Nyx สาขาน ม ของเหล อเยอะมากกก cold brew 05

ฟังไม่ผิดหรอกค่ะ…. เฟย์เองพอรู้ข่าวร้านนี้ตอนแรกก็แบบ เห้ยยย เอาจริง เป็นไปได้? แค่เต้าหู้จะมาทำเป็นโอมากาเสะได้ยังไง? แถมออกมาแบบหรูเลยนะ ในราคาที่ไม่เบา.. แต่สายกินอย่างเราจะพลาดได้ไง! ไปค่ะต้องลอง งานนี้เจ้จัดให้จองเองไปกินเองเพื่อทุกคนเพื่อจะได้มีข้อมูลก่อนมากัน

ร้านที่เราจะไปกันในครั้งนี้คือร้าน Mihara Tofuten Bangkok ซึ่งความน่าสนใจของร้านไม่ใช่แค่ว่าทำอย่างไรถึงสามารถนำเต้าหู้มาจัดเป็นโอมากาเสะได้ถึง 12 คอร์ส 16 เมนู แต่เจ้าของเองก็เป็นถึงเชฟชื่อดังที่ได้รางวัลมามากมายทั้งมิชลินสตาร์ 2 ดาว และ อันดับหนึ่ง 4 ปีซ้อนของ Asia’s 50 best Restaurants ซึ่งก็คือเชฟกากั้น อนันต์ (Gaggan Anand) เจ้าของร้าน Gaggan และร้านอาหารอื่นๆ อีกมากมาย แถมยังร่วมด้วยหุ้นส่วนสายกินทั้งนั้นอย่างพี่แทน บล็อกเกอร์อาหารชื่อดังและ คุณบิ๊ก เจ้าของร้านคั่วกลิ้งผักสด เชