เติมลมยางรถกระบะบรรทุก 4 ตัน

จะเดินทางไปไหน... ไม่ว่าใกล้หรือไกล ก็ต้องใส่ใจเช็กลมยางเสมอ แต่ปัญหาก็คือหลายคนไม่ค่อยรู้ และยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับการเติมลมยาง เอ๊!...แล้วแรงดันลมควรจะเติมเท่าไหร่กันนะ? ถึงจะเหมาะสมกับรถยนต์ของแต่ละคน วันนี้ Mr.FIT มีคำตอบมาฝากทุกคนครับ

- รถยนต์ขนาดเล็ก ควรเติมแรงลมที่ 25 - 30 ปอนด์

- รถยนต์ขนาดกลาง ควรเติมแรงลมที่ 30 - 35 ปอนด์

- รถกระบะ (ไม่บรรทุก) ควรเติมแรงลมที่ 35 - 40 ปอนด์

- รถตู้บรรทุก 7 - 10 คน ควรเติมแรงลมที่ 43 - 55 ปอนด์

ทั้งนี้การเติมลมควรขึ้นอยู่กับน้ำหนักที่บรรทุก และควรเป็นไปตามคู่มือการใช้รถแต่ละรุ่น หรือดูข้อมูลจากด้านข้างประตูรถด้านคนขับ แต่ถ้าเติมแข็งเกินไป ความยืดหยุ่นในการเกาะถนน การเข้าโค้ง และการเบรกก็น้อยลง หรือเติมอ่อนจนเกินไปก็ไม่ดีอีก เพราะจะสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าปกติ

รู้หรือไม่ว่านอกจากโช๊คอัพและช่วงล่างแล้ว ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่จะช่วยเสริมความนุ่มนวลและปลอดภัยให้กับรถกระบะหรือรถเก๋งของคุณ นั่นคือ ลมยาง รถยนต์

ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของรถเก๋ง รถเก๋ง 5 ที่นั่ง รถกระบะ Isuzu (อีซูซุ) กระบะ Vigo (วีโก้) หรือ Vigo Prerunner (วีโก้ พรีรันเนอร์) หรือ รถกระบะ 4 ประตูอื่น ๆ คุณก็ควรให้ความสำคัญกับระดับแรงดันยางของรถคุณ 

ระดับ ลมยาง มีผลต่อการขับขี่อย่างไร

หลายคนคงทราบดีว่ายางรถยนต์คือ ส่วนที่ทำหน้าที่รองน้ำหนักรถยนต์ทั้งคัน ช่วยลดแรงสั่นและแรงกระแทกที่เกิดขึ้นเมื่อหน้ายางสัมผัสกับพื้นถนน ทำหน้าที่ขับเคลื่อน หยุด และเปลี่ยนทิศทางรถยนต์ 

ซึ่งทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากไม่มีลมยางอยู่ด้านใน ลมยางที่อยู่ด้านในจะช่วยให้ยางทำหน้าที่เหล่านี้ของตัวเองได้
แต่จะดีขนาดไหน หรือแย่ขนาดไหนก็ขึ้นอยู่กับระดับแรงดันยางด้วยเช่นกัน

ลมยาง แข็งเกินไป

หลายคนชอบเติมยางรถยนต์ให้แน่ ๆ เต็มพิกัดที่ยางรับไหว ซึ่งส่งผลให้ยางมีความแข็งและแน่นมาก ๆ แต่การเติมลมยางจนมีแรงดันมากจนแข็งก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียดังนี้

ข้อดี

  • บรรทุกน้ำหนักได้มากขึ้น 
  • ออกตัวได้ดีกว่า รถพุ่งตัวได้ดีมากกว่า ไม่ช้า ไม่หนืด 

ข้อเสีย

  • ควบคุมรถได้ยากขึ้น รถจะเกาะถนนได้น้อยลงเพราะหน้ายางไม่มีความยืดหยุ่น 
  • ระยะเบรกไกลกว่าเดิม เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ต้องเผื่อระยะเบรกให้มากขึ้น 
  • ความนิ่มนวลของการขับขี่มีน้อยลง แรงสั่นสะเทือนจะส่งเข้าสู่ห้องโดยสารมากขึ้น 
  • ดอกยางด้านหน้าจึงสึกไวกว่าปกติ  เพราะหน้ายางจะสัมผัสพื้นถนนมากขึ้นและทำงานหนักมากขึ้น 

ลมยาง อ่อนเกินไป

หากคุณคิดว่าเติมลมแข็งไม่ค่อยตอบโจทย์เลยอยากลองเติมลมยางให้อยู่ในระดับต่ำ หรือที่เรียกกันว่าลมยางอ่อน ก็ไม่ได้มีแต่ด้านดีเท่านั้น เพราะเมื่อแรงดันยางต่ำ การขับขี่ก็จะเปลี่ยนไปเช่นกัน

ข้อดี

  • การขับขี่นุ่มนวลมาก เพราะยางที่มีลมอ่อนจะช่วยซับแรงกระแทกกระเทือนได้ดีกว่า
  • รถเกาะถนนมากขึ้น

ข้อเสีย

  • ยางมีโอกาสระเบิดได้มากกว่าเมื่อขับขี่บนถนนขรุขระ เพราะแก้มยางสั่นมากกว่าปกติจนเกิดความร้อนสะสมในยางสูงมากเกินกว่ายางจะรับไหว 
  • รถยนต์ต้องทำงานหนักมากขึ้นเนืองจากยางมีความหนืด ยางรับน้ำหนักรถมากขึ้น จึงต้องใช้น้ำมันในการเร่งเครื่องมากกว่าปกติ
  • ดอกยางสึกไม่เท่ากัน ดอกยางสึกไม่สม่ำเสมอ เพราะหน้ายางสัมผัสผิวถนนไม่เท่ากัน 

ข้อดีของการเติม ลมยาง พอดี

เพราะการเติมลมยางแข็งหรืออ่อนเกินไปจะส่งผลต่อการขับขี่เป็นอย่างมาก ดังนั้นคุณควรเติมลมยางให้พอดี เนื่องจากจะส่งผลให้การขับขี่เป็นไปได้ด้วยดี ดังนี้

  • ยางทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ 
  • ควบคุมรถได้ดีมากขึ้น เกาะถนน เข้าโค้งได้เฉียบคม 
  • ขับขี่ได้นุ่มนวล ไม่กระเด้ง ไม่โยน และไม่ยวบยาบจนเกินไป 
  • ประหยัดน้ำมัน 
  • ยืดอายุการใช้งานยางได้มากขึ้น  

รถแบบไหนต้องเติมลมยางเท่าไร

หลังจากเห็นข้อดีข้อเสียของรถที่ใช้ยางที่มีแรงดันลมยางแข็งและอ่อนเกินไปแล้ว เราก็ควรมาดูกันว่าแรงดันลมยางแบบไหนเหมาะกับรถของคุณ 

ก่อนอื่นคุณต้องรู้จักกับคำว่า PSI เสียก่อน ค่า PSI คือหน่วยวัดแรงดันลมยางที่ใช้กันเป็นมาตรฐานสากล หมายถึง ปอนด์ต่อราตารางนิ้ว หรือ Pound-force per square inch ย่อได้ว่า PSI  

  • รถกระบะ รถออฟโรด รถ 4×4 รถกระบะ 4 ประตู ควรเติมลมยางที่ 36-38 PSI สำหรับล้อหน้า และ 40-42 PSI สำหรับล้อหลัง 
  • รถเก๋ง โดยสารและบรรทุกปกติ ควรเติมลมยางที่ 30-32 PSI 
  • รถเก๋งและนั่งเต็มทั้ง 5 คนก็ควรเติมลมยางเพิ่มได้ถึงประมาณ 33-35 PSI
  • รถตู้บรรทุก มีผู้โดยสาร 7-10 คน ควรเติมลมยางที่ 43-55 PSI

วิธีตรวจสอบลมยาง

วิธีตรวจสอบลมยางรถยนต์เพื่อความปลอดภัยของการขับขี่นั่นทำได้ไม่ยาก ทำได้ด้วยตัวเอง
แต่สิ่งสำคัญก็คือความสม่ำเสมอในการตรวจเช็กลมยางมากกว่า

  1. หมุนจุกยางล้อออก 
  2. เสียบเกจ์วัดแรงดันยางเข้าไปในรูแล้วค้างทิ้งไว้สักครู่ 
  3. ตรวจสอบค่าแรงดันยางที่ปรากฏบนหน้าจอเกจ์วัด 
  4. เติมลมยางตามระดับแรงดันที่แนะนำ แล้วหมุนจุกยางล้อกลับคืน

ข้อควรระวังเมื่อตรวจสอบและเติมลมยาง

แต่ก่อนจะตรวจเช็กและเติมลมยางรถยนต์ คุณควรปฏิบัติตามข้อแนะนำเหล่านี้เสียก่อน เพื่อความแม่นยำของแรงดันลมยาง
และเพื่อความปลอดภัยของคุณเอง

  • ควรวัดและเติมลมยางตอนที่ยางยังเย็นอยู่ หรือเพิ่งวิ่งมาไม่เกิน 2 กิโลเมตร เพราะหากวิ่งนานกว่านั้นยางรถยนต์จะร้อนซึ่งส่งผลให้อากาศภายในขยายตัว แรงดันลมจะเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ การวัดแรงดันลมยางอาจผิดพลาดได้
  • ควรเติมลมยางให้มีแรงดันมากกว่าปกติ 2 ปอนด์ เพื่อชดเชยความดันที่จะลดลงเมื่อใช้รถ

บทสรุป

นอกจากควรเช็กระดับแรงดันลมยางเป็นประจำแล้ว คุณควรเช็กหน้ายาง ตรวจสอบดูว่าดอกยางยังมีเหลืออยู่มั้ย ผิวหน้ายางเรียบจนควรเปลี่ยนยางใหม่หรือไม่ และควรเปลี่ยนยางรถยนต์ทุก ๆ 2-5 ปี หรือใช้งานไปแล้ว 30,000-40,000 กิโลเมตร เพื่อให้ยางสามารถเกาะถนนได้ดี ควบคุมรถได้ง่าย

รถกระบะบรรทุกควรเติมลมยางเท่าไร

ส่วนรถกระบะอาจจะต้องเติมลมยางมากกว่ารถเก๋งทั่วไป หากไม่มีสิ่งของที่ต้องบรรทุก ควรมีแรงดันอยู่ที่ 36-38 PSI และล้อหลังอยู่ที่ 40-42 PSI แต่หากรถบรรทุกของหนักให้เพิ่มลมยางล้อหลังขึ้นเป็น 49-51 PSI เพื่อป้องกันยางระเบิด เมื่อขับรถเร็ว

รถกระบะ 4 ประตูควรเติมลมยางเท่าไร

รถกระบะ รถออฟโรด รถ 4×4 รถกระบะ 4 ประตู ควรเติมลมยางที่ 36-38 PSI สำหรับล้อหน้า และ 40-42 PSI สำหรับล้อหลัง รถเก๋ง โดยสารและบรรทุกปกติ ควรเติมลมยางที่ 30-32 PSI. รถเก๋งและนั่งเต็มทั้ง 5 คนก็ควรเติมลมยางเพิ่มได้ถึงประมาณ 33-35 PSI.

รถบรรทุกของอยู่เติมลมได้ไหม

หากรถกระบะมีการบรรทุกของหนัก ให้เพิ่มลมยางล้อหลังเพื่อรองรับการบรรทุกหนักอยู่ที่ 49-51 PSI ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่บรรทุกว่าหนักมากน้อยแค่ไหน สำหรับรถกระบะขนาดใหญ่ ที่มีเพื่อจุดประสงค์ในการบรรทุกโดยเฉพาะ ควรเติมที่ลมยาง 35-40 PSI และสามารถเติมได้มากกว่านี้ตามสิ่งที่บรรทุก แต่ไม่ควรเกิน 65 PSI ในแต่ละล้อ

รถหนักสามารถเติมลมได้ไหม

โดยทั่วไป รถเก๋ง (ขอบล้อขนาด 15 นิ้ว) จะเติมลมอยู่ที่ประมาณ 30-32 PSI (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) ส่วนรถกระบะ อยู่ที่ประมาณ 33-35 PSI ในกรณีที่บรรทุกของหนักจะเติมอยู่ที่ประมาณ 40 PSI ขึ้นอยู่กับการใช้งาน ที่สำคัญ คือ ไม่ควรเติมลมยางขณะที่ยางมีความร้อน

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาไทย โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน lmyour แปลภาษา แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip ไทยแปลอังกฤษ ประโยค แอพแปลภาษาอาหรับเป็นไทย ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 แปลภาษาอาหรับ-ไทย Terjemahan พจนานุกรมศัพท์ทหาร หยน แปลภาษา มาเลเซีย ไทย Bahasa Thailand ข้อสอบภาษาอังกฤษ พร้อมเฉลย pdf บบบย tor คือ จัดซื้อจัดจ้าง การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 4 ชขภใ ยศทหารบก เรียงลําดับ ห่อหมกฮวกไปฝากป้า หนังเต็มเรื่อง เขียน อาหรับ แปลไทย แปลภาษาอิสลามเป็นไทย Google map กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมออนไลน์ กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย ค้นหา ประวัติ นามสกุล อาจารย์ ตจต แจ้ง ประกาศ น้ำประปาไม่ไหล แปลบาลีเป็นไทย แปลภาษา ถ่ายรูป แปลภาษาจีน แปลภาษามลายู ยาวี โรงพยาบาลภมูพลอดุยเดช ที่อยู่ Google Drive Info TOR คือ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ช่างไฟฟ้า กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมฟรี 2566 กลยุทธ์ทางการตลาด มีอะไรบ้าง การบริหารทรัพยากรมนุษย์ มีอะไรบ้าง การประปาส่วนภูมิภาค การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 3 ขขขขบบบยข ่ส ข่าว น้ำประปา วันนี้ ข้อสอบโอเน็ต ม.6 มีกี่ตอน ตารางธาตุ ประปาไม่ไหล วันนี้