จิตอาสากับจิตสาธารณะเหมือนกันไหม

ปัจจุบันสังคมธุรกิจไทยในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในรัฐแคลิฟอร์เนีย ต้องประสบปัญหาต่างๆ มากมาย อันเกี่ยวเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจ สังคม การไม่เข้าใจในตัวบทกฎหมายของบ้านเมือง และกระแสการเปลี่ยนแปลงทางโซเชียลมีเดียที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้เกิดการแข่งขันสูง

เจ้าของธุรกิจไทยส่วนใหญ่ยังเป็นคนรุ่นบุกเบิก (First Generation) ที่ยังไม่สันทัดทางภาษา และบ้างก็ไม่พยายามที่จะศึกษาเทคโนโลยีแบบใหม่ๆ และไม่มีความรู้ในการพัฒนาเชิงรุกในการทำธุรกิจ (Innovative Driven Strategies) ฉะนั้นพวกเราที่พอมีความรู้ ความสามารถ และพอมีเวลาที่จะเอื้ออำนวย ควรช่วยกันออกมาเพื่ออาสาในการช่วยเหลือนักธุรกิจเหล่านี้ ได้เรียนรู้ พัฒนา ปรับปรุง แก้ไข ส่งเสริมให้ธุรกิจดีขึ้น หรือชักจูงลูกหลานให้สืบสาน ต่อยอดธุรกิจของคุณพ่อคุณแม่ หรือคุณปู่ย่า ตายายต่อไป

การสร้างจิตสำนึกเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นและส่วนรวม จึงเป็นสิ่งที่สังคมไทยต้องการอย่างยิ่ง เพราะการแก้ปัญหาจากเพียงส่วนหนึ่งส่วนใดของสังคมนั้น ยากที่จะประสบความสำเร็จในระยะยาวได้

เพราะฉะนั้น เราทุกคนที่มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ ที่อยู่ในสังคมทั้งหมด ต้องให้ความร่วมมือ โดยออกมาจากกระดอง หรือโซนความสบายของตัวเอง (Comfort Zone) อย่ากลัวว่าออกมาแล้วจะเปลืองตัว เพราะมีสิทธิ์ถูกวิพากวิจารณ์ ถูกด่า จากคนบางพวกที่สุภาษิตไทยเรียกว่า “มือไม่พาย ยังเอาเท้าราน้ำ” เพราะถ้าคิดแบบนี้ชุมชนเราจะดีขึ้นได้อย่างไร ออกมาเถอะครับ มาแสดงความรับผิดชอบร่วมกัน เกื้อหนุนกัน เพื่อให้สังคมไทยเข้มแข็งขึ้น และมีคนไทยที่มีคุณภาพ ชุมชนไทยจึงจะมีประสิทธิภาพโดยรวม

ชุมชนไหนจะเข้มแข็งได้ ก็เพราะคนของเขาเข้มแข็ง มีศักยภาพ มีความรู้ มีความสามัคคี มีน้ำใจ มีจิตสำนึกต่อส่วนรวมมากๆ ยอมเสียสละได้ทุกเมื่อ และผมเชื่อแน่ว่าการทำงานเป็นอาสาสมัครนั้น เป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยลดและแก้ปัญหาของสังคมไทยได้ดี สร้างคนให้เห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่นและสังคมโดยรวม พร้อมที่จะอาสา โดยสละแรงกาย แรงใจ เวลา หรือทรัพย์สินเงินทอง เพื่อประโยชน์สุขของส่วนรวม… จึงเป็นที่มาของบทความของผมในวันนี้

อาสาสมัคร (Volunteer) ถือเป็นหัวใจขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไร (Non Profit Organization) และองค์กรต่างๆ เพราะหากไม่มีพวกเขาแล้วไซร้ องค์กรก็คงขาดพลังขับเคลื่อนที่สำคัญ ที่จะเปลี่ยนแปลงสังคม โดยอาสาสมัครทุกคนในทุกองค์กร มีเป้าหมายเดียวกัน คือการเสียสละทั้งแรงกาย แรงใจ ด้วยจิตอาสา เพื่อต้องการให้สังคมของเขาพัฒนาได้ดีขึ้น ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ในระยะเกือบสิบปีมานี้ เราจะได้ยินแต่คำว่า “จิตอาสา” (Volunteer Spirit) มากกว่าคำว่า “อาสาสมัคร” แต่บางท่านอาจไม่รู้ว่ามันเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ผมจึงอาสาแชร์ข้อมูลที่ได้ค้นคว้ามา…

อาสาสมัคร (Volunteer) หมายถึงผู้ที่สมัครใจ และอาสาเข้ามาเพื่อช่วยเหลือ และทำงานที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน องค์กร และสังคม โดยสมัครใจ เพื่อการดูแล ป้องกัน แก้ปัญหา เพื่อพัฒนาสังคมโดยไม่หวังผลตอบแทนเป็นเงินหรือสิ่งอื่นใด ผลตอบแทนที่อาสาสมัครได้รับ คือ ความสุข ความภาคภูมิใจที่ได้ปฏิบัติงานที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน และสังคมโดยรวม ยกตัวอย่างเช่น การอาสาเข้ามาทำงานในสมาคม องค์กรต่างๆ การอาสามาเป็นนายกฯ เป็นคณะกรรมการ หรือผู้สนับสนุนในหน้าที่ต่างๆ ที่ตนถนัด เป็นต้น

จิตอาสา (Volunteer Spirit/Mind) หมายถึง จิตแห่งการให้ความดีงามทั้งปวงแก่เพื่อนมนุษย์โดยเต็มใจ พร้อมจะเสียสละเวลา ให้ความช่วยเหลือ ร่วมมือ ลงแรง ร่วมใจ ในการทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม เพื่อช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในสังคม ช่วยแก้ปัญหาและสร้างสรรค์เพื่อให้เกิดประโยชน์สุขแก่สังคม ยกตัวอย่างเช่น การช่วยกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม โดยการไม่ทิ้งขยะลงในแหล่งน้ำ การแยกขยะ แม้แต่การประหยัดน้ำปะปาหรือไฟฟ้าที่เป็นของส่วนรวม โดยใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่า หรือบางคนที่ลุกขึ้นมาทำความดีกันคนละนิด หรือใช้ความรู้และประสบการณ์ที่มี เพื่อช่วยงาน หรือกิจกรรมต่างๆ ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนหรือสังคมโดยรวม

อีกความหมายที่ผมชอบ จากคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ โดยให้ความหมายจิตอาสาว่า คือการรู้จักเอาใจใส่ เป็นธุระและเข้าร่วมในเรื่องของส่วนรวมที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ มีความสำนึกและยึดมั่นในระบบคุณธรรม และจริยธรรมที่ดีงาม ละอายต่อสิ่งผิด รับผิดชอบ เน้นความเรียบร้อย ประหยัด

สรุป จิตอาสา หรือ จิตสำนึกสาธารณะ เป็นการตระหนักรู้ตัว หรือเป็นจิตส่วนที่รู้ตัว รู้ว่าทำอะไร อยู่ที่ไหน เพื่ออะไร เป็นอย่างไรขณะที่ตื่นอยู่นั่นเอง เป็นจิตที่ไม่นิ่งดูดายต่อสังคม หรือความทุกข์ยากของผู้คน และปรารถนาเข้าไปช่วย ไม่ใช่ด้วยการให้ทาน ให้เงิน แต่ค้วยการสละเวลา แรง และ/หรือ สมอง เข้าไปช่วย ด้วยจิตที่เป็นสุขที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ใช่แค่ทำประโยชน์เพื่อผู้อื่นอย่างเดียว แต่เป็นการพัฒนา ‘จิตวิญญาณ’ ของเราด้วย

ฉะนั้น อาสาสมัคร ไม่ว่าด้วยแรงจูงใจใดๆ ในช่วงเริ่มต้น แต่หากขาดซึ่งความรักในสิ่งที่ทำด้วย “จิตอาสา” ในเวลาต่อมา… ผลงานที่ออกมาก็เป็นเพียงสิ่งที่เราทำสนุกๆ เพื่อฆ่าเวลาที่ไม่รู้จะทำอะไรเท่านั้น ไม่มีคุณค่าใดเพื่อสร้างจิตวิญญาณและพัฒนาจิตสำนึกเพื่อสังคม

สังคมไทยในประเทศสหรัฐอเมริกานี้ ซึ่งมีคนไทยอยู่ไม่ต่ำกว่า 300,000 คน แต่ทำไมอาสาสมัครและจิตอาสาของเรามีน้อยเหลือเกิน แบบที่ทราบกันว่า คนไทยเป็นคนเก่งมาก แต่คนที่จะกล้าหาญออกมาอาสาช่วยเหลือสังคมนั้นน้อยมาก เราจึงเห็นแต่คนหน้าเดิมๆ ที่ออกมาเป็นอาสาสมัคร/จิตอาสา ซึ่งบางครั้งอาสาสมัครส่วนหนึ่งก็เป็นอาสาสมัครด้วยความเกรงใจ ถูกขอใช้ชื่อเอาไปใส่ บางคนจึงมีชื่อติดอยู่ในสมาคมต่างๆ หลายสมาคม บางครั้งก็สงสัยว่า แล้วพวกเขาเหล่านั้นจะเอาเวลาที่ไหนไปช่วยสมาคมได้จริงๆ

