การปรับภาพแบบใด

ทำให้เว็บไซต์ของคุณเร็วมากขึ้นและใช้งานง่ายยิ่งขึ้นด้วยการปรับขนาดรูปภาพให้เหมาะสม เรียนรู้วิธีการปรับขนาดรูปภาพเพื่อการใช้งานบนเว็บและค้นหาเครื่องมือที่คุณจำเป็นต้องใช้ดำเนินการ

รูปภาพมีความสำคัญสำหรับเว็บ พวกมันช่วยให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมและทำให้เว็บไซต์ บล็อก โพสต์ โฆษณาแบนเนอร์ หรืออีเมลดูมีความเป็นมืออาชีพ แต่รูปภาพเดียวกันนั้นอาจบั่นทอนเว็บไซต์ของคุณได้ พวกมันอาจใช้เวลาโหลดนานซึ่งจะส่งผลกระทบในทางลบต่อประสบการณ์การใช้งานและการจัดอันดับโดยเครื่องมือค้นหาของคุณ เพื่อเอาชนะเรื่องนี้ คุณต้องเรียนรู้วิธีปรับขนาดรูปภาพสำหรับเว็บ

ส่วนประกอบหลักของขนาดไฟล์

ไฟล์ที่ใหญ่กว่าจะใช้เวลาโหลดนานกว่า แต่ไฟล์ที่เล็กลงจะมีคุณภาพต่ำกว่า รูปภาพโดย ussr

ทำไมไฟล์รูปภาพของคุณจึงใช้เวลาโหลดนาน? สาเหตุหลักก็คือขนาดไฟล์ของรูปภาพ ยิ่งไฟล์มีขนาดใหญ่เท่าไหร่ เว็บเพจของคุณก็ยิ่งต้องทำงานหนักมากขึ้นเท่านั้น ปัจจัยสามประการต่อไปนี้ส่งผลกับขนาดไฟล์โดยรวมของรูปภาพ:

  • ขนาดพิกเซล – นี่คือจำนวนพิกเซลที่ประกอบขึ้นเป็นรูปภาพของคุณในด้านยาวและด้านกว้าง ยิ่งขนาดพิกเซลใหญ่มากขึ้นไหร่ รูปภาพของคุณจะดูเป็นมืออาชีพมากขึ้นเท่านั้น แต่ขนาดไฟล์ก็จะใหญ่ขึ้นตามไปด้วย หากขนาดของรูปภาพเท่ากับ 2,000 × 1500 พิกเซล ภาพถ่ายจะแสดงผลได้สวยงาม แต่กินพื้นที่ว่างอันมีค่า
  • ประเภทไฟล์ – ไฟล์ต่างประเภทกันจะใช้พื้นที่มากน้อยต่างกันโดยขึ้นอยู่กับการใช้งาน ปริมาณข้อมูลที่บรรจุอยู่ และวิธีการแสดงรูปภาพ เช่น สมการบิตแมปหรือเวกเตอร์ เพื่อตัดสินใจเลือกระหว่าง JPEG, PNGs, SVGs หรือ GIF โปรดอ่านคำแนะนำของเราสำหรับรูปแบบภาพที่ดีที่สุดสำหรับเว็บ
  • คุณภาพ – หากคุณรักษาคุณภาพดั้งเดิมของภาพเอาไว้ ไฟล์จะยังคงมีขนาดใหญ่ การบีบอัดรูปภาพคือการจำกัดขนาดไฟล์โดยลดคุณภาพหรือลบองค์ประกอบที่ซ่อนอยู่ของรูปภาพออกไป เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลต่อการแสดงรูปภาพของเว็บในโพสต์เกี่ยวกับความละเอียดรูปภาพของเรา

อีกครั้ง คุณต้องปรับแต่งองค์ประกอบเหล่านี้เพื่อให้คุณสามารถรักษาความเร็วของหน้าเว็บให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ความเร็วของหน้าเว็บคืออะไร?

เราวัดความเร็วของหน้าเว็บตามความเร็วในการโหลดหรือระยะเวลาที่เบราว์เซอร์ใช้เพื่อแสดงเนื้อหาทั้งหมดบนหน้าเว็บ

เมื่อคุณไปยังหน้าเว็บไซต์ เบราว์เซอร์ของคุณจะดาวน์โหลดข้อมูลจากหน้าดังกล่าวในหน่วยที่เรียกว่าไบต์ (เช่นกิโลไบต์ เมกะไบต์) ทุกสิ่งบนหน้าเว็บ ตั้งแต่รูปภาพและข้อความไปจนถึงภาพเคลื่อนไหวและเมนูการนำทาง ใช้พื้นที่ดิสก์จำนวนหนึ่งในหน่วยไบต์ ยิ่งต้องใช้จำนวนไบต์ในการสร้างหน้าเว็บมากขึ้นเท่าไร่ ก็ยิ่งต้องใช้เวลาโหลดหน้าเว็บนานมากขึ้นเท่านั้น

วิธีเพิ่มความเร็วของหน้าเว็บของคุณ

การปรับขนาดรูปภาพของคุณจะช่วยให้คุณปรับหน้าเว็บของคุณให้มีประสิทธิภาพ รูปภาพโดย jossnat

วิธีที่ง่ายที่สุดและตรงไปตรงมาที่สุดซึ่งช่วยในเรื่องความเร็วของหน้าเว็บของคุณก็คือการลดขนาดไฟล์รูปภาพ กระบวนการนี้เรียกว่าการบีบอัดภาพ ทุกคนสามารถลดขนาดไฟล์รูปภาพได้ด้วยโปรแกรมแก้ไขรูปภาพออนไลน์ของเรา คุณไม่จำเป็นต้องคุ้นเคยกับการออกแบบหรือการโค้ดเพื่อดำเนินการในเรื่องนี้

การบีบอัดภาพเป็นกระบวนการลดขนาดไฟล์รูปภาพเพื่อให้มันใช้พื้นที่น้อยลง คุณอาจได้ยินกระบวนการนี้ในชื่อว่า “การปรับขนาดรูปภาพ” หรือ “การปรับรูปภาพให้เหมาะสม” การปรับขนาดรูปภาพสำหรับเว็บคือสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง

รูปภาพอาจเป็นองค์ประกอบที่กินทรัพยากรมากที่สุดในเว็บไซต์ ซึ่งหมายความว่าพวกมันอาจถูกสร้างขึ้นด้วยจำนวนไบต์ที่มากกว่าและเบราว์เซอร์จะใช้เวลาดาวน์โหลดนานกว่า หากคุณปรับขนาดรูปภาพสำหรับเว็บ คุณสามารถลดจำนวนไบต์ในรูปภาพเพื่อให้พวกมันโหลดเร็วขึ้นได้

หากคุณต้องการเจาะลึกลงไปในกลไกความเร็วของหน้าเว็บ คุณสามารถลองลดการเปลี่ยนเส้นทาง ใช้แบบอักษรของเว็บ และลดโค้ดที่ไม่จำเป็น เช่น ความคิดเห็นหรือช่องว่างพิเศษ แต่ก็ไม่มีอะไรที่จะใช้ได้ดีเท่ากับการบีบอัดภาพ

ทำไมความเร็วของหน้าเว็บจึงมีความสำคัญต่อ SEO?

ความเร็วของหน้าเว็บไซต์ของคุณเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องด้วยเหตุผลสองประการ:

1. ความเร็วของหน้าเว็บที่มากขึ้น = ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น
ทุกคนต่างเคยเจอกับเว็บไซต์ที่ใช้เวลาโหลดนานเป็นชาติ มันอาจทำให้คุณหัวเสีย ทำให้ผู้ใช้ออกไปจากเว็บไซต์แม้กระทั่งก่อนที่เนื้อหาจะโหลดเสียอีก 53% ของผู้ใช้มือถือจะปิดเว็บไซต์ของคุณหากมันไม่โหลดภายในสามวินาที

