ในคำแนะนำชิ้นล่าสุดของ Rick Popely chobrod ขอนำเสนอวิธีการเช็คน้ำมันเบรกที่ผู้ใช้อาจไม่ค่อยทราบกันนัก
cr. Auto Lab Libertyville
โดยปกติแล้ว คำแนะนำในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกของแต่ละยี่ห้อนั้นไม่เหมือนกัน มีตั้งแต่ควรเปลี่ยนทุกสองปีจนถึงไม่ต้องเปลี่ยนเลยก็มี เช่น Chevrolet แนะนำให้เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกทุก 45,000 ไมล์กับทุกรุ่น ส่วน Honda แนะนำให้เปลี่ยนถ่ายเมื่อใช้งานทุก 3 ปีโดยไม่ต้องดูที่จำนวนระยะทางเช่นเดียวกับ VW ขณะที่ Mercedes แนะนำให้เปลี่ยนถ่ายทุก 2 ปีหรือวิ่งครบ 20,000 ไมล์ ในทางกลับกัน Ford Escape, Toyota Camry, Hyundai Elantra คือตัวอย่างของรถที่ไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรก แต่มีการแจ้งวิธีการตรวจสอบเมื่อถึงเวลา
น้ำมันเบรกบรรจุอยู่ในระบบฝาปิดและใช้งานได้หลายปี แต่ความชื้นจากเครื่องปรับอากาศสามารถเข้ามาผ่านท่อสายยางและชิ้นส่วนอื่นๆ ในระบบเบรก น้ำในเบรกลดจุดเดือดของน้ำมัน ทำให้ความสามารถในการหยุดรถลดลงเมื่อความร้อนในระบบมากขึ้น ยิ่งกว่านั้น ความชื้นทำให้เกิดการกัดกร่อนภายในสายเบรก ตัวยึดวัด (Calipers) ลูกสูบหลัก และส่วนอื่นๆ ได้
การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกทำให้ผู้ใช้ต้องเสียเงินราวๆ หลักร้อยบาท แต่สายเบรกเป็นสนิมผุจนต้องเปลี่ยนเช่นเดียวกับชิ้นส่วนอื่นๆ ย่อมแพงกว่าเยอะ การดูแลรักษาจึงสำคัญมากในแง่ของเม็ดเงิน โดยทั่วไปแล้ว ควรมีการตรวจสอบน้ำมันเบรกและอาจรวมถึงความชื้นสะสมเมื่อใช้งานไปสักปีสองปี ไม่ควรเกินห้าปีเมื่อใช้งานในเขตร้อนชื้นสูง
วิธีการสังเกตความสดของน้ำมันเบรกนั้นพอสังเกตได้ น้ำมันเบรกมีสีน้ำตาลอ่อน แต่ในรถบางรุ่นมีสีใส (และไม่ใช่สุเทพ) เมื่อใช้งานนานๆ สีจะขุ่นลง และเมื่อรวมกับน้ำเปล่าจะทำให้สีมืดมัวลง ควรให้ผู้เชี่ยวชาญไปทดสอบและขอคำแนะนำต่อไป
น้ำมันเบรกมีความสำคัญในการหยุดรถพร้อมกับที่น้ำมันเครื่องทำให้รถไปต่อ แต่ผู้ใช้รถส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าไรนักเท่าที่ควรจะเป็น
อ่านเพิ่มเติม:
- ผ้าเบรค...เรื่องต้องรู้ของคนขับรถ
- น้ำมันเบรค เติมเองได้ เรื่องง่ายๆที่ช่วยเซฟเงินได้มาก
รถยนต์นั้นเมื่อถูกใช้งานจะประกอบด้วยการทำงานของหลายๆส่วนร่วมกัน โดยหัวใจหลักในการขับเคลื่อนเครื่องยนต์คงหนีไม่พ้นระบบของเหลวไม่ว่าจะเป็น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก น้ำมันเกียร์ น้ำยาหล่อเย็น น้ำมันพาวเวอร์ เป็นต้น โดยของเหลวเหล่านี้แน่นอนว่าต้องมีอายุการใช้งานที่ครบกำหนดแล้วต้องทำการเปลี่ยนใหม่ ว่าแต่ของเหลวในรถยนต์ ควรเปลี่ยนถ่ายตอนไหนบ้าง วันนี้พี่หมี TQM มีคำตอบมาฝากครับ
1. น้ำมันเครื่อง
น้ำมันเครื่องก็เปรียบเสมือนเลือดที่หล่อเลี้ยงเครื่องยนต์ ถือเป็นของเหลวที่เปลี่ยนบ่อยมากที่สุด เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานของรถได้ โดยนิยมเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเมื่อรถวิ่งถึงระยะ 8,000 – 10,000 ก.ม. หรือทุกๆ 6 เดือน แต่ทั้งนี้ระยะการเปลี่ยนขึ้นอยู่กับ ประเภทน้ำมันเครื่องที่ใช้ และการใช้งานงานของรถว่าใช้งานบ่อยแค่ไหน และขับขี่ไปได้กี่กิโลเมตร น้ำมันเครื่องเกรดธรรมดา 5,000 กิโลเมตร , น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ 7,500-8,000 กิโลเมตร และน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 10,000-15,000 กิโลเมตร