จึงขอสรุปปัญหาและแนวทางแก้ไขเพื่อรณรงค์ส่งเสริม “อาสาสมัคร ด้วยจิตอาสา” หรือ ‘อุดมการณ์ของอาสาสมัคร” เพื่อให้สังคมไทยมีจิตสำนึกในการออกมาแบบจิตอาสา ช่วยเหลือคนในสังคมของเรามากขึ้น ทุกคนต่างมีฝีมือ มีความสามารถเฉพาะตัว ที่สามารถนำออกมาแชร์แบ่งปัน ช่วยเหลือส่วนรวมได้ ผลตอบแทนของอาสาสมัคร คือ ได้รับความสุข ความภาคภูมิใจที่ได้ปฏิบัติงานที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน ชุมชน สังคม และประเทศชาติ ส่วนของจิตอาสา คือ การที่มีส่วนจากการให้ ที่เปี่ยมด้วยความเมตตา เพราะจิตอาสานั้น จะมุ่งเน้นในการให้มากกว่าการรับ ช่วยให้สังคมน่าอยู่ เป็นสังคมที่มีคุณภาพที่ทุกคนสามารถอยู่รวมกันได้ พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน

คุณลักษณะที่ดีของอาสาสมัคร

1. มีความประพฤติที่ซื่อตรง มีความคิด เป็นอิสระในการเลือกที่จะอาสาจะทำหรือไม่ทำตามความสามารถ ประสบการณ์ และความรู้หรือมีพรสวรรค์
2. มีความรับผิดชอบต่อตนเอง และต่อสังคม รวมทั้งการกระทำที่เป็นประโยชน์ต่อบุคคล กลุ่มบุคคล และส่วนรวม
3. ไม่หวังรางวัล หรือผลตอบแทนเป็นเงินทอง และไม่ใช่เป็นภาระหน้าที่ การงานที่ต้องปฏิบัติอยู่แล้วตามหน้าที่
4. ต้องมีความรักความปรารถนาที่จะให้ และมีจิตใจที่จะทำความดี เข้าใจ และเห็นอกเห็นใจผู้อื่น รวมถึงการเสียสละเวลา โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ

พฤติกรรมหลักของอาสาสมัคร หมายถึงการที่บุคคลที่ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมโดยสมัครใจและไม่หวังผลตอบแทน
ช่วยเหลือผู้อื่นโดยเข้าร่วมกิจกรรมบริการชุมชน ได้แก่การเข้าร่วมกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์และปฏิบัติงานบรรเทาทุกข์ผู้เดือดร้อน เมื่อมีโอกาส
ยอมเสียสละโดยใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม เสียสละเงิน เวลาเพื่อผู้อื่นและสังคม
มุ่งมั่นพัฒนาใฝ่หาความรู้ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองและเผยแพร่แก่ผู้อื่น และช่วยรณรงค์ให้ผู้อื่นเข้าร่วมเป็นอาสาสมัครหรือจิตอาสาด้วยกัน

พฤติกรรมหลักของจิตอาสา/จิตสำนึกสาธารณะ หมายถึงการกระทำใดๆ ที่มาจากใจบริสุทธิ์ เริ่มจากการคิดดี ทำดี เพื่อสังคมไทยที่น่าอยู่ จากการที่เรามีจิตอาสามากๆ
งดเว้นการกระทำที่จะส่งผลทำให้เกิดความชำรุดเสียหายของทรัพย์สินส่วนรวม
มีส่วนร่วมดูแล และรักษาทรัพย์สินส่วนรวม
การเคารพสิทธิของผู้อื่นในการใช้ทรัพย์สินส่วนรวม
ใช้ชีวิตแบบ “มีแต่ให้” มากกว่า “เอาแต่ได้”
คำนึงถึงสาธารณะมากกว่าความเป็นส่วนตัว ทำความดีเพราะเห็นคุณค่าของความดี

ทุกคนควรมีส่วนร่วม เผื่อแผ่ ดูแลสังคมไทย ดูแลสิ่งแวดล้อม ชุมชน ตลอดจนปัญหาต่างๆ รอบๆ ตัว ร่วมกัน ร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ทำดีให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ไม่เพียงแต่รอดูว่าใครจะรับผิดชอบเรื่องอะไร แต่ควรต้องออกมามีส่วนร่วมรับผิดชอบด้วยกัน การจะเป็นจิตอาสา ไม่ได้จำกัดที่ วัย การศึกษา เพศ อาชีพ ฐานะ หรือข้อจำกัดใดๆ ทั้งสิ้น หากแต่เราต้องมีจิตใจเป็น “จิตอาสา” ที่อยากจะช่วยเหลือผู้อื่น หรือสังคม เพียงเราแต่ละคนคิดและทำความดีกันคนละนิดเพื่อสังคม แล้วสังคมไทยเราน่าจะงดงามขึ้นอีกไม่น้อย

