ศิลปะ romanticism มุ่งสร้างสรรค์งานที่ให้อารมณ์ใด

ศิลปะในแต่ละยุค

ก่อนประวัติศาสตร์ถึงสมัยใหม่

ศิลปะตะวันตก หมายถึง ศิลปกรรมของกลุ่มประเทศในยุโรป (ปัจจุบันรวมถึงสหรัฐอเมริกาด้วย) มีรากฐานมาจากศิลปะของอียิปต์ และกรีก ซึ่งเป็นวัฒนธรรมยุคโบราณของโลก และพัฒนาขึ้นมาภายใต้อิทธิพลของคริสต์ศาสนา เป็นต้นแบบของศิลปะสากลในปัจจุบัน

ประวัติศาสตร์ของยุโรปแบ่งอย่างกว้าง ๆ ได้เป็น 4 ยุค คือ

1. ยุคก่อนประวัติศาสตร์ (Pre-Historic)

2. ยุคโบราณ (Ancient Age)

3. ยุคกลาง (Middle Age)

4. ยุคใหม่ (Modern Age)

Pre-Historic Art.

ศิลปะยุคก่อนประวัติศาสตร์

งานศิลปะได้เริ่มมีการสร้างกันมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ ยุคหินเก่าตอนปลาย ซึ่งอยู่ในช่วงเวลาประมาณ 30,000-10,000 ปีมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 15,000- 10,000 ปีมานั้น มนุษย์ได้เขียนภาพสีและขูดขีดบนผนังถ้ำและเพิงผา เป็นภาพสัตว์ การล่าสัตว์และภาพลวดลายเรขาคณิต

โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อแสดงออกเกี่ยวกับวิถีชีวิตประจำวัน และแสดงความสามารถในการล่าสัตว์ ภาพเหล่านี้มักระบายด้วยถ่านไม้ และสีที่ผสมกับไขมันสัตว์ พบได้ทั่วไปในประเทศฝรั่งเศส และภาคเหนือของสเปนที่มีชื่อเสียงมากได้แก่ถ้ำลาสโกซ์ในฝรั่งเศส ถ้ำอัลตามิราในสเปนงานศิลปะในยุคเก่าไม่มีเพียงแต่การเขียนภาพเท่านั้น

ยังมีการปั้นรูปด้วยดินเหนียว หรือแกะสลักบนกระดูกเขาสัตว์และงาช้างด้วยเรื่องราว ที่นิยมทำกันได้แก่เรื่องการล่าสัตว์หรือบางก็มีรูปคน เป็นรูปสตรี ซึ่งอาจมีความหมายถึง การให้กำเนิดเป็นการเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับชนเผ่า

มีการค้นพบภาพเขียนก่อนประวัติศาสตร์บนผนังถ้ำ (CAVE PAINTING) ซึ่งเป็นภาพเขียนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นงานจิตรกรรมที่ยอดเยี่ยมที่สุดของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ที่ผนังถ้ำอัลตามิรา (ALTAMIRA) ประเทศสเปน ซึ่งเขียนเป็นภาพวัว ไบซัน ช้างแมมมอส กวางเรนเดียร์ ซึ่งสัตว์ทุกชนิดแสดงการเคลื่อนไหวอย่างมีชีวิตชีวา และภาพเขียนบนผนังถ้ำอีกแหล่งหนึ่งที่ ถ้ำลาสโคซ์ (LASCAUX) ประเทศฝรั่งเศส อายุราย 20,000 – 13,000 ปี มีรูปม้า กวาง เป็นต้น

สีที่นำมาใช้ส่วนใหญ่เป็นสีที่ได้จากดินสีต่าง ๆ เช่น ดินแดง ดินสีน้ำตาล ดินสีเหลือง สีดำ นำมาจากผงถ่ายไม้หรือเขม่า ผสมกับยางไม้ไขสัตว์หรือน้ำผึ้ง วิธีเขียนใช้พ่นทาหรือใช้ไม้ทุบปลายให้แตกคล้ายพู่กันระบายสีแบน ๆ

ภาพเขียนที่ปรากฏอยู่บนผนังถ้ำมีอยู่ 4 ประเภท คือ

1. รูปมือคน

2. รูปสัตว์

3. รูปคน

4. รูปลายเรขาคณิต

ในยุคหินเก่าตอนปลายพบรูปแกะสลักด้วยหินขนาดเล็ก ส่วนใหญ่เป็นรูปแกะสลักหิน ซึ่งนักโบราณคดีสมัยปัจจุบันเรียกชื่อรูปเหล่านี้ว่า วีนัส ส่วนใหญ่คล้ายคลึงกัน คือ ศรีษะไม่แสดงรายละเอียดของหู ตา จมูกและหาง แต่ทำเป็นเป็นปุ่มเล็ก ๆ แขนและขาลีบไม่ปรากฏ เท้าและนิ้ว เท้า เต้านมใหญ่ ท้องยื่นคล้ายกำลังตั้งครรภ์ แสดงอวัยวะเพศชัดเจน

ซึ่งเชื่อว่ารูปเหล่านี้สร้างขึ้น เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ (FERTILTY RITES) หรือ เพื่อขอบุตร (FECUNDITY) รูปที่มีชื่อเสียงคือ

วีนัส แห่งวิลเลนดรอฟ (VENUS OF WILLENDORF) พบในออสเตรีย เมื่อ พ.ศ. 1908

เป็นสิ่งก่อสร้างด้วยหินของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์มี 4 ชนิด คือ

1. แบบหินตั้ง (MENHIR) ซึ่งเป็นหินก้อนเดียววางตั้งอยู่

2. หินตั้งเรียงกันเป็นแถวยาว (ALIGNMENT) ซึ่งเป็นหินก้อนเดียววางตั้งเรียงกันเป็นแถวยาว

3. แบบโต๊ะหิน (DOLMENS) ประกอบด้วยหินสองแท่ง หรือมากกว่าวางตั้งแล้วมีอีกก้อนหนึ่งวางพาดอยู่ข้างบน โครงสร้างลักษณะนี้ต่อมากลายเป็นโครงสร้างที่สำคัญทางสถาปัตยกรรมที่เรียกว่า โครงสร้างแบบวางพาด (POST AND LINTEL CONSTRUCTION)

4. แบบหินตั้งล้อมกลม (STONEHENGE) ประกอบด้วยโต๊ะหินต่อเนื่องกันล้อมเป็นวงกลม วิธีการก่อสร้างก้าวหน้ามากขึ้นหินที่วางข้างบนมัก เป็นแผ่นวางทับติดต่อโดยตลอด น้ำหนักแผ่นหนึ่งประมาณ 7 ตัน ภายในวงกลมมีเสาหินปักเป็นโต๊ะหินอีกชั้น หินแต่ละก้อนที่นำมาต่อกัน รู้จักทำสลักเป็นเดือยเพื่อป้องกันไม่ให้หลุดออกจากกัน ที่มีชื่อเสียงคือ หินโต๊ะล้อมกลม ที่วิลเซอร์ (WILTSHIRE) ประเทศอังกฤษ

Gothic Art.

ศิลปะโกธิค (พ.ศ. 1690 - 1940)

ศิลปะโกธิคเริ่มต้นจากฝรั่งเศสปลายพุทธศตวรรษที่ 17และแพร่หลายไปยังประเทศอื่นๆ และมักลักษณะตามภูมิภาคนั้นๆ

ลักษณะสำคัญของสถาปัตยกรรมแบบโกธิค คือ มีผนังเปิดกว้าง มีส่วนสูงเด่นเป็นพิเศษและมีแบบที่ออกมา เป็นลายเส้นอันซับซ้อนทุกส่วนล้วนประกอบเข้าด้วยกันเป็นสัญลักษณ์นิยมทางศาสนา โครงสร้างหลังคาเป็นโค้งแหลม ลักษณะต่างๆ เหล่านี้ จะหาดูได้จากมหาวิหารในฝรั่งเศส เช่น คือ มหาวิหารนอเตรอดาม เดอ ปารีส มหาวิหารซานตีเอโก เด กอมโปสเตลา มหาวิหารเซนต์เดอนิส มหาวิหารโนยง มหาวิหารลาออง มหาวิหารอาเมียง โบสถ์ ซากราดา ฟามิเลีย พระราชวังแกรนด์เพลส (Grand Place) เป็นต้น

ประติมากรรมสมัยโกธิค คล้ายของจริงเป็นภาพพระเยซู นักบุญ แม่พระที่ซ้อนความเศร้าศรัทธาภายใต้เสื้อคลุมที่หนา

จิตรกรรมสมัยโกธิค มีพื้นที่เขียนภาพบนฝาผนังน้อยลง เพราะสถาปัตยกรรม มีช่องเปิดมากดังนั้นจึงมักเน้นไปที่การออกแบบกระจกสีบานหน้าต่าง สำหรับการเขียนภาพในหนังสือเขียน มักจะแสดงรูปคนที่สะโอดสะองในชุดเสื้อผ้าอาภรณ์ที่พลิ้ว และโค้งไหวอย่างอ่อนช้อย

การประดับกระจกสี (STAIN GLASS)

ศิลปะที่เด่นแทนรูปเขียน ของศิลปะโกธิค คือ การประดับกระจกสีตามช่องประตู และหน้าต่างทำเป็นลวดลายต่างๆ รวมกันอยู่ภายในกรอบ เมื่อดูภาพจากช่องที่มีแสงสว่างผ่าน ก็จะคล้ายกับรูปภาพนั้นเขียนด้วยแก้วสีทั้งหมด

Renaissance.

ศิลปะเรอเนซองส์ (พ.ศ.1940 - 2140)

คำว่า “เรอเนซองส์” หมายถึง การเกิดใหม่ หรือ “ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ” เป็นการระลึกถึงศิลปะกรีกและโรมันในอดีตซึ่งเคยรุ่งเรืองให้กลับมาอีก ศิลปะเรอนเนซองส์ไม่ใช่การลอกเลียนแบบจากอดีต แต่เป็นการเน้นความสำคัญของลักษณะเฉพาะบุคคล มีความสนใจลักษณะภายนอกของมนุษย์และธรรมชาติ ก่อให้เกิดความกระตือรือร้นในการค้นหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์และวิทยาการแขนงต่างๆ

ศิลปินได้นำเอาแบบอย่างศิลปะชั้นสูงในสมัยกรีกและโรมัน มาสร้างสรรค์ได้อย่างอิสระเต็มที่ งานสถาปัตยกรรมมีการก่อสร้างแบบกรีกและโรมันเป็นจำนวนมาก ลักษณะอาคารมีประตูหน้าต่างเพิ่มมากขึ้น ประดับตกแต่งภายในด้วยภาพจิตรกรรมและประติมากรรมอย่างหรูหรา สง่างาม

งานสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ในสมัยเรอเนซองส์ ได้แก่ มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ (St. Peter) ในกรุงโรม เป็นศูนย์กลางของคริสต์ศาสนาโรมันคาทอลิก วิหารนี้มีศิลปินผู้ออกแบบควบคุมงานก่อสร้างและลงมือตกแต่งด้วยตนเอง ต่อเนื่องกันหลายคน เช่น โดนาโต บรามันโต (Donato Bramante ค.ศ. 1440 – 1514) ราฟาเอล (Raphel ค.ศ. 1483 – 1520) ไมเคิล แองเจลโล (Michel Angelo ค.ศ. 1475 – 1564) และ โจวันนิ เบอร์นินี (Giovanni Bernini ค.ศ. 1598 – 1680)

งานจิตรกรรมและประติมากรรมในสมัยเรอเนซองส์ ศิลปินสร้างสรรค์ในรูปความงามตามธรรมชาติ และความงามที่เป็นศิลปะแบบคลาสสิกที่เจริญสูงสุด ซึ่งพัฒนาแบบใหม่จากศิลปะกรีกและโรมัน ความสำคัญของศิลปะสมัยเรอเนซองส์ มีความสำคัญต่อการสร้างสรรค์ศิลปะเกือบทุกสาขา โดยเฉพาะเทคนิคการเขียนภาพ การใช้องค์ประกอบทางศิลปะ (Composition) หลักกายวิภาค (Anatomy) การเขียนภาพทัศนียวิทยา (Perspective Drawing) การแสดงออกทางศิลปะมีความสำคัญในการพัฒนาชีวิต สังคม ศาสนาและวัฒนธรรม จัดองค์ประกอบภาพให้มีความงาม มีความเป็นมิติ มีความสัมพันธ์กับการมองเห็น

ใช้เทคนิคการเน้นแสงเงาให้เกิดดุลยภาพ มีระยะตื้นลึก ตัดกันและความกลมกลืน เน้น

ศิลปินที่สำคัญในสมัยเรอเนซองส์ ที่สร้างสรรค์งานจิตรกรรมและประติมากรรมไว้เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ได้แก่

เลโอนาร์โด ดาวินชี (Leonardo da Vinci) ผู้เป็นอัจริยะทั้งในด้านวิทยาศาสตร์ แพทย์ กวี ดนตรี จิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรม ผลงานที่มีชื่อเสียงของดาวินชี ได้แก่ ภาพอาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซู (The last Supper) ภาพพระแม่บนก้อนหิน (The Virgin on the Rock) ภาพพระแม่กับเซนต์แอน (The Virgin and St. Anne) และภาพหญิงสาวผู้มีรอยยิ้มอันลึกลับ (mystic smile) ที่โด่งดังไปทั่วโลกคือ ภาพโมนาลิซา (Mona Lisa)

Mannerism.

ศิลปะแมนเนอร์ริสม์

คำว่าแมนเนอริสม์ (Mannerism) มาจากคำว่า มานิเอรา ในภาษาอิตาลี (Maniara) โรแมงโรลังค์ (Romain Rolland) ใช้เรียกความเคลื่อนไหวของศิลปกรรมในช่วงที่การเสียชีวิตของราฟาเอล (ค.ศ. 1520 - ค.ศ. 1600) ซึ่งเป็นช่วงว่างก่อนจะเริ่มบาโรค

ลักษณะของงานจิตรกรรม ดังนี้

1. งานศิลปะมีจินตนาการอย่างอิสระ รูปคนจะบิดผันเกินธรรมชาติ

2. น้ำหนักของภาพที่เกิดจากแสงและเงาจะตัดกันรุนแรง

3. ใช้น้ำหนักเข้มเพื่อเน้นให้เกิดความลึก

4. ใช้สีสดใส รุนแรง โดยการแตะแต้มให้เสื้อผ้าดูมันละเลื่อม

5. สร้างบรรยากาศให้ดูสดใส ไม่ใช่ภาพในฝันซึ่งมีระเบียบแบบแผนแบบเรอเนสซองส์

6. สร้างงานให้เหมือนตกอยู่ในฝันร้าย โดยแสดงออกอย่างกล้าแข็ง รุนแรง เร้าอารมณ์ และระบายสี ให้ใสคล้ายแก้วเจียรนัย

ศิลปินที่สำคัญ ได้แก่ ปอนเตอร์โม (Jacopo Carucci Pontormo, 1494 –1557), เอล เกรคโก (El Greco, 1541–1614)

ลักษณะของงานประติมากรรม ดังนี้

1. เกิดความนิยมเทคนิคการหล่อแทนการแกะสลัก ทำให้การสร้างงานอิสระมากขึ้น

2. ประติมากรสามารถสร้างงานตามที่ต้องการให้เคลื่อนไหวได้ดีกว่าการแกะสลัก

3. มีการบิดและเคลื่อนไหวลำตัวไปเกือบตรงกันข้ามกับทิศทางของสะโพก

4. ยึดหลักทฤษฎีการมองที่เรียกว่าไลนีอา เซอร์เพนตินา( Linea Serpentina )หมายถึง การมองดูประติมากรรมได้รอบ

ศิลปินที่สำคัญ ได้แก่ เชลลินี (Benvenuto Cellini,1529 – 1571), โบโลญา (Giovanni da Bologna,1529 -1608)

ศิลปะแบบบาโรคจะเน้นหนักไปทางธรรมชาติ แสดงความอ่อนไหว มีลวดลายประดิษฐ์มาก ซับซ้อน จัดได้ว่าเป็นยุคที่มีการสร้างสรรค์งานศิลปะเพื่อการแสดงออกที่เรียกร้องความสนใจมากเกินไป มุ่งหวังความสะดุดตาราวกับจะกวักมือเรียกผู้คนให้มาสนใจศาสนา การประดับตกแต่งมีลักษณะฟุ้งเฟ้อเกินความพอดี คำว่าบาโรกมาจากภาษาโปรตุเกสที่แปลว่า รูปร่างของไข่มุกที่มีสัณฐานเบี้ยว เป็นคำที่ใช้เรียกลักษณะงานสถาปัตยกรรม และจิตรกรรมที่มีการตกแต่งประดับประดา และให้ความรู้สึกอ่อนไหว

พระราชวังแวร์ซาย (ค.ศ.1661-1691) สถาปัตยกรรมแบบบาโรก สร้างขึ้นด้วยหินอ่อน ในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่

14 ใช้เงินประมาณ 500 ล้านฟรังส์ จุคนได้ประมาณ 10,000 คน เพื่อประกาศให้นานาประเทศเห็นถึงอำนาจและบารมีของพระองค์

ศิลปินที่มีชื่อเสียงในยุคนี้ได้แก่ รูเบนส์ (Peter Paul Rubens,1577–1640) เรมบรานด์ท (Rembrandt Van Rijn 1606 – 1669) โจวันนิ เบอร์นินี (Gianlorenzo Bernini , 1598 – 1680) เป็นต้น

รูเบนส์, A Garden of Love, สีน้ำมันบนผ้าใบ ค.ศ.1632 – 34

ภาพยามกลางคืน (In The Night Watch) โดย เรมบรานด์ท แวน ไรน์

โจวันนิ เบอร์นินี Giovanni Bernini, Ecstasy of St Theresa,1647-1652

Marble, height 150 cm, Santa Maria della Vittoria, Rome

Rococo Art.

ศิลปะโรโคโค (Rococo 1700-1790A.D.)

เป็นผลงานศิลปะที่สะท้อนความโอ่อ่า หรูหรา ประดับประดาตกแต่งที่วิจิตร ละเอียดลออ เรื่องราวเกี่ยวกับเทพนิยายโบราณ ความรื่นเริงยินดี ความรัก กามารมณ์

ศิลปินที่สำคัญ ได้แก่ อังตวน วัตโต (Antoine Watteau, 1684 – 1721) , บูเชร์ (Francoise Boucher, 1703 – 1770) , ฟราโกนาร์ด (Jean Honore Fragonard , 1732 – 1806) , ชาร์แดง (Jean Babtiste Simeon Chardin, 1699 – 1799) ,โคลดีอง (Cloude Michel Clodion, 1738 – 1814) , เรย์ โนลด์ (Sir Joshua Reynolds, 1723 – 1792) , วิลเลียม โฮการ์ธ(William Hogarth 1697 – 1764)

อังตวน วัตโต, การเดินทางไปเกาะไซธีรา (A Pilgrimage to Cythera), ค.ศ. 1717 สีน้ำมันบนผ้าใบ

วิลเลียม โฮการ์ธ, The Orgy Scence 3rd of the Rake’s Progress, ค.ศ. 1734

Neoclassicism.

ศิลปะแบบนีโอคลาสสิก (Neo-Classic)

นีโอคลาสสิกเป็นรูปแบบศิลปะที่อยู่ในระยะหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างสมัยใหม่กับสมัยเก่า ภาพเขียนจะสะท้อนเรื่องราวทางอารยธรรม เน้นความสง่างามของรูปร่างทรวดทรงของคนและส่วนประกอบของภาพ มีขนาดใหญ่โต แข็งแรง มั่นคง ใช้สีกลมกลืน มีดุลยภาพของแสง และเงาที่งดงาม

ศิลปินที่สำคัญของศิลปะแบบนีโอคลาสสิก ได้แก่ ชาก ลุย ดาวิด (ค.ศ. 1748-1825) ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้วางรากฐานของศิลปะแบบนีโอคลาสสิก งานจิตรกรรมที่มีชื่อเสียง เช่น การสาบานของโฮราตี (The Oath of Horatij) การตายของมาราต์ (The Death of Marat) การศึกระหว่างโรมันกับซาไบน์ (Battle of the Roman and Sabines) และ เบนจามิน เวสต์ (Benjamin West, 1738-1820) เป็นต้น

Charles III Visits Pope Benedict XIV at the Coffee House of the Quirinale. By Giovanni Pannini

Romanticism Art.

ศิลปะแบบโรแมนติก (Romanticism)

ศิลปะแบบโรแมนติก เป็นศิลปะรอยต่อจากแบบนีโอคลาสสิก แสดงถึงเรื่องราวที่ตื่นเต้น เร้าใจ สะเทือนอารมณ์แก่ผู้พบเห็น ศิลปินโรแมนติกมีความเชื่อว่าศิลปะจะสร้างสรรค์ตัวของมันเองขึ้นได้ด้วยคุณค่าทางอารมณ์ของผู้ดูและผู้สร้างสรรค์

ศิลปินที่สำคัญของศิลปะโรแมนติก ได้แก่ เจริโคต์ (Gericault) ผลงานจิตรกรรมที่มีชื่อเสียงมาก คือ การอับปางของเรือเมดูซา (Raft of the Medusa) เดอลาครัว (Delacroix) ชอบเขียนภาพที่แสดงความตื่นเต้น เช่น ภาพการประหารที่ทิชิโอ ความตายของชาดาร์นาปาล การฉุดคร่าของนางรีเบกกา วิลเลียม เทอเนอร์ (Josept Mallord William Turner, 1775-1851) ฟรานซิสโก โกยา (Francisco Goya) ชอบเขียนภาพแสดงการทรมาน การฆ่ากันในสงคราม คนบ้า ตลอดจนภาพเปลือย เช่น ภาพเปลือยของมายา (Maya the nude) เป็นต้น

วิลเลียม เทอเนอร์ (Josept Mallord William Turner)

เรือบรรทุกทาส (The Slave Ship) ค.ศ. 1839 สีน้ำมัน

Realism.

ศิลปะแบบเรียลิสม์

ศิลปินกลุ่มเรียลิสม์มีความเชื่อว่าความจริงทั้งหลายคือความเป็นอยู่จริง ๆ ของชีวิตมนุษย์ ดังนั้น ศิลปินกลุ่มนี้จึงเขียนภาพที่เป็นประสบการณ์ตรงของชีวิต เช่น ความยากจน การปฏิวัติ ความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยการเน้นรายละเอียดเหมือนจริงมากที่สุด

ศิลปินสำคัญในกลุ่มนี้ ได้แก่ โดเมียร์ (Daumier) ชอบวาดรูปชีวิตจริงของความยากจน คูร์เบต์ (Courbet) ชอบวาดรูปชีวิตประจำวันและประชดสังคม มาเนต์ (Manet) ชอบวาดรูปชีวิตในสังคม เช่น การประกอบอาชีพ โรแดง(August Rodin, 1840 – 1917) และ มีลเลต์ (Jean-Francois Millet)

Jean-Francois Millet. The Gleaners. 1857.

Oil on Canvas. Louvre Museum, Paris

Impressionism.

ศิลปะแบบอิมเพรสชันนิสม์

ศิลปะแบบอิมเพรสชันนิสม์ จะมุ่งเน้นถึงการวาดภาพที่จับซึ่งสายตาสัมผัสรับรู้ในช่วง ณ.เวลานั้นและเป็นช่วงเวลาที่ฉับพลัน และจะมีการแยกแยะสีที่จะเข้ามาประกอบกันเข้าเป็นแสงที่ส่องต้องสิ่งต่าง ๆ ทำให้เกิดพื้นผิวภาพที่เต็มไปด้วยสีสันที่แปรเปลี่ยนเป็นภาพที่เต็มไปด้วยความเคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่ง

ลักษณะของภาพวาดแบบอิมเพรสชั่นนิสม์ คือ การใช้พู่กันตระหวัดสีอย่างเข้ม ๆ ใช้สีสว่าง ๆ มีส่วนประกอบของภาพที่ไม่ถูกบีบ เน้นไปยังคุณภาพที่แปรผันของแสง (มักจะเน้นไปยังผลลัพธ์ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเวลา) เนื้อหาของภาพเป็นเรื่องธรรมดาๆ และมีมุมมองที่พิเศษ

จิตรกรแนวอิมเพรสชั่นนิสม์ ได้ฉีกกรอบการวาดที่มาตั้งแต่อดีต มักจะวาดภาพกลางแจ้งมากกว่าในห้องสตูดิโออย่างที่ศิลปินทั่วไปนิยมกัน เพื่อที่จะลอกเลียนแสงที่แปรเปลี่ยนอยู่เสมอในมุมมองต่าง ๆ

ภาพวาดแบบอิมเพรสชั่นนิสม์ ประกอบด้วยการตระหวัดพู่กันแบบเป็นเส้นสั้น ๆ ของสี ไม่ได้ผสมหรือแยกเป็นสีใดสีหนึ่ง ซึ่งได้ให้ภาพที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและมีชีวิตชีวา พื้นผิวของภาพวาดนั้นมักจะเกิดจากการระบายสีแบบหนา ๆ องค์ประกอบของอิมเพรสชั่นนิสม์ ยังถูกทำให้ง่ายและแปลกใหม่ และจะเน้นไปยังมุมมองแบบกว้างๆ มากกว่ารายละเอียด

ศิลปินที่สำคัญของกลุ่มอิมเพรสชันนิสม์ ได้แก่ โคลด โมเนต์ (Claude Monet) ซิสเลย์ (Alfred Sisley) เดอกาส์(Edgar Degas) ปิซาโร (Camille Pissarro) เรอนัว (Pierre-Auguste Renoir) มาเนต์ (Edouard Manet)

Claude Monet : Sunrise (ค.ศ. 1872-1873)

ศิลปะแบบเอ็กซ์เพรสชันนิสม์ (Expressionism)

ศิลปะแบบเอ็กซ์เพรสชันนิสม์ เกิดขึ้นทางเหนือของยุโรป โดยที่ศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศเยอรมัน ศิลปะแนวนี้ ได้รับอิทธิพลจากศิลปินสำคัญ 2 คนคือ Vincent Van Gogh และศิลปินชาว Norwegian ที่ชื่อ Edvard Munch ซึ่งทั้งสองคนนี้ ใช้สีที่รุนแรง และเกินความเป็นจริง โดยเน้นความพอใจของศิลปินเป็นหลัก ไม่ยึดถือ กฏเกณฑ์ และธรรมเนียมใดๆในอดีตเลย สีที่ใช้นั้นจะสื่อถึงพลังที่ถูกบีบคั้นบังคับกดดัน ที่อยู่ในความรู้สึกนึกคิด ของจิตใจคน เป็นการปดปล่อยอารมณ์ผ่านสี และฝีแปรงที่ให้ความรู้สึก ที่แข็งๆ ดิบ รุนแรง

ศิลปนที่สําคัญช่น เอ็ดวาร์ด มุนช์ (Edvard Munch, ค.ศ. 1863-1944) ฟรัชซ์ มาร์ค (Franz Marc, ค.ศ. 1880-1916) วาสสิลี่ แคนดินสกี (Wassily Kandinsky, ค.ศ. 1866-1944) เปนตน

Wassily Kandinsky : Murnau with Church. C.1910

ภาพ Murnau with Church นี้เป็นงานของ แคนดินสกี เป็นภาพทิวทัศน์ของเมืองเล็กๆ ที่อยู่ในแคว้นบาวาเรียใต้ Kandinsky เลือกใช้เมืองนี้เป็นเนื้อหาของภาพ แต่เขาได้เก็บความเหมือนจริงเอาไว้แต่เพียงเล็กน้อย เท่านั้น เขาใช้สีและฝีแปรงที่เป็นอิสระ และฉลับพลัน มากกว่าจะนึกถึงคำนวณอะไรให้ถูกต้องแม่นยำ โดยบางแห่ง ยังปล่อยพื้นกระดาษแข็งให้ว่างไว้ ไม่ลงสีปิดหมด แต่เมื่อมองดูภาพนี้แล้วก็ยังเห็นเป็นยอดแหลมของโบสถ์ กับแนว หมู่บ้านที่อยู่ทางด้านซ้ายอยู่บ้าง การใช้สีที่ปล่อยๆเป็นอิสระกับแนวลาดเอียงลาดชันของบ้านคน ทำให้เกิดพลังผลักดัน เคลื่อนไหว แม้จะดูเหมือนว่าศิลปินทำภาพไปด้วยความฉลับพลันทันทีด้วยสัณชาตญาณก็ตามที แต่กระนั้นการใช้สีก็ ได้ดุลกันดีระหว่างสีขาวกับสีนำเงินที่ปรากฏอยู่ในที่ต่างๆ ถือได้ว่าเป็นภาพที่เก็บบรรยากาศภูมิประเทศ และหมู่บ้านได้

ศิลปะแบบคิวบิสม์ (Cubism)

งานศิลปะแบบคิวบิสม์ คือ การที่ศิลปินเข้ามาจัดระเบียบให้กับธรรมชาติ หรือสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัว เสียใหม่ โดยการนำเอารูปทรงเลขาคณิตต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ทรงกลม ทรงกรวย หรือ ทรงกระบอกมาปรับเปลี่ยนให้รับกัน โดยที่จะไม่มีการแสดงอะไรที่ชัดเจนให้เห็นว่า อะไรเป็นอะไรในภาพ แต่ขณะเดียวกันในภาพก็ยังมีเนื้อหาอยู่

ศิลปินผู้นำศิลปะคิวบิสม์ ได้แก่ พาโบล ปิกาสโซ (Pablo Picasso, 1881-1973), จอร์จ บราค (Georges Braque, 1882-1963)

Les Demoiselles d' Avignon ในรูปเป็นภาพของหญิงงามชาวเมืองบาร์เซโลนา ในย่านโสเภณีของเมืองบาร์เซโลนา หญิงทั้ง 5 คน ในภาพนั้นเปลือยกายภาพนี้ถือได้ว่าเป็นการปฏิวัติรูปแบบศิลปะตะวันตก ที่เคยมีมาแต่เดิมทั้งหมด กล่าวคือ บริเวณสว่างในภาพมีอยู่ตรงโน้นบ้างตรงนี้บ้าง ตามแต่ศิลปินจะแต่งเติม ใบหน้าคนที่เหมือน กับหน้ากาก รูปทรงและเส้นที่ตัดกันแข็งๆ นี้แสดงออก ซึ่งความขัดต่อศีลธรรม และความกร้านต่อโลกของหญิงสาวพวกนี้ได้เป็นอย่างดี ความสัมพันธ์ระหว่างร่างคนกับบรรยากาศตื้นลึกรอบ ๆ ตัว ในธรรมเนียม แบบเก่าหมดสิ้นลงโดยสมบูรณ์แบบ จากภาพนี้ เมื่อทั้งพื้นผิวภาพที่ว่างเปล่ากับร่างคนนั้นคาบเกี่ยว และกลืนกันไป หมดจนแยกไม่ออกนั่นเอง

ศิลปะแบบโฟวิสม์ (Fauvist)

คำว่า “โฟวิสม์” Fauvist เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลว่า “สัตว์ป่า” ลักษณะงานศิลปะแบบโฟวิสม์นี้ สร้างงานจิตรกรรมแนวใหม่ ใช้รูปทรงอิสระ ใช้สีสดใสตัดกันอย่างรุนแรง เน้นการสร้างงานตามสัญชาตญาณแห่งการแสดงออกอย่างเต็มที่ ผลงานที่เกิดขึ้นจะแสดงให้เห็นถึงความสนุกสนาน อันเกิดจากลีลาของรอยแปรงและจังหวะของสิ่งต่าง ๆ นอกจากนี้ จะนำลีลาของเส้นมาใช้ใหม่ เช่น การตัดเส้นรอบนอกของสิ่งต่าง ๆ เพื่อสร้างความโดดเด่น

ศิลปินสําคัญ เช่น อัลแบร์ต มาร์เกต์ (Albert Marquet, ค.ศ. 1875-1947) อองรี มาตีสส์ (Henri Matisse, ค.ศ. 1869-1954) เป็นต้น

ภาพ Green Stripe (Madame Matisse) ภาพนี้เป็นภาพภรรยาของมาตีสเอง มาตีสใช้ สีที่รุนแรงเด็ดขาดขึ้นไปมากกว่าภาพที่ผ่านมาใช้รูปทรงคร่าว ๆ ง่าย ๆ ขาดรายละเอียดซับซ้อน ใช้สีที่สดตัดกันอย่างง่าย ๆ ใบหน้าของภรรยามาตีส ถูกสีเขียวสดข่มไว้หมด ส่วนสีที่ป้ายมาตั้งแต่ตีนผมจนจรดคาง ได้แบ่งใบหน้าออกเป็น 2 ซีก สีโต้ตอบกันไปมารุนแรงตลอดไป ทั่วทั้งสองข้างของใบหน้าที่ถูกแบ่งออก ในส่วนการใช้สีบริเวณฉากหลังของภาพ มาตีสได้อิทธิพลจากโกแกง

ศิลปะอาร์ตนูโว (Art Nouveau)

ศิลปะอาร์ตนูโว รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า ยูเกนด์ชติล (เยอรมัน: Jugendstil – สไตล์วัยเยาว์) เป็นลักษณะศิลปะ สถาปัตยกรรม และศิลปะประยุกต์ ซึ่งได้รับความนิยมสูงสุดในช่วง ค.ศ. 1890 – 190 มีจุดเด่นคือ ใช้รูปแบบธรรมชาติ โดยเฉพาะดอกไม้และพืชอื่นๆ มาทำเป็นลวดลายเส้นโค้งที่อ่อนช้อย ลักษณะรูปแบบจะเป็นการลดทอนรูปแบบจากรุขชาติ แมลง และเปลือกหอย ใบไม้ เถาวัลย์ ตามธรรมชาติ นำมาประดิษฐ์เป็นลวดลายประดับทั้งภายในภายนอก อาคารตลอดจนเครื่องใช้ ของประดับบ้านและเครื่องแต่งกาย

ศิลปะอาร์ตนูโวเป็นรูปแบบที่นำกลับมาใช้ตกแต่งเสมอๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในอาคารพาณิชย์ เช่น ร้านอาหารฝรั่งเศส ร้านขายเสื้อผ้าสตรี และกิจการเกี่ยวกับความงามอื่น ๆ โดยแรงบันดาลใจจากรูปทรง คือ สีจากธรรมชาติ ของฤดูใบไม้ร่วง ได้แก่ สีจากฤดูกาล เช่น สีโทนส้มและน้ำตาล สีจากพืชพันธุ์ต่าง ๆ เช่น สีเขียวเข้ม สีเขียวตอง และ สีของดอกไม้ เช่น สีขาวนวลดอกมะลิ สีม่วงดอกไอริส สีแดงดอกป๊อบบี้ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการหาวัสดุและแร่ธาตุจากธรรมชาติ ได้แก่ งาช้าง เงิน ทองแดง นำมาใช้ด้วยเช่นกัน

ศิลปินที่สําคัญ คือ กุสตาฟ คลิมต์ (Gustav Klimt, 1862-1918) อัมรอน มุชชา (Alphonse Mucha, 1860-1939) อันโตนิโอ เกาดี้ (Antonio Gaudi, 1852-1926) เฮ็คเตอร์ กุยมาร์ (Hector Guimard, 1867-1942)

Gustav Klimt, Portrait of Adele Bloch-Bauer I. 1907.

Oil, silver, and gold on canvas. 138 × 138 cm, Neue Galerie, New York.

