เกี่ยวกับการบินไทย
การบินไทย (Thai Airways) (รหัส IATA: TG) หรือเป็นที่รู้จักกันว่า การบินไทย เป็นสายการบินเดียวที่เป็นสายการบินแห่งชาติ สายการบินมีวิสัยทัศน์ในการเป็นทางเลือกเบอร์ 1 ในการให้บริการการบิน โดยมีคำขวัญเป็นภาษาอังกฤษ แปลว่า “เราบิน-นุ่มละมุนดุจแพรไหม ( I FLY - Smooth as Silk)” การบินไทยให้บริการบินไปสู่ 84 สนามบินปลายทางทั่วโลก จากฐานปฏิบัติการบินท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ โดยฝูงบิน 94 ลำ และลูกเรือ 22,684 คน เที่ยวบินของการบินไทยเน้นเส้นทางบินไปสู่ยุโรป เอเชียตะวันออก เอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สายการบินมีให้บริการบินสู่กลุ่มประเทศและหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก รวมทวีปออสเตรเลีย การบินไทยเป็นสายการบินแรกในเอเชียแปซิฟิกที่เปิดให้บริการเที่ยวบินไปสู่ท่าอากาศยานลอนดอนฮีทโธรว์ ในทวีปยุโรป การบินไทยมีฐานการดำเนินการจัดการผู้โดยสารที่ใหญ่ที่สุด ตั้งแต่ปี 1988 การบินไทยได้ผลิตและประยุกต์นวัตกรรมเทคโนโลยีกับธุรกิจ ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมไทยอันน่าประทับใจสู่สายตาโลก ส่งผลให้สายการบินได้รับรางวัลชนะเลิศต่างๆมากมาย ซึ่งรวมไปถึง รางวัลสายการบินยอดเยี่ยมจากสกายแทรกซ์ ประเภทการให้บริการอาหารบนเครื่องบินชั้นประหยัดยอดเยี่ยมประจำปี 2011 รางวัลสายการบินที่มีด้านพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่ยอดเยี่ยมประจำปี 2014 สายการบินที่มีการพัฒนามากที่สุดในโลกและเป็นศูนย์สปาชั้นนำที่ดีที่สุดในสายการบินประจำปี 2016 การบินไทยมีชั้นที่นั่งโดยสารให้บริการ 4 ระดับชั้น ดังนี้ ชั้นประหยัด ชั้นประหยัดพรีเมี่ยม ชั้นรอยัล ซิลค์ คลาส (ชั้นธุรกิจ) และชั้นรอยัล เฟิร์ส คลาส (ชั้นหนึ่ง) เป็นที่รู้กันดีว่าการบินไทยให้บริการผู้โดยสารชั้นประหยัดอย่างดีเยี่ยมในราคาที่ประหยัด ที่นั่งชั้นประหยัดกว้างขวางและมีระบบหน้าจอให้ความบันเทิงทั้งภาพและเสียงครบถ้วน มีความบันเทิงหลายทางเลือกหลากสีสัน ตั้งแต่ภาพยนตร์ ไปการนั่งสมาธิ ผู้โดยสารชั้นประหยัดสามารถโหลดสัมภาระลงใต้ท้องเครื่องได้ 20กก. บนทั้งเที่ยวบินในประเทศและระหว่างประเทศ ในขณะที่ผู้โดยสารชั้นรอยัล ซิลค์ คลาส และรอยัล เฟิร์ส คลาสได้สิทธิ์การโหลดสัมภาระได้ 40 กก. และ 50 กก. ตามลำดับ ส่วนเด็กทารกที่ไม่ได้ซื้อบัตรโดยสารสามารถขนสัมภาระได้ 10กก. ซึ่งไม่รวมรถเข็นเด็กต่างๆ และผู้โดยสารผู้เยาว์ได้สิทธิ์ขนสัมภาระเท่ากันกับผู้ใหญ่ การบินไทยมีโปรแกรมรอยัล ออร์คิด พลัสนำเสนอสำหรับผู้โดยสารที่ต้องการสะสมคะแนนในการเดินทาง (Q Miles) เมื่อเดินทางโดยการบินไทยและสายการบินเครือพันธมิตรสตาร์อัลไลแอนซ์ คะแนนสะสมดังกล่าวสามารถใช้แลกสิทธิประโยชน์มากมาย อาทิ การอัปเกรดชั้นที่นั่งโดยสารบนการบินไทยหรือบนสายการบินในเครือพันธมิตรสตาร์อัลไลแอนซ์ หรือการเข้าพักในโรงแรม สมาชิกบัตรทองของโปรแกรมรอยัล ออร์คิด พลัสก็สามารถได้สิทธิ์การขนสัมภาระเพิ่มเติมได้อีก 20กก. และสมาชิกบัตรเงินก็ได้น้ำหนักเพิ่ม 20 กก. เช่นกัน การจะขึ้นเครื่องบินเที่ยวบินระหว่างประเทศนั้น ผู้โดยสารต้องลงทะเบียนขึ้นเครื่อง ณ สนามบิน อย่างน้อย 40 นาทีก่อนเวลาเครื่องออกเดินทาง และต้องแสดงตน ณ ประตูขึ้นเครื่องอย่างน้อย 10 นาทีก่อนเวลาเครื่องออกเดินทาง ส่วนสำหรับเที่ยวบินในประเทศนั้น ผู้โดยสารจะต้องลงทะเบียนขึ้นเครื่อง ณ สนามบิน อย่างน้อย 30 นาทีก่อนเวลาเครื่องออกเดินทาง และต้องแสดงตน ณ ประตูขึ้นเครื่องอย่างน้อย 10 นาทีก่อนเวลาเครื่องออกเดินทาง
ประวัติการบินไทย
การบินไทยเริ่มก่อตั้งเมื่อปี 1960 ร่วมกับสแกนดิเนเวียนแอร์ไลน์ซิสเต็ม (SAS) ผู้ซึ่งถือหุ้นส่วนร้อยละ 30 ของหุ้นการบินไทย การรวมตัวกันนี้มีวัตถุประสงค์มุ่งเน้นการสร้างธุรกิจเที่ยวบินระหว่างประเทศจากธุรกิจการบินในประเทศแต่เดิม สแกนดิเนเวียนแอร์ไลน์ซิสเต็มให้การฝึกอบรมทางด้านการปฏิบัติการ การบริการจัดการ และการตลาดทำให้การบินไทยกลายเป็นสายการบินแห่งชาติที่ยืดหยัดได้ด้วยตัวเองภายในช่วงเวลาอันสั้น ต่อมารัฐบาลไทยค่อยๆเข้ามามีบทบาทควบคุมความรับผิดชอบในการบริหารจัดการ และลดจำนวนพนักงานต่างชาติในบริษัทการบินไทย 11 ปีให้หลังจากการร่วมทุนกันระหว่างการบินไทยและสแกนดิเนเวียนแอร์ไลน์ซิสเต็ม ในวันที่ 1 เมษายน 1977 สแกนดิเนเวียนแอร์ไลน์ซิสเต็มคืนหุ้นให้เดินอากาศไทยหลังจากครบระยะเวลาตามสัญญาร่วมทุน แล้วโอนให้แก่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ตามมติคณะรัฐมนตรี ณ เวลานั้นการบินไทยได้ปฏิบัติการบินไปแล้วถึง 9 ประเทศจากฐานปฏิบัติการบินท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร ในปี 1987 จำนวนพนักงานต่างชาติลดลงเหลือเพียงร้อยละ 1 ของจำนวนพนักงานการบินไทยทั้งหมด ในปี 1991 การบินไทยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งกระทรวงการคลังได้ถือหุ้นร้อยละ 51 ของหุ้นทั้งหมด และอีกร้อยละ 47 เป็นของเอกชน เมื่อปี 1997 การบินไทยจดทะเบียนแปลงสภาพเป็นบริษัทมหาชน ซึ่งถือเป็นบริษัทแรกในประวัติศาสตร์ประเทศไทย ตลอดปี 2000 การบินไทยพัฒนาธุรกิจของตัวเองโดยการเพิ่มเส้นทางการบินและขยายฝูงบิน ในปี 2005 การบินไทยออกเที่ยวบินให้บริการตรงจากกรุงเทพมหานครสู่นิวยอร์ค และจากกรุงเทพมหานครสู่ลอสแอนเจลิส ปฏิบัติการบินโดยฝูงบินแอร์บัส 340-500S โดยไม่ได้พักเครื่องตลอดการบิน ณ ช่วงเวลานั้นเส้นทางบินทั้งสองนี้ถือเป็นเที่ยวบินตรงที่มีระยะทางไกลที่สุดในโลก อย่างไรก็ตามในปี 