ในอีกด้านหนึ่ง เว็บไซต์ที่โหลดได้อย่างรวดเร็วจะช่วยให้ผู้ใช้ดูเนื้อหาของคุณได้อย่างง่ายดาย ยิ่งประสบการณ์ผู้ใช้ดีมากขึ้นเท่าไร ผู้ใช้ก็ยิ่งจะอยู่ในเว็บไซต์ อ่านเนื้อหาเพิ่มเติม หรือทำการซื้อมากขึ้นเท่านั้น

2. ความเร็วของหน้าเว็บที่มากขึ้น = การจัดอันดับ Google ที่ดีขึ้น
อัลกอริทึมของ Google พิจารณาความเร็วของหน้าเว็บเมื่อจัดอันดับหน้าเว็บสำหรับเครื่องมือค้นหา หากคุณต้องการอันดับที่สูงขึ้นในผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา (ใครบ้างที่จะไม่ต้องการ?) คุณอาจต้องตรวจสอบความเร็วของหน้าเว็บของคุณ

วิธีปรับขนาดรูปภาพสำหรับเว็บ

1. เลือกรูปแบบไฟล์ที่ถูกต้อง

ก่อนที่คุณจะปรับขนาดรูปภาพสำหรับเว็บ ให้ตรวจสอบว่าคุณกำลังบันทึกรูปภาพในรูปแบบไฟล์ที่เหมาะสมหรือไม่ รูปแบบไฟล์ที่เป็นสากลสำหรับเว็บนั้นมีสามรูปแบบ

การเลือกประเภทของไฟล์ที่เหมาะสมสำหรับหน้าเว็บของคุณจะช่วยให้เกิดความสมดุลด้านขนาดและคุณภาพ รูปภาพโดย Razvan Ionut Dragomirescu

  • JPEG – ใช้ JPEG สำหรับภาพถ่าย ภาพหน้าจอ และรูปภาพอื่นๆ ส่วนใหญ่ JPEG ใช้การบีบอัดแบบสูญเสียข้อมูล ซึ่งหมายความว่าพวกมันจะลดข้อมูลของรูปภาพลงเพื่อลดขนาดไฟล์ คุณสามารถปรับแต่งการตั้งค่าคุณภาพเพื่อให้ได้คุณภาพที่ดีที่สุดเทียบกับขนาดไฟล์
  • PNG – ใช้ PNG สำหรับภาพที่มีรูปทรงเรขาคณิตที่คมชัด เพราะส่วนโค้งและเส้นจะแสดงผลได้ชัดเจนกว่า JPEG PNG ใช้การบีบอัดแบบไม่สูญเสียข้อมูล ซึ่งหมายความว่าพวกมันจะเก็บข้อมูลทั้งหมดของรูปภาพเอาไว้ โดยจะมีขนาดไฟล์ใหญ่กว่ารูปแบบอื่น
  • GIF – ใช้ GIFs สำหรับภาพเคลื่อนไหว แต่ให้หลีกเลี่ยงรูปแบบนี้สำหรับภาพนิ่งเนื่องจากมันจำกัดจำนวนสีที่แสดงในรูปภาพของคุณ

อ่านคู่มือเชิงลึกของเราเพื่อที่เหมาะสมพร้อมกับข้อมูลเพิ่มเติม นอกจากนี้คุณยังสามารถลองเครื่องมือปรับขนาดรูปภาพฟรีของเราได้ เครื่องมือปรับขนาดรูปภาพอาจเป็นทางลัดในการปรับขนาดรูปภาพและรูปถ่ายได้ในทันที

2. ลดจำนวนพิกเซลลง

ปรับขนาดรูปภาพของคุณให้อยู่ในขนาดหรือใหญ่กว่าขนาดที่แสดง รูปภาพโดย Olinda

แต่ละพิกเซลในรูปภาพใช้จำนวนไบต์เฉพาะตัวในการเข้ารหัส ยิ่งพิกเซลในภาพน้อยลงเท่าไหร่ ไฟล์ก็จะยิ่งมีขนาดเล็กลงเท่านั้น แต่ความจริงข้อนี้ไม่ได้หมายความว่าคุณควรปรับขนาดภาพทั้งหมดให้เป็น 100 x 100 พิกเซล ภาพของคุณจะจบลงด้วยการสูญเสียคุณภาพจำนวนมากเมื่อคุณอัปโหลดพวกมันไปยังเว็บ

อย่างไรก็ตาม คุณสามารถปรับขนาดรูปภาพตามขนาดที่แสดงในเว็บไซต์ได้ หากคุณกำลังอัปโหลดรูปภาพไปยังเว็บไซต์ของคุณ ค้นหาขนาดที่พวกมันจะแสดงและปรับขนาดรูปภาพของคุณให้อยู่ในขนาดหรือใหญ่กว่าขนาดที่แสดงนี้เล็กน้อย การปรับขนาดจะกำจัดพิกเซลที่ไม่จำเป็นและสามารถลดขนาดไฟล์ลงได้อย่างมาก

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับขนาดภาพทั่วไปสำหรับเว็บ

3. ปรับลดการตั้งค่าคุณภาพลง

เมื่อคุณบันทึกภาพโดยใช้แอปพลิเคชันการประมวลผลภาพ มักจะมีตัวเลื่อนเพื่อควบคุมคุณภาพ ตัวเลื่อนนี้ที่มักแสดงในระดับ 1 ถึง 100 (100 คือต้นฉบับในคุณภาพสูงสุด) จะควบคุมการสูญเสียในการบีบอัดของภาพ มันช่วยให้คุณตัดสินใจว่าต้องการสูญเสียข้อมูลรูปภาพมากเท่าไหร่เพื่อลดขนาดไฟล์ลง

หากคุณกำลังทำงานกับ JPEG คุณจะพบว่าคุณสามารถใช้ตัวเลื่อนได้อย่างอิสระ มักจะไม่มีความแตกต่างที่สังเกตเห็นได้ระหว่างรูปภาพที่บันทึกด้วยคุณภาพ 100% และรูปภาพที่บันทึกด้วยคุณภาพ 60% หรือต่ำถึง 30% ในชุดรูปภาพด้านบน คุณต้องจ้องดูอย่างรอบคอบถึงจะเห็นการสูญเสียความละเอียด ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนที่สุดในพื้นหลังสีขาว แต่ในชุดรูปภาพด้านล่าง คุณสามารถมองเห็นการเกิดแถบสีได้ค่อนข้างชัดเจนในรูปภาพที่มีความละเอียดต่ำ ในทั้งสองกรณี รูปภาพที่มีความละเอียดปานกลางเป็นตัวเลือกอันยอดเยี่ยมพร้อมกับคุณภาพที่สูงและขนาดไฟล์ที่เล็ก

ตัดสินใจว่าคุณต้องการให้รูปภาพใดมีความคมชัด เช่น ภาพหน้าแลนดิ้งเพจหรือหน้าหลักของคุณ และรูปภาพใดที่คุณสามารถลดทอนคุณภาพลงได้ เช่น ภาพในบล็อกโพสต์

ขนาดภาพที่เหมาะสมสำหรับเว็บ

ไม่มีขนาดภาพที่สมบูรณ์แบบตายตัว แต่มีหลักเกณฑ์สองสามข้อ รูปภาพโดย Rawpixel

คุณควรกำหนดขนาดไฟล์ไว้ที่เท่าไหร่เมื่อปรับขนาดรูปภาพ? มีตัวเลขสูตรสำเร็จหรือไม่? ขนาดภาพที่สมบูรณ์แบบของคุณนั้นแตกต่างกันออกไปตามบริบท

  • ภาพกว้างเต็มหน้าจอ – ภาพเหล่านี้จะครอบคลุมทั้งหน้าจอจากซ้ายไปขวา ในแง่ของขนาดพิกเซล ให้กำหนดไว้ที่ 2,400 × 1600 พิกเซล
  • รูปภาพภายในเนื้อหา – รูปภาพเหล่านี้อาจเป็นแกลเลอรีสไลด์โชว์ ปุ่มเรียกร้องให้ดำเนินการ หรือรูปภาพภายในบล็อก สำหรับภาพแนวนอน ความกว้างสูงสุดควรอยู่ที่ 1,500 พิกเซล สำหรับภาพแนวตั้งให้กำหนดความกว้างไปที่ 1,000 พิกเซลหรือน้อยกว่า

แน่นอนว่าขนาดพิกเซลไม่ได้สัมพันธ์โดยตรงกับขนาดไฟล์ รูปภาพของคุณควรกินพื้นที่ว่างเท่าใด? กฎทองคือการอัปโหลดภาพให้มีขนาดไม่เกิน 500 KB ซึ่งขนาดนี้ถูกสงวนไว้สำหรับรูปภาพเด็ดสุดยอดและกรณีการใช้งานที่คล้ายคลึงกัน หากบล็อกของคุณมีรูปภาพหลายรูป แต่ละภาพจะถือรวมเป็นส่วนหนึ่งของขนาดหน้าเว็บ

หน้าเว็บของคุณควรกินทรัพยากรขนาดไหน? ขนาดโดยเฉลี่ยได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสำหรับไม่กี่ปีที่ผ่านมา ขณะนี้ขนาดหน้าเว็บโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 2 MB และสูงขึ้นสำหรับบางบล็อก คุณควรตั้งเป้าหมายให้เว็บไซต์ของคุณมีขนาดต่ำกว่า 2 MB แนวทางปฏิบัติที่แนะนำของ Google คือการรักษาแต่ละหน้าให้มีขนาดต่ำกว่า 500 KB ดังนั้นคุณควรบีบอัดภาพให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยไม่ลดทอนคุณภาพลง

เครื่องมือที่ดีที่สุดสำหรับการบีบอัดภาพ

ตอนนี้คุณรู้วิธีการปรับขนาดรูปภาพสำหรับเว็บแล้ว คุณจำเป็นต้องมีเครื่องมือเพื่อทำให้มันเกิดขึ้น มีตัวเลือกที่หลากหลายสำหรับการประมวลผลภาพ เช่น Adobe Photoshop แต่ Photoshop ยังมาพร้อมกับเครื่องมือการออกแบบขั้นสูงมากมายที่คุณอาจพบว่าไม่จำเป็นหากคุณต้องการเพียงแค่ครอบตัด ปรับขนาด และส่งออกรูปภาพสำหรับเว็บ

คุณสามารถลองใช้เครื่องมือบีบอัดรูปภาพที่ใช้งานง่ายเหล่านี้ดูได้

เครื่องมือออนไลน์

1. Kraken.io

หากคุณมีรูปภาพจำนวนมากที่คุณต้องการบีบอัดพร้อมกัน Kraken.io คือเครื่องมือสำหรับคุณ การบีบอัดภาพขนาดใหญ่แบบเป็นกลุ่มจะช่วยให้คุณสามารถปรับขนาดรูปภาพหลายภาพในครั้งเดียว และดาวน์โหลดพวกมันทั้งหมดในรูปแบบไฟล์ซิปหรือแบบทีละภาพได้

2. Shutterstock Editor

Shutterstock Editor เป็นเครื่องมือออกแบบฟรีที่ช่วยให้คุณปรับขนาดรูปภาพสำหรับวัตถุประสงค์และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่หลากหลาย

นอกเหนือไปจากคุณสมบัติมากมายที่ช่วยให้คุณสร้างงานดีไซน์สำหรับสื่อการตลาด งานนำเสนอ และอื่นๆ Shutterstock Editor ยังช่วยให้คุณปรับขนาดและครอบตัดรูปภาพเพื่อลดขนาดไฟล์ลงได้ เพียงแค่อัปโหลดภาพของคุณหรือเลือกจากคอลเล็กชั่นของ Shutterstock เพื่อดาวน์โหลด เปลี่ยนขนาดแคนวาส และเมื่อคุณพร้อมที่จะดาวน์โหลดภาพ ให้เลือกขนาดไฟล์พร้อมกับ DPI

