามากกว่าก็ได้ เพียงแค่เราอาจจะต้องรีบติดต่อไฟแนนซ์ของเราเพื่อขอปรับโครงสร้างหนี้ และชื่อรถก็ยังคงเป็นชื่อเราอยู่ด้วย อีกทั้งโดยส่วนใหญ่แล้ว ไฟแนนซ์มีแนวทางในการช่วยเหลือลูกหนี้ เช่น การปรับลดค่างวด ยืดเวลาการผ่อนชำระออกไป หรืออาจจะเสนอการผ่อนชำระแบบขั้นบันได ที่หมายถึงการผ่อนจำนวนน้อย ๆ ในช่วงที่มีปัญหา และค่อย ๆ ปรับเพิ่มสูงขึ้นเมื่อปัญหาเบาลง เพื่อให้เหมาะสมกับความสามารถของเราในการผ่อนตามระยะเวลา
ในส่วนของการผ่อนชำระแบบขั้นบันไดนี้โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะต้องเจอกับดอกเบี้ยที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ จึงไม่ค่อยเป็นทางเลือกที่ดีเท่าไหร่นักในระยะยาว และถ้าหากว่าเราต้องการปรับโครงสร้างหนี้ ก็ควรรีบดำเนินการก่อนที่จะเริ่มค้างชำระเพื่อเป็นการรักษาประวัติเครดิตของตัวเราเอง เพราะประวัตินี้จะไปปรากฏอยู่ในข้อมูลของบริษัทและข้อมูลเครดิตแห่งชาติด้วย หรือที่เรียกว่า เครดิตบูโร นั่นเอง และหากเรายิ่งรีบปรับก็จะทำให้โครงสร้างนี้ของเรากลายเป็น NPL ที่ยังได้รับการยกเว้น และไม่ต้องรายงานการปรับโครงสร้างหนี้ไปยังบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติด้วยเช่นกัน
2. รีไฟแนนซ์ค่างวดรถ
หลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินเพียงแค่คำว่ารีไฟแนนซ์บ้าน แต่จริง ๆ แล้วก็การรีไฟแนนซ์ค่างวดรถยนต์เช่นกัน และวิธีนี้อาจทำให้เราต้องเปลี่ยนสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ ซึ่งการรีไฟแนนซ์รถยนต์ก็คล้าย ๆ กับการที่เรารีไฟแนนซ์บ้าน โดยการรีไฟแนนซ์รถยนต์นั้นมีทางเลือกหลัก ๆ ให้เราอีก 2 ทาง คือ
- รีไฟแนนซ์กับธนาคารเดิม โดยศึกษารายละเอียดต่าง ๆ เช่น เงื่อนไขหรืออัตราดอกเบี้ยปัจจุบัน หรือการประเมินราคารถยนต์ ซึ่งเราอาจจะได้รับดอกเบี้ยที่ถูกลงอีกด้วย
- รีไฟแนนซ์ด้วยการย้ายธนาคารหรือสถาบันการเงินแห่งใหม่ ที่มีเงื่อนไขตรงตามความต้องการ ข้อดีหลัก ๆ ในการรีไฟแนนซ์ก็จะมาในรูปแบบ ช่วยให้เงินผ่อนต่องวด/เดือน น้อยลง รวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ครั้งใหม่ที่ลดลง และที่เด่นชัดสำหรับใครที่ฉุกเฉินเรื่องเงินอยู่เพราะเรามีโอกาสได้เงินส่วนต่างเพื่อนำมาใช้จ่ายได้ ก็จะมีผลต่าง ๆ ตามมา เช่น ทำให้ระยะเวลาผ่อนชำระนานขึ้น หรือมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการดำเนินการรีไฟแนนซ์ใหม่ ซึ่งในบางกรณีอาจมีค่าปรับในการไถ่ถอนก่อนกำหนดนั่นเอง
3. การเปลี่ยนโอนสิทธิ์ผู้เช่าซื้อ
การเปลี่ยนโอนสิทธิ์ผู้เช่าซื้อ เรียกว่า การเปลี่ยนสัญญารถ หรือเปลี่ยนชื่อคนผ่อนรถ หากใครที่ไม่ต้องการเก็บรถคันนี้ไว้แล้วก็สามารถใช้วิธีนี้ได้ ซึ่งไม่เพียงแต่เท่านั้น หากเราต้องการรถคันนี้อยู่ เราก็สามารถเปลี่ยนชื่อคนผ่อนรถด้วยวิธีนี้นั่นเอง ซึ่งจริง ๆ แล้ววิธีการเปลี่ยนโอนสิทธิ์ผู้เช่าซื้อเป็นวิธีการที่ผู้เช่าซื้อต้องการโอนสิทธิ์หรือการเปลี่ยนสัญญารถ ให้กับผู้อื่นมาเป็นผู้เช่าซื้อรถแทน โดยผู้เช่าซื้อคนใหม่จะเข้ามาเป็นคู่สัญญาโดยตรงกับผู้ให้เช่าซื้อ และต้องรับไปซึ่งหน้าที่และสิทธิ์เรียกร้องในสัญญาเช่าซื้อ
โดยบุคคลที่เข้ามารับโอนสิทธิ์จะเป็นผู้ผ่อนชำระค่างวดเช่าซื้อ และเป็นผู้ครอบครองและใช้รถที่เช่าซื้อ และเราสามารถประมาณการเปลี่ยนสัญญารถเช่าซื้อรถยนต์เป็นคนที่เราขายรถให้ก็ย่อมได้ หรือเราจะเปลี่ยนชื่อคนผ่อนรถให้เป็นคนในครอบครัวก็สามารถทำได้ด้วยวิธีนี้ อีกทั้งวิธีนี้ยังสามารถรักษาประวัติการผ่อนชำระของเราได้ หากเรากังวลถึงการผ่อนชำระวิธีนี้ก็เป็นอีกหนึ่งในทางเลือกดี ๆ นั่นเอง
สำหรับใครที่ยังสนใจในวิธีการเปลี่ยนโอนสิทธิ์ผู้เช่าซื้อต่อ Krungsri The COACH “ผ่อนไม่ไหว ขายต่อได้แค่โอนสิทธิ์” ก็เตรียมข้อมูลไว้รอคุณแล้วเช่นกัน คลิกเลย
และนี่ก็เป็น “3 ทางออกสำหรับคนผ่อนรถไม่ไหว” โดยเราสามารถเลือกได้ตามความต้องการของเรา อย่างไรก็ตามความจริงแล้วทุกคนก็อาจอยู่ในช่วงที่เกิดปัญหาที่ไม่คาดคิดกันได้ และถ้าหากเกิดช่วงเวลาแบบนั้น การที่เราสามารถคำนวณค่างวดรถที่เราผ่อนไหว ก็จะทำให้สามารถเลือกทางเลือกที่ดีสำหรับเราได้นั่นเอง