2008 เส้นทางทั้งสองนี้ถูกยกเลิกการบินไปเนื่องจากค่าน้ำมันเครื่องที่สูง ข้อจำกัดของน้ำหนักกระเป๋า และบัตรโดยสารที่ราคาสูงขึ้นตามมา ทำให้เที่ยวบินตรงที่บินไปสู่ลอสแอนเจลิสถูกเปลี่ยนไปเป็นเที่ยวบินที่มีการหยุดพักเครื่องที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2012 และฝูงบินแอร์บัส 340s ก็ถูกเปลี่ยนเป็นโบอิ้ง 777-200ER ในปี 2006 การบินไทยได้ย้ายฐานปฏิบัติการบินไปสู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิใหม่ สายการบินได้เปิดตัวภาพลักษณ์บริษัทโฉมใหม่โดยนำเสนอการออกแบบเครื่องแบบลูกเรือใหม่ ที่นั่งบนเครื่องบินใหม่ และการให้บริการบินและภาคพื้นที่ดีขึ้น ในช่วงสิบปีนี้การบินไทยได้ขยายเครือข่ายเส้นทางการบินนอกเหนือจากฐานการบินในกรุงเทพฯ โดยเริ่มให้บริการบินจากภูเก็ตสู่กรุงโตเกียว-กรุงนาริตะ กรุงโซล และฮ่องกง อย่างไรก็ตามในปลายปี 2000 ความเจริญก้าวหน้าของการบินไทยได้หยุดชะงักลงเนื่องจากปัจจัยค่าน้ำมันที่แพงขึ้นของโลก ความอลม่านวุ่นวายของการเมืองไทย และวิกฤตเศรษฐกิจโลก ส่งผลกระทบให้การบินไทยขาดทุนเป็นครั้งแรกในปี 2008 จากการได้รับผลกำไรมาโดยตลอด 40 ปี หลังจากการริเริ่มปรับโครงสร้างบริษัท รวมถึงช่วงเวลาการเลื่อนรับเครื่องบินแอร์บัส 380 เป็นเวลาสองปี สายการบินก็ค่อยได้รับผลกำไรคืน เพื่อฉลองครบรอบอายุ 50 ปีของบริษัทในปี 2010 การบินไทยสั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 787 และแอร์บัส 350 พร้อมทั้งทำการอัปเกรดห้องโดยสารของเครื่องบินโบอิ้ง 747 และโบอิ้ง 777 เพื่อพัฒนาการบริการให้ดียิ่งขึ้น ในเดือนธันวาคม 2011 การบินไทยเปิดตัวเที่ยวบินจำลองใหม่ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการการดำเนินกิจการหรือดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการใส่ใจดูแลรักษาสังคมและสิ่งแวดล้อมภายใต้หลักจริยธรรม การกำกับดูแลกิจการที่ดี และการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาบูรณาการ โดยมีการนำเอาเทคโนโลยี ขั้นตอน และวิธีปฏิบัติการบินแบบใหม่ ที่ลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ มาประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับแนวคิดการเดินทางแบบรักษ์สิ่งแวดล้อม (Travel Green) ของการบินไทย อันส่งผลดีต่อการเพิ่มประสิทธิภาพในการบินให้มีความทันสมัย สะดวกสบาย มีประสิทธิภาพ ประหยัดพลังงานและเวลา รวมทั้งเป็นการใช้พลังงานเครื่องยนต์ให้เหมาะสมในทุกช่วงการบิน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด และมุ่งหมายให้ประเทศไทยเป็นแหล่งศูนย์กลางชีวภาพของทวีปเอเชีย การบินไทยได้เริ่มก้าวแรกเข้าสู่การกลายเป็นสายการบินแรกที่ใช้เชื้อเพลิงชีวภาพบนเที่ยวบินพาณิชย์