๑. พยายามศึกษาเรียนรู้ให้เกิดความเข้าใจในศาสนธรรม คือ คำสั่งและคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า และของพุทธศาสนา ให้เต็มความสามารถของตน
๒. พยายามปฏิบัติให้เหมาะสมแก่เพศ แก่ฐานะของตน ตามที่พระพุทธเข้าได้ทรงแสดงไว้ เช่่น ผู้ที่เป็นอุบาสก อุบาสิกา จะต้องมีศรัทธา คือความเชื่อมั่นในคุณของพระพุทธเจ้าว่า พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้ดี ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง ทรงสมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้เสด็จมา เสด็จอยู่ เสด็จไปดีแล้ว เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง เป็นสารถีผู้ฝึกคนและสัตว์อย่างยอดเยี่ยม ไม่มีใครจะยิ่งไปกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้รู้ เป็นผู้ตื่น เป็นผู้เบิกบาน เป็นผู้มีโชค เป็นผู้จำแนกธรรม เชือมั่นในกฎของกรรม ในผลของกรรม และในการที่สัตว์เป็นผู้มีกรรมเป็นของๆตน
เป็นผู้มีศีลตามสมควรแก่ฐานะโอกาส มีศีล ๕ ประการ คือ
งดเว้นจากการเบียดเบียนประทุษร้ายร่างกายของกันและกัน
งดเว้นจากการประทุษร้ายทรัพย์สินของบุคคลอื่น
เว้นจากการประทุษร้ายในคู่ครองของบุคคลอื่น
งดเว้นจากการพูดเท็จ ทำลายผลประโยชน์ของบุคคลอื่น
งดเว้นจาการดื่ม การสูบ การเสพ การฉีด สิ่งที่ทำให้ผู้ดื่ม ผู้เสพ ผู้ฉีดให้มึนเมา ตั้งอยู่ในความประมาท
และข้อปฏิบัติเหล่านี้ จะต้องพิสูจน์ได้ด้วยการไม่ถือมงคลตื่นข่าวต่างๆ เรื่องของขลัง เรื่องศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย แต่จะเชื่อกฎของกรรมอย่างมั่นคง เวลาจะกระทำสิ่งที่เป็นบุญก็จะทำสิ่งที่เป็นบุญ ตามขอบข่ายขั้นตอนของพระพุทธศาสนา ไม่ประพฤติ ไม่กระทำนอกคำสอนของพระพุทธศาสนา ถ้าเป็นชาวพุทธฝ่ายนักบวชก็ต้องปฏิบัติให้ประณีตสูงขึ้น ตามสมควรแก่ฐานะของท่าน
๓. ในการปฏิบัตินั้น จะต้องได้รับผลซึ่งบุคคลเหล่านั้นจะรู้ได้ด้วยตนเองเพราะเป็นของที่วิญญูชนจะรู้ได้เฉพาะตน ซึ่งก็หมายความว่า เมื่อมีการศึกษาแล้วจะต้องเดินไปสู่การปฏิบัติ ในการปฏิบัตินั้นจะต้องปฏิบัติจนได้ผลในชั้นใดชั้นหนึ่ง บุคคลจึงจะเห็นคุณค่าของพระพุทธศาสนา
๔. ช่วยกันเผยแผ่ชี้แจงแสดงหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ซึ่งในปัจจุบันสามารถทำได้มาก เช่นด้วยการสนทนาปราศรัยกัน ด้วยการแลกเปลี่ยนความคิดความเห็นกันด้วยการบรรยาย ปาฐกถา เทศน์ หรือว่าสั่งสอนโดยวิธีอื่น หรือด้วยการเผยแผ่โดยเอกสาร เทป วีดีโอ เป็นต้น
๕. เมื่อมีการกล่าวจ้วงจาบบิดเบือน ใส่ร้ายของผู้มุ่งทำลายพระพุทธศาสนา เป็นภารกิจหลักที่พุทธศาสนิกชนจะต้องแก้ไขคำกล่าวจ้วงจาบบิดเบือนพระพุทธศาสนาเหล่านั้น เพือธำรงรักษาพระพุทธศาสนาเอาไว้ทั้งส่วนศาสนบุคคล ศาสนธรรม และศาสนสถาน ตลอดถึงศาสนพิธีต่างๆ เพื่อพระพุทธศาสนาจะได้ทำงานอันเป็นประโยชน์เกื้อกูลและอำนวยความสุขให้แก่ชาวโลกต่อไปตลอดกาลนาน
การปฏิบัติทั้ง ๕ ประการ คือ
๑. ศึกษาคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
๒. ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
๓. สัมผัสผลที่เกิดขึ้นจาการปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
๔. ช่วยกันเผยแผ่ชี้แจงแสดงหลักธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้า
๕. ช่วยปกป้องรักษาพระพุทธศาสนาให้วัฒนาสถาพรสืบไป
การแก้ไขอันตรายที่เกิดขึ้นในพระพุทธศาสนาจากบุคคลทั้งภายในและภายนอกด้วยการปฏิบัติเช่นนี้ ถือว่า เป็นการรักษาพระพุทธปณิธานของพระผู้มีพระภาคเจ้าที่ทรงตั้งไว้และต่อพระอริยเจ้าทั้งหลาย บูรพาจารย์และบรรพชนทั้งหลาย ได้นำพาสืบต่อพระพุทธศาสนาจนถึงปัจจุบัน มาด้วยวิธีทั้ง ๕ ประการนี้ ซึ่งคนในยุคสมัยนี้จะต้องปฏิบัติเช่นเดียวกัน จึงจะสามารถช่วยให้พระพุทธศาสนาดำรงมั่นคงอยู่คู่โลกชั่วกาลนานได้ พุทธบริษัท 4 ประกอบไปด้วย ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ใหญ่ ๆ คือ ทางธรรม ประกอบด้วย ภิกษุ (ชาย) ภิกษุณี(ญ) ทางโลก ประกอบด้วย อุบาสก(ช) อุบาสิกา(ญ) บุคลากรเหล่านี้เป็นผู้ที่ดำรงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา
๑. ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจจริง ๆ
๒. นำไปประพฤติปฏิบัติ (ประโยชน์ตน)
๓. มีส่วนช่วยเผยแพร่เกื้อกูลให้บุคคลอื่นเข้าใจและนำไปประพฤติปฏิบัติ (ประโยชน์ท่าน)
๔. สามารถปกป้อง เมื่อมีผู้กล่าวให้คลาดเคลื่อน หรือกล่าวจ้วงจาบพระธรรมวินัย
โดยหน้าที่เหล่านี้มาจากพระสูตรที่ว่า ดังพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกับพระยามารว่า “ดูก่อนมารผู้มีบาป ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ผู้เป็นสาวก สาวิกา ของตถาคตยังไม่ฉลาด ไม่ได้รับแนะนำ ยังไม่แกล้วกล้า ไม่เป็นพหูสูต ไม่ทรงธรรม ไม่ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมไม่ปฏิบัติชอบ ไม่ประพฤติตามธรรม เรียนกับอาจารย์ของตน จักบอกจักแสดง จักบัญญัติ จักแต่งตั้ง จักเปิดเผย จักจำแนก จักทำให้ตื้น จักแสดงธรรมมี ปาฏิหาริย์ ข่มขี่ปรับปวาท ที่เกิดขึ้น ให้เรียบร้อยโดยสหธรรมไม่ได้ เพียงใด ดูก่อนมารผู้มีบาป ตถาคตจักยังไม่ปรินิพพาน เพียงนั้น” (มหาปรินิพพานสูตร)
จากพระดำรัสของพระพุทธเจ้าที่ปรากฏในมหาปรินิพพานสูตร พระพุทธเจ้าทรงมีปณิธานที่เรียกว่าพุทธปณิธานทั้งสิ้น 4 ประการ ได้แก่
ประการที่ 1 ตราบเท่าที่ภิกษุยังไม่เฉียบแหลม ไม่ได้รับการแนะนำ ไม่แกล้วกล้า ไม่เป็นพหูสูต ไม่ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม เป็นต้น พระองค์จะไม่ปรินิพพาน
ประการที่ 2 ตราบเท่าที่ภิกษุณียังไม่เฉียบแหลม ไม่ได้รับการแนะนำ ไม่แกล้วกล้า ไม่เป็นพหูสูต ไม่ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม เป็นต้น พระองค์จะไม่ปรินิพพาน
ประการที่ 3 ตราบเท่าที่อุบาสกยังไม่เฉียบแหลม ไม่ได้รับการแนะนำ ไม่แกล้วกล้า ไม่เป็นพหูสูต ไม่ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม เป็นต้น พระองค์จะไม่ปรินิพพาน
ประการที่ 4 ตราบเท่าที่อุบาสิกายังไม่เฉียบแหลม ไม่ได้รับการแนะนำ ไม่แกล้วกล้า ไม่เป็นพหูสูต ไม่ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม เป็นต้น พระองค์จะไม่ปรินิพพาน
- ภิกษุ ภิกษุรูปแรกในพระพุทธศาสนาคือ พระอัญญาโกณฑัญญะ
- ภิกษุณี ภิกษุณีรูปแรกในพระพุทธศาสนาคือ พระนางมหาปชาบดีโคตมี
- อุบาสก อุบาสกคู่แรกในพระพุทธศาสนาคือ ตปุสสะ และ ภัลลิกะ
- อุบาสิกา อุบาสิกาคนแรกในพระพุทธศาสนาตือ นางสุชาดา
ที่มาภาพ :
//mast.myreadyweb.com/article/topic-18682.html
//rerngnow.blogspot.com/2014/05/blog-post_12.html
//www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=7472
//buddhafacts.wordpress.com/2015/08/27/ใครคืออุบาสก-2-คนแรก-และ-2-ค/
//porntaywa99.lnwshop.com/article/131/พุทธบริษัท-4-ผู้ดำรงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา