ตอบ : การติดกล้องวงจรปิด ภายในบ้าน ไม่จำเป็นต้องมีป้ายแจ้งเตือน หากเพื่อป้องกันอาชญากรรม และรักษาความปลอดภัยกับตัวเจ้าของบ้าน
ANYMIND BETWEEN CONTENT
ที่มา : PDPC Thailand
อ่านเพิ่มเติมที่ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล PDPA คือ
อ่านเพิ่มเติม >> 10 ข้อควรรู้ กฎหมาย PDPA พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
Related
ANYMIND BELOW CONTENT
featured กฎหมาย กล้อง วงจรปิด 2565 กฏหมาย PDPA ติดกล้องวงจรปิด ไม่มีป้ายแจ้งเตือน ผิด PDPA หรือไม่ ติดกล้องวงจรปิดละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ติดกล้องวงจรปิดในบ้านได้ไหม ติดกล้องวงจรปิดในบ้านไม่มีป้ายเตือนผิดไหม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
หากจะพูดถึงระบบรักษาความปลอดภัยที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในทุกวันนี้ การติดตั้ง CCTV น่าจะเป็นสิ่งแรกๆ ที่ทุกสถานที่ติดตั้งและใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นภายในพื้นที่ร้านค้า อาคารสำนักงาน หรือแม้กระทั่งบ้านหรือพื้นที่ส่วนบุคคล
แต่ นอกเหนือจากความปลอดภัยที่จะได้จากการใช้ CCTV แล้ว เราก็มี ความเสี่ยง ที่ต้องเข้าใจภายใต้ พรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA) เช่นกัน
1. กล้อง CCTV เก็บข้อมูลส่วนบุคคล ( Personal Identifiable Information)
อย่างที่ทราบข้อมูลที่ได้รับการบันทึกไว้ในระบบ CCTV คือ ภาพวีดีโอ ซึ่งอาจติดส่วนของรูปภาพ หรือใบหน้าบุคคลที่เข้ามาในสถานที่ดังกล่าว และภายใต้นิยาม ของ พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รูปถ่ายจัดได้ว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคล (รูปถ่าย = ระบุตัวตนบุคคลคนหนึ่งได้) โดยที่ไม่จำเป็นว่าเราจะรู้จัก หรือรู้ชื่อของบุคคลคนนั้นหรือไม่ ซึ่งการที่เราเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลนี้ ย่อมมีภาระหน้าที่ในการจัดการตาม PDPA อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
2. แล้วหากเราติดตั้ง CCTV ต้องมีการจัดการอย่างไร ?
ถึงแม้ว่ากล้อง CCTV จะเป็นการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล แต่เราก็ไม่ต้องตกใจไปหากมีการใช้งาน เพราะหากเราเข้าใจหลักการจัดการง่ายๆดังต่อไปนี้แล้ว ก็สามารถทำได้ตามปกติ
- แจ้งให้บุคคลที่จะเข้ามาในสถานที่ทราบ ว่าเรามีการบันทึก และติดตั้งระบบ CCTV โดยติดประกาศที่เห็นได้ชัดเจน
- ประกาศนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งระบุเกี่ยวกับการเก็บ บันทึก และการใช้ข้อมูลที่บันทึกผ่าน CCTV ตามรายละเอียดที่ พรบ.กำหนด
3. หากเราไม่มีการประกาศแจ้งให้ถูกต้อง จะมีความผิดไหม?
ตอบอย่างสั้นๆ คุณอาจจะมีโทษทางปกครอง ซึ่งบุคคลใดๆที่เข้ามาในสถานที่เราและพบว่าเราไม่ได้มีการแจ้งขอความยินยอม หรือประกาศนโยบายอย่างชัดเจน ก็สามารถไปร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้ ซึ่งโทษปกครองนี้มีโทษปรับสูงสุดถึงหลักล้านบาทเลยทีเดียว!
4. การขอความยินยอม (consent) ในการเก็บข้อมูล CCTV ต้องทำอย่างไรอย่างไร ?
หลักการภายใต้ พรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การใช้กล้องวงจรปิด CCTV ในสถานที่สาธารณะโดยไม่ละเมิดสิทธิ์ของผู้ที่เข้ามาในพื้นที่ (visitors) สามารถใช้ได้ตามฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest) ซึ่งตามหลักแล้วเรา ไม่จำเป็นต้องขออนุญาต (consent) แต่เราจะต้องมีการแจ้งนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล (CCTV Privacy Policy หรือบางคนเรียกว่า CCTV Privacy Notice) ให้กับผู้ที่เข้ามาในพื้นที่ทราบ
สิ่งที่เราสามารถทำได้คือการติดประกาศแจ้งเกี่ยวกับการเก็บข้อมูลของ CCTV เพื่อให้บุคคลที่จะเดินเข้ามาเห็นได้อย่างชัดเจน (เช่น ติดประกาศหน้าทางเข้าทุกประตูเป็นต้น)โดยถือว่า เมื่อบุคคลดังกล่าวเดินเข้ามาภายในสถานที่นั้นๆ ย่อมคาดหมายได้ว่า บุคคลดังกล่าวเห็นประกาศแจ้งนโยบาย แล้ว ซึ่งเราสามารถติดแค่คำแจ้งโดยย่อ และแจ้งให้ไปอ่านนโยบายฉบับเต็มได้ที่ต่างๆที่เรากำหนดไว้ เช่น Website, QR Code, บอร์ดประชาสัมพันธ์ เป็นต้น
5. แล้วถ้าเราติด CCTV ในพื้นที่บ้านตัวเองต้องกังวลเรื่อง PDPA ไหม?
คำตอบคือ ไม่ต้องกังวล หากเป็นการเก็บข้อมูลเพื่อประโยชน์ส่วนตน เนื่องจากการเก็บเพื่อประโยชน์ดังกล่าวได้รับการยกเว้นไม่อยู่ภายใต้บังคับของพรบ.
สุดท้ายนี้หากคุณไม่มั่นใจว่าจะสร้างนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในการใช้ CCTV อย่างไรให้ถูกต้องตามกฎหมาย สามารถให้ EasyPDPA ช่วยสร้างเอกสารนี้ให้ท่านได้ ลองใช้ได้ที่นี่เลย
เริ่มต้นการเป็นเจ้าหน้าที่ DPO ง่าย ๆ ให้ EasyPDPA แนะนำแพ็กเกจ PDPA ที่ตอบโจทย์กับความต้องการของคุณมากที่สุดให้ ไม่ว่าจะเป็น
พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA มีไว้เพื่อคุ้มครองข้อมูลของประชาชน ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยผู้ถือครองข้อมูลสามารถนำข้อมูลไปใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น ต้องมีวัตถุประสงค์ชัดเจนว่าเก็บข้อมูลไปเพื่ออะไรเริ่มแล้ว! "PDPA" หรือ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 บังคับใช้วันนี้วันแรก (1 มิ.ย.65) แต่ยังมีหลายกรณีที่ประชาชนสับสน หนึ่งในนั้นคือกรณี "กล้องวงจรปิด" และ "กล้องหน้ารถ" หากถ่ายติดภาพผู้อื่นโดยไม่ยินยอม จะผิด "กฎหมาย PDPA" หรือไม่?
แม้ว่าก่อนหน้านี้ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจเเละสังคม จะออกมาชี้แจงแล้วว่า เจตนาของการบังคับใช้ "กฎหมาย PDPA" มุ่งคุ้มครองข้อมูล-สิทธิ์ ประชาชน ไม่ใช่การนำมาจับผิด หากมีการถ่ายรูป-โพสต์รูป แล้วติดใบหน้าผู้อื่นมา หากไม่เกิดความเสียหายต่อเจ้าตัว ก็สามารถทำได้
แต่ทั้งนี้ยังมีอีกหนึ่งประเด็น ที่ประชาชนยังมีข้อสงสัย นั่นคือ กรณีติด "กล้องวงจรปิด" และ "กล้องหน้ารถ" หากมีการถ่ายติดผู้อื่นมาโดยเจ้าตัวไม่ยินยอม จะผิดกฎหมาย PDPA หรือไม่? กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ชวนไปหาคำตอบเรื่องนี้พร้อมกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- PDPA คืออะไร เป็นข้อมูลแบบไหน?
PDPA ย่อมาจาก Personal Data Protection Act ซึ่งหมายถึง พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ที่มีขึ้นเพื่อให้ภาคเอกชนและภาครัฐ(บุคคล/นิติบุคคล) ที่เก็บรวมรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือ โอนข้อมูลส่วนบุคคลในไทยให้เป็นไปตามมาตรการปกป้องข้อมูลของผู้อื่นจากการถูกละเมิดสิทธิส่วนตัว
โดยหลักเกณฑ์หลักๆ คือต้องขอความยินยอมจาก "เจ้าของข้อมูล" ก่อนการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลเสมอ สำหรับข้อมูลส่วนบุคคล ตามกรอบ "กฎหมาย PDPA หมายถึง" ข้อมูลที่เกี่ยวกับบุคคลที่ทำให้ระบุตัวบุคคลได้ ทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น
- เลขประจำตัวประชาชน ชื่อ-นามสกุล
- ที่อยู่
- เบอร์โทรศัพท์
- อีเมล
- ข้อมูลทางการเงิน
- เชื้อชาติ
- ศาสนาหรือปรัชญา
- พฤติกรรมทางเพศ
- ประวัติอาชญากรรม
- ข้อมูลสุขภาพ
ทั้งนี้ ข้อมูลคนตาย ข้อมูลนิติบุคคล ไม่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายฉบับนี้
- กรณี "กล้องวงจรปิด" แบบไหนไม่ผิดกฎหมาย PDPA ?
กล้องวงจรปิด CCTV มีหน้าที่รักษาความปลอดภัยด้วยการจับภาพเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่มักถ่ายติดภาพบุคคลทั่วไป ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลในรูปของข้อมูลทางชีวภาพตามคำนิยามของ PDPA หรือ พ.ร.บ. ข้อมูลส่วนบุคคลคุ้มครอง จึงจำเป็นต้องขออนุญาตบุคคลอื่นก่อนถ่าย
ทั้งนี้ สำหรับหน่วยงาน องค์กร หรือร้านค้า ที่มีการติดกล้องวงจรปิด สามารถขอความยินยอมได้โดยอัตโนมัติ ด้วยการ "ติดประกาศ" หรือสติกเกอร์ ที่แจ้งให้บุคคลที่จะเข้ามาในสถานที่ทราบว่ามีการบันทึกและติดตั้งกล้องวงจรปิด CCTV
อีกหนึ่งกรณีที่ทำได้ ไม่ผิดกฎหมาย PDPA นั่นคือ การใช้กล้องวงจรปิด เพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือเพื่อกิจกรรมในครอบครัว ในการป้องกันอาชญากรรม และใช้งานด้านความปลอดภัย ก็ไม่ต้องติดป้ายเตือนใดๆ
เนื่องจากกรณีนี้ได้รับการยกเว้นไม่อยู่ภายใต้บังคับของ พ.ร.บ. ตามที่มาตรา 4(1) ที่บัญญัติว่า พระราชบัญญัตินี้ไม่ใช้บังคับแก่การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือเพื่อกิจกรรมในครอบครัวของบุคคลนั้นเท่านั้น
สรุปคือ หากติดกล้องวงจรปิดที่บ้าน สามารถทำได้ ไม่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด และไม่จำเป็นต้องติดป้ายแจ้งเตือนใดๆ ทั้งสิ้น
- กรณี "กล้องหน้ารถ" ถ่ายติดคนอื่น ผิด PDPA ไหม?
ส่วนประเด็น "กล้องหน้ารถ" ที่บางครั้งอาจถ่ายติดผู้อื่นมาโดยไม่ตั้งใจนั้น หลายคนกังวลว่าอาจผิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กรณีนี้ นายไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ นักวิชาการด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ เปิดเผยผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ระบุว่า
"กล้องหน้ารถ" ประชาชนสามารถติดตั้งได้โดยที่ไม่ต้องแจ้งให้ใครทราบว่ารถของเรามีกล้อง แต่ให้ระมัดระวังในการใช้ภาพจากกล้อง เนื่องจากอาจจะมีปัญหาได้ หากมีการนำเนื้อหาในกล้องเฉพาะข้อมูลบางส่วนไปใช้เพื่อสร้างความเสียหาย อับอาย ให้แก่บุคคลที่ปรากฏในภาพ หรือนำไปใช้เพื่อการค้า หารายได้ หรือนำไปใช้กรณีอื่นๆ ที่ไม่ใช่เพื่อส่วนตัว แบบนี้จะผิดกฎหมายทันที
- ส่อง "บทลงโทษ" ตามกฎหมาย PDPA
1. การกระทำใดๆ กับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่น โดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล มาตรา 83 กำหนดโทษปรับทางปกครองไว้ สูงสุดไม่เกิน 3,000,000 บาท
2. การเก็บข้อมูลที่มีความอ่อนไหว โดยไม่ได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้ง และน่าจะทำให้เจ้าของข้อมูลเสียหาย มาตรา 79 วรรคสอง กำหนดโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1,000,000 บาท
3. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอม และน่าจะทำให้เจ้าของข้อมูลเสียหาย มาตรา 79 กำหนดโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 500,000 บาท
4. ถ้าผู้ประกอบการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้ โดยไม่ได้รับความยินยอม มีความผิดมาตรา 79 วรรคสอง กำหนดโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1,000,000 บาท
5. การกระทำใดๆ กับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นโดยไม่ได้ผ่านการขอความยินยอมตามรูปแบบที่ถูกต้อง รวมถึงไม่ได้แจ้งวัตถุประสงค์ รายละเอียด และแจ้งสิทธิของเจ้าของข้อมูลมาตรา 82 กำหนดโทษปรับทางปกครองไว้ สูงสุดไม่เกิน 1,000,000 บาท
6. การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งอื่นที่ไม่ได้จากเจ้าของข้อมูลโดยตรง โดยไม่มีข้อยกเว้นให้เก็บข้อมูลได้ มาตรา 83 กำหนดโทษปรับทางปกครองไว้ สูงสุดไม่เกิน 3,000,000 บาท