3. TinyPNG

ต้องการบีบอัดไฟล์ PNG หรือไม่? TinyPNG ช่วยให้คุณลดขนาดไฟล์ทั้งในรูปแบบ PNG และ JPEG โดยทำงานอย่างครบวงจรสำหรับการบีบอัดข้อมูล โปรดจำไว้ว่า PNG มีขนาดใหญ่กว่าไฟล์นามสกุลอื่นๆ ดังนั้นให้เลือกใช้นามสกุลนี้อย่างระมัดระวัง เก็บมันไว้สำหรับรูปภาพที่มีคุณสมบัติทางเรขาคณิตที่คมชัด เช่น โลโก้

แอปสำหรับเดสก์ท็อป

4. JPEGmini

เครื่องมือแสดงตัวอย่างของ JPEGmini สามารถช่วยคุณเลือกขนาดรูปภาพของคุณได้ รูปภาพโดย JPEGmini

ในฐานะเครื่องมือบีบอัด JPEGmini ช่วยให้คุณลดขนาดไฟล์ JPEG ได้อย่างรวดเร็ว มันมีแถบเลื่อนคุณภาพและฟังก์ชั่นการแสดงตัวอย่างเพื่อให้คุณสามารถเห็นการบีบอัดแบบสูญเสียข้อมูลว่าจะออกมาเป็นอย่างไร

5. PNGGauntlet

ผู้ที่ได้ใช้งานเครื่องมือของ Windows ชิ้นนี้ต่างชื่นชอบมัน PNGGauntlet จะสร้างไฟล์ PNG ในขนาดที่เล็กที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้โดยไม่ลดคุณภาพลงด้วยเทคนิค OptiPNG, PNGOUT และ DeflOpt

แอปบนมือถือ

6. Bulk Image Compressor

ไม่มีอะไรที่ผู้ใช้แอนดรอยด์จะใช้งานได้สะดวกมากไปกว่า Bulk Image Compressor แอปที่มีประสิทธิภาพและสะดวกสบายนี้ให้การบีบอัดข้อมูลจำนวนมากสำหรับชุดรูปภาพในทันที

7. Photo Compress – Shrink Pics

ผู้ที่เป็นเจ้าของ iPhones และ iPads สามารถใช้ Photo Compress – Shrink Pics เพื่อลดขนาดไฟล์ของรูปภาพได้อย่างง่ายดาย สร้างพื้นที่ว่างสำหรับไฟล์เพิ่มเติมและปรับแต่งรูปภาพของคุณเพื่อการแชร์บน Facebook, Instagram และ Whatsapp โดยไม่ลดทอนคุณภาพลง

ความท้าทายในการปรับขนาดรูปภาพทั่วไป

แล้วจะเกิดปัญหาอะไรได้บ้าง? รูปภาพโดย Mike Laptev

เมื่อคุณปรับขนาดรูปภาพของคุณสำหรับเว็บไซต์ คุณอาจพบปัญหาทั่วไปเหล่านี้:

