นโยบายคุกกี้
ในระหว่างการเข้าใช้งานเว็บไซต์ของศูนย์ศรีพัฒน์ฯ //sriphat.med.cmu.ac.th ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเข้าใช้งานเว็บไซต์ของท่านจะถูกเก็บเอาไว้ในรูปแบบของคุกกี้ นโยบายคุกกี้นี้จะอธิบายความหมายของคุกกี้ ทำงานอย่างไร เพื่ออะไร และรวมถึงวิธีการลบคุกกี้เพื่อความเป็นส่วนตัวของท่าน โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์ //sriphat.med.cmu.ac.th นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้ศูนย์ศรีพัฒน์ฯ ใช้คุกกี้ตามนโยบายคุกกี้ที่มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
คุกกี้คืออะไร
คุกกี้เป็นไฟล์เล็กๆเพื่อจัดเก็บข้อมูลโดยจะบันทึกลงไปในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ หรือเครื่องมือสื่อสารที่เข้าใช้งานของท่าน ผ่านทางเว็บเบราว์เซอร์ที่ท่านเลือกใช้ในขณะที่ท่านเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของศูนย์ศรีพัฒน์ฯ
การใช้ประโยชน์ของคุกกี้
เพื่อการเก็บเอกลักษณ์การเข้าเยี่ยมเว็บไซต์ของท่าน โดยเอกลักษณ์นี้จะทำให้ศูนย์ศรีพัฒน์ฯ สามารถจำลักษณะการใช้งานเว็บไซต์ของท่านได้ง่ายขึ้น และข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำไปเพื่อปรับเว็บไซต์ของศูนย์ศรีพัฒน์ฯ ให้เข้ากับความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ในบางจุดศูนย์ศรีพัฒน์ฯ จำเป็นต้องให้บุคคลที่สามในการดำเนินการดังกล่าว ซึ่งอาจจะต้องใช้ อินเตอร์เน็ตโปรโตคอลแอดเดรส (IP Address) และคุกกี้เพื่อวิเคราะห์ ตลอดจนเชื่อมโยงข้อมูล และประมวลผลตามวัตถุประสงค์ทางการตลาด
ความหลากหลายและการทำงานของคุกกี้
ศูนย์ศรีพัฒน์ฯ ใช้คุกกี้ 4 ประเภทในเว็บไซต์ของศูนย์ศรีพัฒน์ฯ ซึ่งการใช้คุกกี้ดังกล่าวไม่สามารถบอกความเป็นตัวตนของท่านได้
• คุกกี้ประเภทจำเป็นถาวร คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งในเว็บไซต์ ซึ่งจะทำให้ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลและใช้งานในเว็บไซต์ของศูนย์ศรีพัฒน์ฯ ได้ทุกส่วน คุกกี้ประเภทนี้จะถูกจัดเก็บและลบออกหลังจากการท่องเว็บไซต์ของท่าน
• คุกกี้ประเภทการวิเคราะห์ และวัดผลการทำงาน คุกกี้ประเภทนี้จะช่วยให้ศูนย์ศรีพัฒน์ฯ สามารถวัดผลการทำงาน โดยประมวลจำนวนหน้าที่ท่านเข้าเยี่ยมชม ตลอดจนจำนวนลักษณะเฉพาะของกลุ่มผู้เยี่ยมชมนั้นๆ โดยข้อมูลดังกล่าวจะนำมาใช้ในการวิเคราะห์รูปแบบพฤติกรรมของผู้เยี่ยมชม และศูนย์ศรีพัฒน์ฯ จะนำผลลัพธ์ดังกล่าวไปใช้ในการปรับปรุงเว็บไซต์ให้ตอบสนองความต้องการ และการใช้งานของผู้เยี่ยมชมยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามข้อมูลที่ได้และใช้ประมวลผลนั้นไม่มีการระบุชื่อ หรือบ่งบอกความเป็นตัวตนของท่านได้ อีกทั้งไม่มีการเก็บข้อมูลจำเพาะบุคคลเช่น ชื่อ อีเมล เป็นต้น และใช้เป็นข้อมูลทางสถิติเท่านั้น