ศิลปะป๊อป อาร์ต (Pop Art)

ศูนย์กลางความเจริญทางด้านศิลปวัฒนธรรมอยู่ที่ยุโรปยาวนานร่วม ๆ พันปี นับตั้งแต่ยุคกลางมาแต่พอมาถึงศตวรรษที่ 20 ฝั่งอเมริกาก็มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ และวัฒนธรรมของอเมริกาก็ส่งผลกระทบต่อคนทั้งโลกอย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยวงการภาพยนตร์ฮอลลีวูดเป็นสื่อนำภาพยนตร์นี้ก่อให้เกิดดารา แฟชั่น การโฆษณา และเพลงประกอบ ซึ่งล้วนแต่ส่งผลกระทบต่อชีวิตคนรุ่นใหม่ไปทั่วทั้งโลก

ศิลปะป๊อบอาร์ตที่เกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา ป๊อบอาร์ต เป็นแบบอย่างของศิลปะที่สะท้อนพลังสภาพแท้จริงของสังคมปัจจุบันตามความรู้สึกความเข้าใจของสามัญชนทั่วไป ในชั่วขณะหนึ่ง เวลาหนึ่ง เป็นศิลปะที่เกี่ยวกับความชุลมุนวุ่นวายของสังคม พลุ่งประดุจพลุ ชอบวันนี้ พรุ่งนี้ลืม

Andy Warhol: Time Magazine cover C. 1984

Andy Warhol: Mao Tse Tung portrait

กลุ่มศิลปินที่สร้างสรรค์งานชนิดนี้เชื่อว่า ศิลปะสร้างขึ้นจากสิ่งสัพเพเหระ ของชีวิตประจำวัน เป็นการแสดงความรู้สึกของประสบการณ์ที่พบเห็นของศิลปินในช่วงเวลานั้น ขณะนั้น ณ ที่แห่งนั้น เรื่องราวที่ศิลปินนำเสนอมีแตกต่างกันไป เช่น บางคนเขียนเรื่องเกี่ยวกับดารายอดนิยม เขียนภาพโฆษณา เรื่องง่าย ๆ ใกล้ ๆ ตัวจึงทำให้หลาย ๆ คนเห็นว่างานแนวนี้ไม่ควรค่าแก่คำว่าศิลปะ เพราะเป็นความนิยมแค่ชั่ววันชั่วคืน ตื่นเต้น ฮือฮา พักหนึ่งก็จางหาย

อย่างไรก็ตามกลุ่มที่นิยมในแนวนี้ก็ยังคงยืนยันว่า ป๊อบอาร์ตคือศิลปะ เขาอ้างว่า สิ่งเหล่านี้เป็นศิลปะแน่นอน เพราะผลงานนั้นกระตุ้นให้เราตอบสนองทางความรู้สึกอย่างนั้น ที่จริงแล้ว สิ่งที่เรารู้ว่าเป็นศิลปะ คือ สิ่งที่ศิลปินสร้างสรรค์ พวกเขามีความเชื่อเกี่ยวกับสุนทรียภาพว่า สุนทรียภาพ คือความรู้สึกที่เกี่ยวข้องกับสภาพต่าง ๆ ที่ปรากฏในโลกของอุตสาหกรรม โลกชนบท และโลกเศรษฐกิจ ศิลปินพยายามตอบสนองโลกที่แวดล้อมภายนอกเหล่านี้โดยแสดงความรู้สึกด้วยภาพ ซึ่งใช้วิธีการของแอบแสตรกเอ็กซเพรสชั่นนิสม์ คิวบิสม์ ตามความเหมาะสม

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาไทย โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน lmyour แปลภาษา แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip ไทยแปลอังกฤษ ประโยค แอพแปลภาษาอาหรับเป็นไทย ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 แปลภาษาอาหรับ-ไทย Terjemahan พจนานุกรมศัพท์ทหาร หยน แปลภาษา มาเลเซีย ไทย Bahasa Thailand ข้อสอบภาษาอังกฤษ พร้อมเฉลย pdf บบบย tor คือ จัดซื้อจัดจ้าง การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 4 ชขภใ ยศทหารบก เรียงลําดับ ห่อหมกฮวกไปฝากป้า หนังเต็มเรื่อง เขียน อาหรับ แปลไทย แปลภาษาอิสลามเป็นไทย Google map กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมออนไลน์ กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย ค้นหา ประวัติ นามสกุล อาจารย์ ตจต แจ้ง ประกาศ น้ำประปาไม่ไหล แปลบาลีเป็นไทย แปลภาษา ถ่ายรูป แปลภาษาจีน แปลภาษามลายู ยาวี โรงพยาบาลภมูพลอดุยเดช ที่อยู่ Google Drive Info TOR คือ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ช่างไฟฟ้า กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมฟรี 2566 กลยุทธ์ทางการตลาด มีอะไรบ้าง การบริหารทรัพยากรมนุษย์ มีอะไรบ้าง การประปาส่วนภูมิภาค การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 3 ขขขขบบบยข ่ส ข่าว น้ำประปา วันนี้ ข้อสอบโอเน็ต ม.6 มีกี่ตอน ตารางธาตุ ประปาไม่ไหล วันนี้