ในปี 2022 นี้สื่อด้านความงามชื่อดังของอเมริกาได้มีการออกมาคาดการณ์กันแล้วว่าปีนี้การแต่งหน้าแบบไหนจะเป็นที่น่าจับตามองมากที่สุด
- เขียนขอบปากด้วยลิปไลเนอร์ ดูเหมือนว่าปีนี้เทรนด์การทาลิปสติกจะย้อนกลับไปเหมือนในช่วงปี 1990 ที่ผู้หญิงทุกคนจะให้ความสำคัญต่อการสร้างสรรค์ริมฝีปากให้ดูสวยงามราวกับว่าเป็นงานศิลปะโดยการเขียนขอบปากด้วยดินสอเพื่อให้ได้รูปปากตามที่ต้องการแล้วจึงทาลิปสติกแท่งด้านในแบบบางเบา ทำให้ปีนี้ลิปแมตต์น่าจะได้รับความนิยมน้อยกว่าลิปประเภทกลอส
- การแต่งคิ้ว ปีนี้สิ่งที่ยังไม่เปลี่ยนเกี่ยวกับการเขียนคิ้วก็คือการแต่งขนคิ้วแบบเรียงเส้นที่เน้นไปที่ความเป็นธรรมชาติ แต่อาจมีการเพิ่มลูกเล่นความเก๋ด้วยการตกแต่งคิ้วด้วยพาเลทสีต่าง ๆ ให้ดูสะดุดตามากขึ้น
- แต่งหน้าให้เหมือนไม่แต่ง ‘Tommy Napoli’ ช่างแต่งหน้าชื่อดังชาว New York กล่าวว่าการแต่งหน้าแบบเรียบง่ายให้ดูเหมือนไม่แต่งจะไม่มีวันตกยุค โดยผู้หญิงส่วนใหญ่จะเน้นไปที่งานผิวสวยแบบบางเบา ไม่จำเป็นต้องลงรองพื้นหนา ๆ ก็ช่วยให้ผิวดูเปล่งประกายอย่างเป็นธรรมชาติได้
- สร้างดวงตาให้โดดเด่นด้วยอายไลน์เนอร์ เครื่องสำอางสำหรับการตกแต่งดวงตายังคงได้รับความนิยมอยู่ตลอดเวลา ยิ่งต้องสวมหน้ากากอนามัยการแต่งตายิ่งต้องเป๊ะทำให้เทรนด์การแต่งตาในปีนี้จะมาในรูปแบบการเล่นใหญ่ด้วยการวาดเส้นอายไลเนอร์เป็นลวดลายต่าง ๆ อาจจะใช้แบบสีดำหรือสีสันสดใสก็ได้ รวมถึง Foxy Eyes ที่จะยังคงฮิตอย่างต่อเนื่องและยังงมีการคาดการณ์อีกว่าในปีนี้เครื่องสำอางสำหรับดวงตาจะเข้ามามีบทบาทในตลาดมากขึ้น
- ปัดแก้มโทนสีม่วง ปีนี้คาดว่าเทรนด์การปัดแก้มสีม่วงจะมาแรงเนื่องจากบริษัท Pantone ได้ออกมาประกาศ Pantone Color of the Year เป็นสี ‘Very Peri’ ซึ่งก็คือสีม่วงที่เกิดจากการผสมกันระหว่างสีฟ้าและแดงนั่นเอง นอกจากนี้ไม่ว่าคุณจะมีผิวโทนไหนก็สามารถปัดแก้มสีม่วงได้เพราะมันสามารถเข้าได้กับทุกโทนสีผิวโดยอาจใช้ที่ปัดแก้มทั้งแบบสูตรครีมเพื่อเพิ่มความติดทนนานหรือบลัชออนแบบเนื้อแป้งเพื่อเพิ่มความประกายจากชิมเมอร์ไปด้วยก็ได้
อ้างอิง :
//th.hellomagazine.com/beauty-health/beauty/makeup-trend-2022/
//thestandard.co/beauty-trends-2022/
//www.pantone.com/color-of-the-year-2022
เทรนด์เครื่องสำอางที่น่าจับตามองในปี 2022
ในปี 2021 ไทยยังเป็นประเทศที่ส่งออกเครื่องสำอางมากเป็นอันดับ 10 ของโลกเพราะปัจจุบันเครื่องสำอางไทยได้รับความนิยมทั้งในอาเซียน ญี่ปุ่น จีน ออสเตรเลีย และฮ่องกง และมีการคาดการณ์ว่าตลาดเครื่องสำอางจะค่อย ๆ กลับมาเติบโตเพราะพฤติกรรมผู้บริโภคมองการแต่งหน้าเป็นแฟชั่นไม่มีใครยอมตกเทรนด์กันอย่างแน่นอน มาดูกันว่าเทรนด์เครื่องสำอางในปี 2022 นี้แบบไหนจะเป็นที่น่าจับตามองเพื่อเติบโตในวงการนี้
- เครื่องสำอางครอบคลุมทุกสีผิว
ปัจจุบันนี้หลายคนเริ่มหันมาสนใจเรื่องความหลากหลายในตัวตนของมนุษย์มากขึ้น สินค้าต่าง ๆ รวมถึงเครื่องสำอางจึงต้องเพิ่มทางเลือกให้กับทุกคน อย่างเช่น ‘รองพื้น’ ที่เมื่อก่อนมีเฉดให้เลือกไม่มาก แต่ในปัจจุบันนี้บางแบรนด์มีถึง 50 เฉดสีเพื่อรองรับความแตกต่างของทุกคน
- เครื่องสำอางสำหรับผู้ชาย
เครื่องสำอางไม่ได้มีไว้ใช้แค่สำหรับผู้หญิงอีกต่อไปแล้ว เพราะล่าสุด “แฮร์รี่ สไตล์ส” เซเลบชาวอังกฤษก็ได้ก้าวเข้าสู่ธุรกิจความงามด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ดูแลผิว นอกจากนี้ “ดีเจ คาเลด” ก็ได้สร้างแบรนด์สกินแคร์สำหรับผู้ชายที่มีส่วนผสมของกัญชาด้วยเช่นกัน
- เครื่องสำอางแบบซอง
เทรนด์เครื่องสำอางแบบซองยังคงได้รับความนิยมสูง เพราะคนไทยรู้สึกว่ามันมีราคาไม่แพง สามารถใช้งานได้นานและยังถือว่าเป็นการทดลองใช้สินค้าก่อนไปซื้อขนาดไซส์ใหญ่ได้แถมยังพกพาได้สะดวกอีกด้วย
- เครื่องสำอางสำหรับผู้สูงอายุ
ในปีนี้เทรนด์หญิงสูงวัยกำลังมาแรงโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา จีน เกาหลีใต้ ฯลฯ ได้นำหญิงสูงวัยหลายคนมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ในโลกโซเชียล เพราะต้องการเจาะกลุ่มคนในรุ่นนี้เนื่องจากมีกำลังซื้อสูงและมีแนวโน้มใช้จ่ายเงินบนโลกออนไลน์มากกว่าเด็กวัยรุ่นเสียด้วยซ้ำ
- เครื่องสำอางที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ
ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่เพราะคนส่วนใหญ่มักเลือกใช้สินค้าที่มีวัตถุดิบจากธรรมชาติเพราะเชื่อว่าดีต่อผิวมากกว่าและจะมักไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
อ้างอิง :
//marketeeronline.co/archives/216591
//mgronline.com/celebonline/detail/9650000000510
//positioningmag.com/1320107
//www.bangkokbiznews.com/business/966109
ข้อมูลสำคัญบนฉลากเครื่องสำอางที่ต้องใส่ตามกฎหมาย
ประกาศคณะกรรมการเครื่องสำอางฉบับล่าสุดในปี พ.ศ. 2562 เรื่อง “ฉลากของเครื่องสำอาง” ได้ระบุให้ผู้ที่ขายเครื่องสำอางในประเทศไทยต้องติดฉลากไว้ในที่เปิดเผยและสามารถอ่านหรือมองเห็นได้อย่างชัดเจน โดยสามารถติดไว้บนบรรจุภัณฑ์หรือตัวภาชนะบรรจุก็ได้ ซึ่งข้อความบนฉลากที่ต้องระบุไว้ มีดังนี้
- ชื่อเครื่องสำอาง (ต้องมีขนาดใหญ่กว่าข้อความอื่น)
- ประเภทหรือชนิดของเครื่องสำอาง
- ชื่อของสารทุกชนิดที่ใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง (ต้องเป็นชื่อตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยากำหนด และต้องเรียงลำดับสารตามปริมาณจากมากไปหาน้อย)
- วิธีใช้
- ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต
- กรณีที่ผลิตในประเทศไทยให้แสดงชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต
- กรณีที่นำเข้าเครื่องสำอางให้ระบุชื่อและที่ตั้งของผู้นำเข้าพร้อมกับชื่อผู้ผลิตและประเทศที่ผลิต
- ปริมาณสุทธิ
- แสดงเลขอักษรครั้งที่ผลิต
- วันที่ผลิต โดยระบุเป็น เดือน/ปี หรือ ปี/เดือน
- วันหมดอายุ โดยระบุเป็น เดือน/ปี หรือ ปี/เดือน หรือความหมายในทำนองเดียวกันสำหรับเครื่องสำอางที่มีอายุการใช้น้อยกว่า 30 เดือน
- คำเตือนตามที่กฎหมายคำหนด
- เลขที่ใบรับจดแจ้ง
หมายเหตุ :
- ในกรณีที่ภาชนะหรือบรรจุภัณฑ์มีพื้นที่แสดงฉลากน้อยกว่า 20 ตารางเซนติเมตร อย่างน้อยต้องแสดงข้อความตามข้อ 1, 7, 8, 9 และ 11
- หากผู้ผลิตได้จัดทำฉลากไว้ก่อนวันที่ประกาศฉบับนี้บังคับใช้ ให้ทำการแก้ไขฉลากให้ถูกต้องและสามารถใช้ฉลากเดิมที่เหลืออยู่ต่อไปได้ แต่ต้องไม่เกิน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ประกาศฉบับนี้มีผลบังคับใช้
อ้างอิง : www.fda.moph.go.th/sites/Cosmetic/Shared%20Documents/Laws/14%20ฉลาก/14_1%20ฉลากของเครื่องสำอาง%202562.pdf
แผนงานขั้นต้นก่อนเริ่มสร้างแบรนด์เครื่องสำอาง
สำหรับที่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจเครื่องสำอางโดยการสร้างแบรนด์เป็นของตัวเองเพื่อที่จะได้ขายสินค้าที่ตัวเองชื่นชอบ การสร้างแบรนด์และการขายสินค้าในปัจจุบันนี้ถือว่าง่ายกว่าเมื่อก่อนมากเพราะสามารถทำได้ผ่านทางช่องทางออนไลน์ไม่ว่าจะเป็นการขายหรือการโปรโมท ผู้ที่ยังไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นแผนงานยังไง คุณสามารถดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้ได้เลย
- วางแผนสินค้าที่ต้องการ
อันดับแรกก่อนที่จะเริ่มก้าวเข้าสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจคุณต้องเริ่ม ‘วางแผน’ ก่อนว่าต้องการขายสินค้าประเภทใด เพราะหากพูดถึงคำว่าเครื่องสำอางมันจะครอบคลุมไปถึงผลิตภัณฑ์ความสวยงามหลายอย่าง คุณอาจจะเริ่มวางแผนก่อนว่าต้องการขายสินค้าแค่ประเภทเดียวเอาหรือว่าจะขายหลาย ๆ อย่างภายใต้แบรนด์ของคุณ
- ดูเทรนด์ในตลาด
เมื่อคุณรู้แล้วว่าคุณต้องการขายสินค้าประเภทไหนต่อไปก็ให้ดูเทรนด์ในตลาดว่าสินค้ามีแบบไหนบ้าง? กลุ่มเป้าหมายของคุณชื่นชอบแบบไหน? หรือในขณะนั้นมีส่วนผสมอะไรที่กำลังเป็นที่นิยมที่คุณสามารถนำมาปรับให้ใช้กับผลิตภัณฑ์และสร้างความเป็นเอกลักษณ์ได้
- หาโรงงานรับผลิตที่ได้มาตรฐาน
หลังจากที่คุณพอจะมองออกแล้วว่าสินค้าของคุณจะเป็นอะไรก็ให้หาโรงงานรับผลิตเครื่องสำอางที่ต้องการ โดยโรงงานที่เป็น OEM ส่วนใหญ่จะมีบริการให้คุณแบบครบวงจรทั้งให้คำปรึกษา แกะสูตรผลิตภัณฑ์ ทดสอบสูตรใหม่ ๆ ออกแบบบรรจุภัณฑ์/โลโก้ หรืออื่น ๆ อีกมากมาย ที่สำคัญอย่าลืมเลือกเฉพาะโรงงานที่ได้มาตรฐานและมีใบอนุญาตต่าง ๆ อย่างถูกต้อง
- ค้นหาสูตรผลิตภัณฑ์ที่คุณชื่นชอบ
ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะทำให้คุณได้สินค้าตามแบบที่ตัวเองต้องการ โดยหลังจากเลือกโรงงานรับผลิตที่ได้มาตรฐานแล้วให้คุณหาสูตรสินค้าที่ชื่นชอบไปให้ทางโรงงานแกะสูตรหรือหากคุณอยากจะพัฒนาสูตรใหม่ขึ้นมาเองด้วยการใส่สารสกัดอื่น ๆ เพิ่มเติมก็สามารถปรึกษากับโรงงานได้
- ทดสอบสินค้า
เมื่อคุณได้สูตรสินค้าตามที่ต้องการแล้วสามารถขอทดสอบสินค้าที่โรงงานผลิตเป็นตัวอย่างมาก่อนได้เพื่อลองทดสอบดูว่าสินค้าของคุณเป็นไปตามที่ต้องการหรือไม่
- วางแผนการตลาด
ขณะที่รอตัวอย่างสูตรสินค้าที่คุณต้องการ คุณสามารถวางแผนการตลาดต่อได้เลย เพราะหากวางแผนไว้แต่เนิ่น ๆ มันจะช่วยตัดสินใจได้ว่าต่อไปคุณจะตั้งชื่อแบรนด์ว่าอะไร ขายที่ไหน บรรจุภัณฑ์จะเป็นอย่างไรเพื่อนำไปสู่ขั้นตอนของการออกแบบแพคเกจจิ้งต่อไป
- ออกแบบบรรจุภัณฑ์
เมื่อคุณวางแผนการตลาดได้แล้วคุณสามารถปรึกษาโรงงานเรื่องการออกแบบโลโก้ ชื่อแบรนด์ รวมถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์ได้เลย
- สั่งผลิต
ขั้นตอนสุดท้ายเมื่อคุณมีสินค้าแล้ว มีแพคเกจจิ้งสำหรับสินค้าของคุณแล้ว คุณก็สามารถสั่งผลิตกับทางโรงงานได้เลย
อ้างอิง :
//www.locopack.co/th/articles/4#
สัญลักษณ์บนเครื่องสำอางที่เจ้าของแบรนด์ควรรู้จัก
เครื่องสำอางทุกชนิดหลายคนอาจจะเห็นสัญลักษณ์ต่าง ๆ บนฉลากผลิตภัณฑ์ ซึ่งผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของแบรนด์ควรทำความรู้จักกับสัญลักษณ์เหล่านี้ไว้เพื่อใช้ในการสื่อสารกับผู้บริโภคโดยให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และช่วยให้ผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าที่เหมาะกับความต้องการของแต่ละคนได้ โดยสัญลักษณ์ที่เป็นสากลเหล่านั้น คือ
- Green Dot
สัญลักษณ์ลูกศรที่เชื่อมกันในวงกลมนั้นแสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์นั้นจะไม่ก่อให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมเนื่องจากรายได้จะนำไปมอบให้แก่องค์กรที่ดูแลเรื่องการกำจัดขยะบรรจุภัณฑ์อย่างถูกวิธี
- PAO (Period After Opening)
สัญลักษณ์รูปกระปุกเปิดฝานี้จะเห็นได้แทบทุกผลิตภัณฑ์เนื่องจากมันเป็นตัวที่บ่งบอกว่าเครื่องสำอางที่เราใช้มีอายุการใช้งานกี่ปีหลังจากที่ผลิตภัณฑ์ถูกเปิดใช้แล้ว ส่วนใหญ่จะบอกว่ากี่เดือน เช่น 3M, 6M, 12M, 24M
- Best Before End of (of)
สัญลักษณ์รูปนาฬิกาทรายคือตัวที่บ่งบอกว่าผลิตภัณฑ์มีอายุการใช้งานถึงเมื่อไหร่ซึ่งจะระบุเป็นวันหมดอายุบางครั้งจะใช้เป็นตัวอักษรย่อ BBE หรือ EXP
- Leaping Bunny
สัญลักษณ์รูปกระต่ายแสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ตัวนี้ไม่มีการทดลองกับสัตว์ในตลอดทุกขั้นตอนการผลิตรวมถึงไม่มีส่วนผสมใด ๆ ที่ผ่านการทดลองในสัตว์มาก่อน
- Refer To Insert
สัญลักษณ์รูปมือชี้บนหนังสือมักจะอยู่ในผลิตภัณฑ์ที่มีชิ้นเล็กมากจนไม่สามารถใส่รายละเอียดสินค้าได้ ซึ่งจะหมายถึงมีแผ่นพับเกี่ยวกับสินค้าเพิ่มเติม