• คุกกี้เพื่อการโฆษณา คุกกี้ประเภทนี้จะจดจำการเข้าหน้าเว็บไซต์ จุดเยี่ยมชมและสนใจของท่าน ข้อมูลที่ได้นี้จะนำไปประกอบการปรับเปลี่ยนหน้าเว็บไซต์ และนโยบายทางการตลาดที่เหมาะสมกับความต้องการของท่าน
ท่านจะลบคุกกี้ได้อย่างไร
ท่านสามารถลบคุกกี้ได้โดยศึกษาวิธีการต่างๆที่ระบุตามแต่ละเว็บเบราว์เซอร์ที่ท่านเลือกใช้ตามลิงก์ดังนี้
• Chrome
• Firefox
• Internet Explorer
• Safari
• Safari for ios
• Chrome for android
• Chrome for ios
การเปลี่ยนแปลงของนโยบายของศูนย์ศรีพัฒน์ฯ
นโยบายคุกกี้นี้จะมีการปรับปรุงแก้ไขตามโอกาสเพื่อปฎิบัติตามกฎระเบียบ ศูนย์ศรีพัฒน์ฯ ขอแนะนำให้ท่านตรวจเช็คเพื่อให้แน่ใจว่าท่านได้เข้าใจการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดดังกล่าว
มีมูกเลือดออกมา ไม่ปวดท้อง ไปรพ.เลยไหมคะ
เขียนข้อความตอบกลับ
ไปเลยจ้า บ้านนี้มูกเลือดออกแบบนี้เลยแต่เยอะกว่านี้มาก ไปหาหมอ มดลูกเปิด3เซน ไม่มีอาการปวดท้องอะไรเลยหมอให้นอนรพ.เช้า6โมงเร่งคลอดจ้า
VIP Member
เรามีมูกเลือดตอน6โมงเช้า ตอนบ่าย2 ช่องคลอดเปิด 4เซน ปวดเตือน ชม.ล่ะ 10ครั้ง แต่ปวดไม่มาก คลอดตอน1ทุ่ม ไปโรงบาลเลยจร้่า
ไปเลยค่า ของเราไหลเป็นเลือดเหมือนประจำเดือนเลย ไม่เป็นเมือก พอเราไปรพ. ตรวจปากมดลูก เปิด2เซน หลังจากนั้น 3ชม. คลอดเลยค่ะ
บ้านนี้ก็ไหล4วันแล้วจ้าเกินกำหนดคลอดมาแล้วไม่เจ็บท้องเหมือนกัน หมอให้กลับมาบ้านจ้า เพราะมดลูกไม่เปิด
มื้อคืนมีเลือดออกทางช่องคลอดแต่ไม่ปวดท้องแต่เช้ามาเลือดหยุดปกติไหมค่ะ
จะคลอดแล้วค่ะตอนท้องคนแรกเราเป็นค่ะจากนั้นอีกวัน-2วันคลอดค่ะ
ไปเลยค่ะ นี้ก็คลอด38w+2 มีมูกเลือดตอน38wพอดีเบยค่ะอีก2วันคลอดเลย
ควรไปเลยจ้า ไม่ต้องรอแล้วจ้า น้องเตรียมพร้อมออกแล้วจ้า
ไปเลยค่ะ รีบหาหมอ เป็นแบบนี้เหมือนกันค่ะ แต่เปนไม่เยอะ
ไปเลยค่ะ ถ้ายังไม่ไปอาดจะเป็นแบบนู๋ได้นะ
30 ตอบกลับ
6 สัญญาณเตือน การใกล้คลอดที่คุณแม่ควรรู้
พอยิ่งเข้าสู่ช่วงอายุครรภ์ที่มากขึ้น (ปกติจะอยู่ช่วงประมาณ 3-4 สัปดาห์สุดท้ายก่อนถึงกำหนดคลอด) คุณแม่ส่วนใหญ่มักจะมีความกังวลในเรื่องการคลอด โดยเฉพาะคุณแม่มือใหม่มักจะมีความกังวลเป็นพิเศษ ดังนั้นคุณแม่ต้องคอยสังเกตอาการผิดปกติที่เกิดกับร่างกายให้ดี เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงที่ร่างกายและทารกเตรียมพร้อมในการคลอดหากมีอาการผิดปกติให้รีบไปโรงพยาบาลทันที ซึ่งอาการส่วนใหญ่ที่บ่งบอกว่าใกล้คลอดแล้วจะเป็นอาการปวดท้อง ทั้งนี้ต้องสังเกตให้ดีว่าเป็นอาการเจ็บท้องเตือนหรือเจ็บท้องจริง เราขอรวบรวมอาการใกล้คลอดที่เป็น 6 สัญญาณเตือนให้ไปโรงพยาบาลอย่างทันที เพราะหลายคนก็มีอาการใกล้คลอดแตกต่างกันออกไป โดยคุณแม่อาจลองสังเกตได้จากสัญญาณเตือนสำคัญเหล่านี้