การมีจิตอาสาและจิตสาธารณะคืออะไร

จิตอาสา หรือ มีจิตสาธารณะ” ยังหมายรวมถึง จิตของคนที่รู้จักความเสียสละ ความร่วมมือ ร่วมใจ ในการทาประโยชน์เพื่อส่วนรวม จะช่วยลดปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคม ช่วยกันพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อ เป็นหลักการในการดาเนินชีวิต ช่วยแก้ปัญหาและสร้างสรรค์ให้เกิดประโยชน์สุขแก่สังคม เช่น การช่วยกันดูแล รักษาสิ่งแวดล้อม โดยการไม่ทิ้งขยะลงใน ...

จิตอาสาสาธารณะมีอะไรบ้าง

กิจกรรมที่สะท้อนจิตสาธารณะด้านความรับผิดชอบต่อสังคม ได้แก่ กิจกรรมพัฒนาศาสนสถาน ได้แก่ วัด และมัสยิด กิจกรรมพัฒนาโรงเรียน อนามัย หมู่บ้าน ชุมชน กิจกรรมปลูกต้นไม้ ปลูกป่า กิจกรรมค่าย ชุมนุม อาสาสมัคร กิจกรรมด้านคุณธรรม ความดี กิจกรรมนักเรียน กิจกรรมประชาธิปไตย กิจกรรมในโอกาสวันสําคัญต่างๆ วันสําคัญทางศาสนา/ประเพณี ...

จิตสาธารณะมีความหมายว่าอย่างไร

ความหมายของจิตสาธารณะ ราชบัณฑิตยสภา ได้ให้ความหมายของจิตส านึกทางสังคม หรือจิตสาธารณะว่า คือการตระหนักรู้และค านึงถึง ส่วนรวมร่วมกัน หรือการคานึงถึงผู้อื่นที่ร่วมสัมพันธ์เป็นกลุ่มเดียวกัน

ความสำคัญของจิตอาสา/จิตสาธารณะ มีอะไรบ้าง

ทำให้เป็นคนคิดบวก มองผู้อื่นในแง่ที่ดี ไม่คิดร้ายต่อผู้อื่น – ทำให้เราเป็นคนที่สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้เป็นอย่างดี และปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมต่างๆ ได้ดี – ทำให้เป็นที่รักใคร่จากผู้คนรอบข้าง และได้รับความเมตตา – ทำให้เป็นคนไม่เห็นแก่ตัว คิดถึงส่วนรวมเป็นหลักมากกว่าประโยชน์ส่วนตน

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาไทย โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน lmyour แปลภาษา แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip ไทยแปลอังกฤษ ประโยค แอพแปลภาษาอาหรับเป็นไทย ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 แปลภาษาอาหรับ-ไทย Terjemahan พจนานุกรมศัพท์ทหาร หยน แปลภาษา มาเลเซีย ไทย Bahasa Thailand ข้อสอบภาษาอังกฤษ พร้อมเฉลย pdf บบบย tor คือ จัดซื้อจัดจ้าง การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 4 ชขภใ ยศทหารบก เรียงลําดับ ห่อหมกฮวกไปฝากป้า หนังเต็มเรื่อง เขียน อาหรับ แปลไทย แปลภาษาอิสลามเป็นไทย Google map กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมออนไลน์ กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย ค้นหา ประวัติ นามสกุล อาจารย์ ตจต แจ้ง ประกาศ น้ำประปาไม่ไหล แปลบาลีเป็นไทย แปลภาษา ถ่ายรูป แปลภาษาจีน แปลภาษามลายู ยาวี โรงพยาบาลภมูพลอดุยเดช ที่อยู่ Google Drive Info TOR คือ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ช่างไฟฟ้า กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมฟรี 2566 กลยุทธ์ทางการตลาด มีอะไรบ้าง การบริหารทรัพยากรมนุษย์ มีอะไรบ้าง การประปาส่วนภูมิภาค การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 3 ขขขขบบบยข ่ส ข่าว น้ำประปา วันนี้ ข้อสอบโอเน็ต ม.6 มีกี่ตอน ตารางธาตุ ประปาไม่ไหล วันนี้