  • แถบสี – แถบสีจะเกิดขึ้นเมื่อคุณปรับขนาดรูปภาพดิจิทัลมากเกินไป คุณจะเห็นว่าท้องฟ้าของคุณเปลี่ยนจากการไล่ระดับสีที่กลมกลืนไปเป็นแถบสีที่เรียงกัน แถบสีจะเกิดขึ้นเมื่อมีโทนสีไม่เพียงพอสำหรับสร้างการไล่ระดับสีอย่างราบรื่น คุณสมบัติการแสดงตัวอย่างจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงปัญหาแถบสีในระหว่างการบีบอัดภาพได้
  • การแตกพิกเซล – ไม่มีใครชอบรูปภาพที่แตกเป็นพิกเซลและเป็นเม็ดเกรน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ อย่าบีบอัดภาพใดๆ ไปเป็นขนาดพิกเซลที่เล็กกว่าที่จะแสดง หากรูปภาพแสดงที่ 500 × 500 พิกเซลบนเว็บไซต์ของคุณ อย่าบีบอัดรูปภาพไปเป็น 100 × 100 พิกเซล เมื่อคุณดาวน์โหลดรูปภาพจาก Shutterstock Editor ให้ตั้งค่าเป็น 72 DPI เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้
  • การแสดงสีที่เพี้ยน – สีของรูปภาพดูเพี้ยนเมื่ออัปโหลดไปยังเว็บไซต์ของคุณหรือไม่? ก่อนอื่นให้ปรับเทียบจอมอนิเตอร์ของคุณและตั้งค่าความสว่างไปอยู่ที่ระหว่าง 90 ถึง 120 cd/m2 ตรวจสอบด้วยว่าคุณกำลังบันทึกไฟล์ เช่น JPEG ในพื้นที่สีที่ถูกต้องสำหรับเว็บไซต์ซึ่งก็คือ RGB หากคุณบันทึกในรูปแบบ CMYK ซึ่งสงวนไว้สำหรับการพิมพ์ สีของคุณจะแสดงอย่างไม่ถูกต้องเมื่ออัปโหลดออนไลน์

รูปภาพปกโดย jossnat

สนใจที่จะพัฒนาความรู้เกี่ยวกับรูปภาพและภาพถ่ายของคุณหรือไม่? ดูบทความที่สำคัญเหล่านี้:

  • วิธีใช้ภาพสต๊อกสำหรับการสร้างสรรค์ผลงานครั้งต่อไปของคุณ
  • อบอุ่นและหรูหรา: การใช้สีเอิร์ธโทนในงานดีไซน์ของคุณ
  • 30 ไอเดียพาเลทสีที่สดใสสำหรับเว็บไซต์ของคุณ
  • โทนสีกลางในภาพถ่ายช่วยสร้างภาพที่ดูเป็นธรรมชาติและเรียบง่ายได้อย่างไร
  • 11 เคล็ดลับสำหรับการแสดงพอร์ตโฟลิโอสต็อกของคุณบนเว็บไซต์ภาพถ่ายของคุณ

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาไทย โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน lmyour แปลภาษา แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip ไทยแปลอังกฤษ ประโยค แอพแปลภาษาอาหรับเป็นไทย ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 แปลภาษาอาหรับ-ไทย Terjemahan พจนานุกรมศัพท์ทหาร หยน แปลภาษา มาเลเซีย ไทย Bahasa Thailand ข้อสอบภาษาอังกฤษ พร้อมเฉลย pdf บบบย tor คือ จัดซื้อจัดจ้าง การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 4 ชขภใ ยศทหารบก เรียงลําดับ ห่อหมกฮวกไปฝากป้า หนังเต็มเรื่อง เขียน อาหรับ แปลไทย แปลภาษาอิสลามเป็นไทย Google map กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมออนไลน์ กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย ค้นหา ประวัติ นามสกุล อาจารย์ ตจต แจ้ง ประกาศ น้ำประปาไม่ไหล แปลบาลีเป็นไทย แปลภาษา ถ่ายรูป แปลภาษาจีน แปลภาษามลายู ยาวี โรงพยาบาลภมูพลอดุยเดช ที่อยู่ Google Drive Info TOR คือ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ช่างไฟฟ้า กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมฟรี 2566 กลยุทธ์ทางการตลาด มีอะไรบ้าง การบริหารทรัพยากรมนุษย์ มีอะไรบ้าง การประปาส่วนภูมิภาค การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 3 ขขขขบบบยข ่ส ข่าว น้ำประปา วันนี้ ข้อสอบโอเน็ต ม.6 มีกี่ตอน ตารางธาตุ ประปาไม่ไหล วันนี้