- E-mark
สัญลักษณ์ตัวอักษร ‘e’ หมายความว่าสินค้านั้นได้รับการรับรองจากสหภาพยุโรปในเรื่องของปริมาณและน้ำหนักว่าสินค้าตัวนี้มีปริมาณและน้ำหนักที่ระบุไว้อย่างแท้จริง
- Mobius loop
สัญลักษณ์รูปลูกศร 3 ดอกที่เรียงกันเป็นรูปสามเหลี่ยมนี้ หมายความว่าภาชนะบรรจุผลิตภัณฑ์สามารถนำไปรีไซเคิลได้ โดยแต่ละดอกหมายถึง Recycling, Recyclale และ Recycled Product
- Ecocert
สัญลักษณ์นี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ COSMOS ORGANIC CERTIFICATION และ COSMOS NATURAL CERTIFICATION ซึ่งหากเห็นคำว่า Organic จะหมายความว่าผลิตภัณฑ์นั้นมีส่วนผสมจากออร์แกนิกมากกว่า 95% ส่วน Natural จะหมายความว่ามีส่วนผสมของออร์แกนิกมากกว่า 50%
- Open Flame
สัญลักษณ์รูปไฟก็จะสื่อความหมายตามรูปโดยตรงเลยว่าผลิตภัณฑ์นี้สามารถก่อให้เกิดประกายไฟได้เพราะมีส่วนผสมจำพวกแอลกอฮอล์หรือสารขับดันในสเปรย์ ดังนั้นควรเก็บให้ห่างจากพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูง
- Halal Certified
สัญลักษณ์เครื่องหมายฮาลาลจะแสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ได้ผ่านกระบวนการผลิตตามมาตรฐานฮาลาลซึ่งก็คือจะไม่มีส่วนผสมของสุกร รวมถึงส่วนผสมอื่น ๆ ที่ผิดต่อหลักของศาสนา เช่น สัตว์เลื้อยคลานหรือแมลง
อ้างอิง :
www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/541/สัญลักษณ์บนเครื่องสำอาง/
คำถามพบบ่อยของการสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง
กำหนดความต้องการของผลิตภัณฑ์, ปรึกษาเจ้าหน้าที่, พัฒนาสูตร, เมื่อลูกค้าถูกใจแล้วจึงสั่งผลิต, ขึ้นทะเบียนสูตรผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางกับ อย., ดำเนินการผลิตและตรวจสอบคุณภาพ และจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้า โรงงานผลิตเครื่องสำอางที่ดี ดูได้อย่างไร?> มีการจดทะเบียนบริษัทอย่างถูกต้อง, มีใบรับประกันมาตราฐาน (ISO GMP Halal เป็นต้น) และให้บริการแบบครบวงจร ประเภทเครื่องสำอางที่นิยมผลิตแบบ OEM?> ผลิตภัณฑ์ตกแต่งใบหน้า เช่น แป้งตลับ, รองพื้น, ลิปสติก, อายไลเนอร์ และ อายแชโดว์ขั้นตอนทั่วไปในการผลิตเครื่องสำอางแบบ OEM?
OEM รับผลิตเครื่องสำอาง กับโรงงานที่ดีที่สุด
หากคุณกำลังมองหาโรงงานผลิตเครื่องสำอาง เมคอัพประเภทต่างๆ ที่มีคุณภาพ ได้มาตราฐาน และเป็นโรงงานจริงไม่ผ่านนายหน้า คุณสามารถติดต่อบริษัทผู้ผลิตเหล่านั้นได้ง่ายๆ เพียงกรอกแบบฟอร์มความต้องการให้โรงงานผู้ผลิตติดต่อกลับ เพื่อนำเสนอรายละเอียดของผลิตภัณฑ์, ขั้นต่ำในการสั่งผลิต, ขั้นตอนการผลิตและโปรโมชั่นต่างๆของบริษัท พร้อมรับสิทธิพิเศษเมื่อกรอกแบบฟอร์มผ่านเว็บไซต์ รับผลิต.com | มองหา โรงงานผลิตเครื่องสำอาง ต้องที่รับผลิต.com