1. อาการท้องลด เกิดจากทารกในครรภ์เริ่มเคลื่อนศีรษะลงมาอยู่บริเวณอุ้งเชิงกราน ซึ่งจะทำให้คุณแม่รู้สึกโล่ง ไม่อึดอัด ท้องมีขนาดเล็กลง และ หายใจสะดวกขึ้น ซึ่งอาการนี้จะเรียกว่า “อาการท้องลด” อาการนี้อาจเกิดขึ้นไม่กี่สัปดาห์ก่อนคลอด หรือ ไม่กี่ชั่วโมงก่อนคลอด ทั้งนี้ในคุณแม่บางคนก็อาจไม่มีอาการท้องลดเตือนเมื่อใกล้ถึงเวลาคลอด
2. มีเมือกไหลออกมาทางช่องคลอด ในช่วงการตั้งครรภ์ บริเวณปากมดลูกจะมีเมือกที่เรียกว่า mucus plug เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าไปในมดลูกในระหว่างตั้งครรภ์ เมื่อเริ่มใกล้เวลาเข้าสู่การคลอด ปากมดลูกจะเริ่มเปิดและบาง
เมือกนี้ก็จะหลุดออกมา และบางครั้งอาจมีเลือดผสมออกมาด้วย ซึ่งเป็นสัญญาณของอาการใกล้คลอดนั่นเอง
3. การเจ็บท้องจริง คุณแม่จะรู้สึกเจ็บเป็นระยะอย่างต่อเนื่องและเริ่มถี่ขึ้น อาการเจ็บท้องจริงก่อนการคลอดนี้จะคล้ายกับตอนที่เจ็บท้องมีประจำเดือน แต่จะเริ่มปวดถี่แรงขึ้นเป็นจังหวะ หากคุณแม่เกิดอาการแบบนี้ ควรรีบไปโรงพยาบาลได้เลย เพราะเป็นสัญญาณสำคัญของการคลอดแล้ว
4. ท้องเสีย อาการท้องเสีย ก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณของการใกล้คลอด และเมื่อใกล้คลอด
ร่างกายจะปล่อยสารโพรสตาแกลนดิน ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้มดลูกหดตัว และหากมีอาการท้องเสีย จะทำให้ร่างกายของคุณแม่ที่ตั้งครรภ์เกิดภาวะขาดน้ำ หากมีการท้องเสียมาก ร่างกายจะขาดน้ำอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการบีบตัวของมดลูกอันนำไปสู่การคลอดได้
5. ปวดหลัง อาการปวดหลังเป็นอาการทั่วไปที่มักเกิดกับแม่ท้อง แต่หากเริ่มมีอาการปวดหลังรุนแรงมากขึ้น ซึ่งในบางครั้ง อาจมาจากการที่ศีรษะของเด็กในครรภ์ ไปสัมผัสกับกระดูกสันหลังของแม่ท้องจึงทำให้มีอาการปวดหลังรุนแรง ซึ่งอาจเป็นอีกสัญญาณของการใกล้คลอดได้เช่นกัน
6. ถุงน้ำคร่ำแตก อาการถุงน้ำคร่ำแตก หรือที่เรียกกันว่า น้ำเดิน แสดงถึงการที่มดลูกเริ่มบีบตัวหดเล็กลงเพื่อบีบให้ศีรษะของเด็กเคลื่อนลงสู่อุ้งเชิงกราน น้ำที่ออกมาจะเป็นลักษณะใสๆ คล้ายน้ำปัสสาวะ อาการน้ำเดินมีโอกาสมากถึง 80 % ที่จะคลอดภายใน 12 ชั่วโมง หากคุณแม่ท้องมีอาการเช่นนี้ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
ทั้งนี้หากมีสัญญาณเพิ่มเติมในช่วงไตรมาสสุดท้ายคุณแม่ควรรีบเก็บกระเป๋าไปโรงพยาบาลทันที ซึ่งอาการเหล่านี้
ได้แก่
- มีเลือดออกทางช่องคลอด
- เมื่อลูกไม่ดิ้น หรือดิ้นน้อยลงกว่าปกติ
- น้ำคร่ำเป็นสีน้ำตาล เขียว เหลือง หรือสีอื่น ๆ นอกเหนือจากสีใสหรือสีชมพู
- อาเจียนไม่หยุด
และเมื่อมีอาการเจ็บท้องคลอดหรือมีอาการใกล้คลอด คุณแม่ควรทำใจให้สบายเพื่อที่จะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ซึ่งจะทำให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่นและรับมือกับความเจ็บปวดได้ดีขึ้น และเมื่อคุณแม่รู้สึกผ่อนคลาย ลูกน้อยก็จะรู้สึกผ่อนคลายตามไปด้วย