Pacific rim แปซ ฟ กร ม สงครามอส รเหล ก 2023

หลังจากที่มวลมนุษยชาติรอดพ้นจากการถูกเหล่ามอนสเตอร์หรือไคจูบุกโลก ใน Pacific Rim ภาคแรก โลกก็ดูเหมือนจะไม่สงบสุขอย่างที่คิด เพราะมนุษย์ก็ยังอยู่อย่างหวาดกลัว ว่าเหตุร้ายจะเกิดซ้ำสอง เจค เพนเทคอตส์ (John Boyega) ลูกชายของวีรบุรุษสงครามอย่าง สแต็คเคอร์ เพนเทคอตส์ เขาใช้ชีวิตต่างจากผู้เป็นพ่อของเขาอย่างสิ้นเชิง เป็นหัวขโมย ไม่สนใจโลก ทั้งที่อดีตเค้าก็เคยเป็นนักขับเยเกอร์ฝีมือดี แต่โชคชะตาก็ขีดให้เขากลับไปข้องเกี่ยวกับเยเกอร์อีกครั้ง พร้อมกับต้องรับมือกับภัยร้ายใหม่ที่กำลังคืบคลานเข้ามาสู่โลก อีกครั้ง !?

ความรู้สึกแรกหลังดูจบ..

อาจจะเพราะว่าได้ไปอ่านกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่มีต่อหนังเรื่องนี้ก่อนเข้าไปชมก็ได้ ทำให้ผมกดความคาดหวังที่มีต่อภาคต่อเรื่องนี้ไว้ต่ำมาก ซึ่งเดิมทีมันก็ค่อนข้างที่จะไม่สูงมากอยู่แล้ว เนื่องจากตัวอย่างหลายต่อหลายตัวของหนังที่ปล่อยออกมาก็ไม่ได้สร้างความ hype ให้กับตัวผมเท่าไหร่ เกริ่นมาเสียนาน หนังค่อนข้างทำได้ดีกว่าที่คาดไว้ อย่างน้อยก็ไม่ได้น่าเบื่ออะไร เป็นหนังป๊อปคอร์นดีๆ เรื่องนึง ดูได้เพลินๆ แต่ก็ไม่มีซีนใดซีนนึงที่พีคมากนัก

สิ่งที่น่าชื่นชม

เหตุผลในการแถสร้างภาคต่อค่อนข้างทำได้น่าพอใจ คือมันไม่ดูเด๋อหรือจงใจแถมากนัก เพราะตัวหนังภาคแรกมันค่อนข้างจบบริบูรณ์ไปประมาณนึง และการที่เดลโทโร่ไม่ได้มาทำต่อจึงทำให้เรื่องราวอาจไม่ปะติดปะต่อ แต่ Uprising ก็กลับทำส่วนนี้ได้ดี

สิ่งที่รู้สึกไม่ชอบ

ต้องยอมรับว่า การที่หนังภาคแรกถูกอกถูกใจแฟนหนังแผ่นดินใหญ่ มีผลให้ภาคนี้ออกมาไม่ดีอย่างภาคแรก เพราะภาคนี้ดูจะเอาใจจีนมากจนเกินไป จนหลายต่อหลายจุดในเรื่องดูประดักประเดิด ดูเด๋อไปนิด ซึ่งตรงนี้เองก็ทำให้ความเป็น Pacific Rim ที่เดลโทโร่สร้างขึ้นจากความรักความหลงไหลในวัฒนธรรมโทคุเซ็ทสึของญี่ปุ่น ซึ่งภาคนี้ไม่มีตรงนี้อยู่เลย แถมยังกลายพันธุ์เป็น Transformers: Age of Extinction อย่างเต็มตัว

แถมดนตรีประกอบอันเป็นที่น่าจดจำ ภาคนี้ยังถูกหยิบมาใช้แบบไม่มีศิลปะและไม่ขลังอย่างที่มันควรจะเป็น รวมไปถึงไคจู ที่เป็นสเน่ห์อีกอย่างของหนังก็ถูกจัดวางอย่างไม่ใส่ใจ ทั้งหมดนี้ลดทอนคุณค่าให้ภาคที่ 2 ของ Pacific Rim นี้กลายเป็นหนังตลาดดาดๆ เรื่องนึงไป