2. น้ำมันเบรก
น้ำมันเบรกก็ถือว่าเป็นของเหลวที่สำคัญ มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบเบรก โดยปกติแล้วน้ำมันเบรกควรเปลี่ยนถ่ายทุก ๆ 40,000 กิโลเมตร ส่วนมากแล้ว น้ำมันเบรกจะมีอายุได้ถึง 80,000 กิโลเมตร หรือ ประมาณ 3 ปี การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกก็เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ และป้องกันสนิม เพราะการเปลี่ยนน้ำมันเบรกจะช่วยไล่ความชื้นที่ผสมอยู่ในน้ำมันเบรกได้
3. น้ำมันเกียร์
น้ำมันเกียร์ มีทำหน้าที่หล่อลื่น ระบายความร้อน และลดแรงเสียดสี ป้องกันสนิมจากการกัดกร่อนระหว่างชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องยนต์ ทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์ออโต้ ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ทุกๆ 30,000 หรือ 40,000 กิโลเมตร หรือ 2 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานรถของแต่ละคน
4. น้ำยาหล่อเย็น
น้ำยาหล่อเย็น มีทำหน้าที่ช่วยรักษาระดับอุณหภูมิของเครื่องยนต์ไม่ให้ร้อนจนเกินไป และยังป้องกันการเกิดสนิมตะกรัน ตะกอน ต่างๆภายในหม้อน้ำ และทางเดินน้ำต่างๆ โดยควรล้างหรือเปลี่ยนถ่ายทุก ๆ 6-9 เดือน หรือ 50,000 กิโลเมตร ระยะการเปลี่ยนถ่ายนั้นขึ้นอยู่กับรถแต่ละรุ่น และน้ำยาที่ใช้
5. น้ำมันพาวเวอร์
น้ำมันพาวเวอร์ หรือน้ำมันพวงมาลัย โดยมากอาจมีให้เห็นในรถรุ่นเก่าๆที่เป็นระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ไฮดรอลิค เป็นของเหลวที่ช่วยในการทำให้เราหมุนพวงมาลัยได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าหากน้ำมันไม่เพียงพอ ก็จะส่งผลให้บังคับเลี้ยวยากขึ้นเช่นกัน โดยเปลี่ยนถ่ายน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ทุก 80,000 กิโลเมตร
6. น้ำฉีดกระจก
ปิดท้ายกันที่น้ำฉีดกระจกที่มีหน้าที่ในการชะล้าง ทำความสะอาดคราบ หรือสิ่งสกปรกต่างๆ ที่เลอะบริเวณกระจกหน้ารถ เพื่อทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่รถ โดยคุณควรหมั่นตรวจเช็กอยู่เสมอสัปดาห์ละครั้ง เพื่อให้พร้อมต่อการใช้งานอยู่ตลอดเวลา โดยสามารถใช้ได้ทั้งน้ำเปล่า หรือน้ำที่ผสมน้ำยาล้างรถก็สามารถทำได้เช่นกัน
และนี่ก็เป็นระยะเวลาในการตรวจเช็ก เปลี่ยนถ่ายของเหลวต่างๆ ในเครื่องยนต์ หากของเหลวในรถของเพื่อนๆครบกำหนดแล้วละก็อย่าลืมที่จะทำการเปลี่ยนทันที เพื่อช่วยถนอมเครื่องยนต์ให้อยู่กับเราไปนานๆ ดูแลของเหลวในรถแล้ว อย่าลืมที่จะมองหา ประกันรถยนต์ ราคาดี คุ้มครองจัดเต็ม ที่TQM สามารถให้คุณ เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ ได้ด้วยตัวเอง เพื่อได้รับความคุ้มครองที่คุ้มค่าตรงใจคุณ คลิกเลยที่นี่ หรือโทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 1737 ตลอด 24 ชั่วโมงครับ
ค้นหาราคาประกันรถยนต์
กรุณาเลือกประเภทประกันภัยรถยนต์