สรุป

แม้ว่าตัวหนังจะโยนความเป็น Pacific Rim ทิ้งไปจนหมดสิ้น จนหนังขาดสเน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ไป แต่ตัวหนังก็พอจะดูได้เรื่อยๆ ดูเพลินๆ ได้อยู่ ฉากต่อสู้ฉากอะไรยังพอมีให้สนุกได้อยู่บ้าง ไม่ได้ถึงกับแย่จนดูไม่ได้อะไรนัก ใครที่ดูภาคแรกมาแล้วชอบมากอาจจะต้องเผื่อใจไว้นิดนึง ว่าคุณภาพอาจจะต่างไปจากภาคแรกโดยสิ้นเชิง

ภาพยนตร์ที่มีหุ่นยนต์ยักษ์ต่อสู้กับอสูรกายยักษ์ ต้องการขนาดงานสร้างที่มีความยิ่งใหญ่มากเป็นพิเศษ แต่ก้าวแรกของทีมงานก็คือการประเมินก่อนว่า "Pacific Rim Uprising - แปซิฟิค ริม ปฏิวัติพลิกโลก" จะมีภาพที่แตกต่างไปจากภาพยนตร์ภาคแรกอย่างไร?

ผู้กำกับ สตีเว่น เอส เดอไนท์ และทีมผู้อำนวยการสร้าง เห็นพ้องต้องกันว่างานเอฟเฟ็กต์ใน Pacific Rim มีความน่าตื่นตาแล้ว แต่พวกเขาต้องการจะนำภาพยนตร์ภาคที่ 2 ให้เดินไปในทิศทางที่แตกต่างอย่างกล้าหาญ สเตฟาน เดอแชนต์ได้เข้ามารับหน้าที่โปรดักชั่น ดีไซเนอร์ โดยเขากับเดอไนท์ และผู้กำกับภาพ แดน มินเดล ได้ช่วยกันวางแผนสร้างโลกทางภาพขึ้นมาทั้งหมด

เดอแชนต์เล่าว่า "ในการพูดคุยครั้งแรกๆ ของผมกับสตีเว่น เขาแสดงให้เห็นว่าเขาอยากให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความโดดเด่นด้วยตัวมันเอง ถึงแม้ว่าจะมีรากฐานมาจากภาพยนตร์ภาคแรกของ กิเยร์โม เดล โตโร แต่มันก็ต้องมีภาพที่เป็นแบบฉบับของตัวเอง และมีโทนของตนเอง"

เดอไนท์ยังอธิบายถึงความแตกต่างหลักที่เขาคิดเอาไว้ว่า "ในภาพยนตร์ภาคแรก การโจมตีส่วนใหญ่เกิดขึ้นในตอนกลางคืนท่ามกลางฝนตก และมันสร้างบรรยากาศแบบนั้น แต่สำหรับ Pacific Rim Uprising เราอยากให้การต่อสู้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในตอนกลางวัน คุณจะได้ความรู้สึกที่แตกต่าง คุณมองเห็นทั้งเมือง และคุณก็มองเห็นสัตว์ประหลาดไคจูชัดเจน ทำให้มันมีความยากขึ้นเพราะเราไม่สามารถปิดซ่อนอะไรเอาไว้ได้ท่ามกลางแสงอาทิตย์ แต่ขณะเดียวกัน เราก็รู้สึกตื่นเต้นมากกับความเป็นไปได้ที่เกิดขึ้น"

ภาพยนตร์เรื่องนี้และงานออกแบบต้องสะท้อนโลกในอีก 10 ปีหลังจากภาพยนตร์ภาคแรก "ในภาพยนตร์ภาคแรก มวลมนุษย์กำลังเสียเปรียบคู่ต่อสู้" เดอแชนต์บอก "ในภาพยนตร์เรื่องนี้ มันเป็นสถานการณ์หลังสงคราม มีเงิน พีพีดีซีได้รวบรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน และพัฒนาเทคโนโลยี และเราก็อยากจะสำรวจว่าโลกจะหน้าตาเป็นอย่างไร เราอยากมีสภาพแวดล้อมในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน โทนก็แตกต่างกัน เรายังอยากจะเปิดฉากแช็ทเตอร์โดม และปล่อยให้แสงเข้ามา เราอยากเปลี่ยนโทนสี เพื่อเปิดให้เห็นความยิ่งใหญ่ของฉากต่อสู้กลางแจ้ง"

ยิ่งใหญ่กว่าเดิม อัพเกรดกว่าเดิม พลังแรงกว่าเดิม กับ "Pacific Rim Uprising - แปซิฟิค ริม ปฏิวัติพลิกโลก" 22 มีนาคมนี้ในโรงภาพยนตร์

Pacific Rim (2013) หรือ แปซิฟิค ริม สงครามอสูรเหล็ก ถือเป็นปรากฏการณ์ทางภาพยนตร์ครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อทศวรรษก่อน โดยภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานของ กิเยร์โม เดล โตโร่ กับภารกิจที่มนุษยชาติจะต้องร่วมมือกันเพื่อต่อสู้กับสัตว์ประหลาดจากใต้ท้องทะเล

ในขณะที่ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวได้ตัวนักแสดงคนดังอย่าง ไอดริส เอลบา มารับบทเป็น จอมพล สแต็กเคอร์ เพนเทคอสต์ ผู้เป็นหัวหน้าโครงการหุ่นเหล็กที่เรียกว่า เยเกอร์ แต่แท้จริงแล้วตัวเลือกแรกในบทบาทนี้กลับเป็นนักแสดงอมตะอย่าง ทอม ครูซ โดยข้อมูลดังกล่าวเพิ่งจะถูกเปิดเผยออกมาโดย กิเยร์โม เดล โตโร่ ในระหว่างช่วงของการตอบคำถามระหว่างการฉายรอบพิเศษเนื่องในโอกาสครบรอบสิบปีของ แปซิฟิค ริม สงครามอสูรเหล็ก

“โอ้ ใช่ มันมี แปซิฟิค ริม อยู่สองแบบ มีบทหนังอยู่สองแบบ คือแบบหนึ่งแบบ ทีมแกร่งสู้ไม่ถอย ของ จีน แฮกแมน และแบบที่สองแบบ ท็อปกัน ฟ้าเหนือฟ้า ดังนั้นบทบาทที่ ไอดริส เอลบา ได้เล่น มันควรจะตกเป็นของ ทอม ครูซ และในตอนนั้นผมก็แทบจะฉลองแล้ว แต่ว่าข้อตกลงมันกลับเป็นไปไม่ได้"

"เขาอยากที่จะเล่นนะ แล้วเราก็พัฒนาอะไรต่าง ๆ อยู่ด้วย และเขาก็ไม่สามารถทำมันได้ ผมก็เลยคิดว่า ‘รู้มั้ย? งั้นเอาเป็น ไอดริส เอลบา แทนแล้วกัน เขาคือเพราะเจ้าเลย’ แน่นอนว่าผมต้องเขียนบทใหม่เพื่อมัน แต่ผมก็คิดว่ามันจะเป็นอะไรที่น่าสนใจที่จะได้ทำมัน มันคงจะเป็นอะไรที่สนุกมากเลยทีเดียว”

โดยในตอนที่ แปซิฟิค ริม สงครามอสูรเหล็ก กำลังอยู่ในช่วงของการพัฒนานั้น ครูซ ก็กำลังเตรียมตัวรับบทในภาพยนตร์ Oblivion (2013) หรือ อุบัติการณ์โลกลืม ของผู้กำกับ โจเซฟ โคซินสกี้ รวมไปถึงภาพยนตร์ Edge of Tomorrow (2014) หรือ ซูเปอร์นักรบดับทัพอสูร ของผู้กำกับ ดั๊ก ลีแมน

เดล โตโร่ ยังพูดถึงโอกาสอีกลายครั้งที่เขาเกือบจะได้มีโอกาสร่วมงานกับ ครูซ ซึ่งทุกครั้งมันก็ไม่ได้เป็นจริงขึ้นมาแต่อย่างใด

“ผมได้พัฒนาหนังถึงสามเรื่องกับ ครูซ และไม่มีเรื่องไหนเลยในสามครั้งนี้ที่ได้ไปต่อ แต่เราก็สนุกกันมาก แล้วคุณรู้ไหม? ผมชอบมัน ชีวิตผมมันเป็นอะไรที่แปลก ผมเหมือนกับเป็น ฟอร์เรสท์ กัมพ์ ที่อยู่ ๆ ผมก็อยู่ในสถานที่ที่ผมไม่รู้ว่ามาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง แต่ผมก็คิดว่า ‘เฮ้ ผมชอบมันนะ’”

“เอาจริง ๆ แล้ว ผมก็รู้สึกยินดีมาก เหมือนคำกล่าวที่มีในหนังและมันเป็นคำกล่าวที่ดีมาก ๆ ที่บอกว่า ‘ออกไปสำรวจ อย่างเพิ่งทำหนัง’ เพราะว่าในคุณที่กำลังออกสำรวจ คุณก็เหมือนกับอยู่ในรถบัสที่ออกไปเที่ยวกับใครอีกหลายคน ได้ออกไปกินอาหารในหลายสถานที่และมีช่วงเวลาที่ดี"

"เป็นส่วนที่ผมชื่นชอบในการทำหนัง เหมือนตอนที่ผมกำลังวางแผนสร้าง The Devil's Backbone ผมได้ออกไปท่องเที่ยวทั่วสเปน ที่ซึ่งไส้กรอกยอดเยี่ยมที่สุด หน่อไม้ฝรั่งก็เยี่ยมที่สุด ส่วนในตอนที่เราอยู่ในสก็อตแลนด์เพื่อตามหาสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่องต่อไป ผมก็ปักหมุดที่ที่มีมะกะโรนีและพายชีสอร่อย ๆ เอาไว้ด้วย”

ภาพยนตร์ของผู้กำกับชาวสเปน ทำรายได้ในบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลกไปกว่า $411 ล้านเหรียญ จนทำให้มีความคิดจากสตูดิโอที่จะสร้างให้มันเป็นแฟรนไชส์ขึ้นมา อย่างไรก็ตาม เดล โตโร่ ก็ไม่ได้กลับมากำกับภาพยนตร์ภาคต่ออย่าง Pacific Rim Uprising (2018) หรือ แปซิฟิค ริม ปฏิวัติพลิกโลก

สำหรับแฟนหนังเมเจอร์ ห้ามพลาดกับบัตรดูหนังสุดคุ้ม M PASS ที่จะทำให้คุณคุ้มเต็มอิ่มกับการดูหนังตลอดทั้งปี เตรียมไปมันส์กับกองทัพหนังดังมากมาย สมัครง่าย ๆ เพียงแค่คลิก ที่นี่

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาไทย โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน lmyour แปลภาษา แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip ไทยแปลอังกฤษ ประโยค แอพแปลภาษาอาหรับเป็นไทย ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 แปลภาษาอาหรับ-ไทย Terjemahan พจนานุกรมศัพท์ทหาร หยน แปลภาษา มาเลเซีย ไทย Bahasa Thailand ข้อสอบภาษาอังกฤษ พร้อมเฉลย pdf บบบย tor คือ จัดซื้อจัดจ้าง การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 4 ชขภใ ยศทหารบก เรียงลําดับ ห่อหมกฮวกไปฝากป้า หนังเต็มเรื่อง เขียน อาหรับ แปลไทย แปลภาษาอิสลามเป็นไทย Google map กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมออนไลน์ กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย ค้นหา ประวัติ นามสกุล อาจารย์ ตจต แจ้ง ประกาศ น้ำประปาไม่ไหล แปลบาลีเป็นไทย แปลภาษา ถ่ายรูป แปลภาษาจีน แปลภาษามลายู ยาวี โรงพยาบาลภมูพลอดุยเดช ที่อยู่ Google Drive Info TOR คือ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ช่างไฟฟ้า กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมฟรี 2566 กลยุทธ์ทางการตลาด มีอะไรบ้าง การบริหารทรัพยากรมนุษย์ มีอะไรบ้าง การประปาส่วนภูมิภาค การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 3 ขขขขบบบยข ่ส ข่าว น้ำประปา วันนี้ ข้อสอบโอเน็ต ม.6 มีกี่ตอน ตารางธาตุ ประปาไม่ไหล วันนี้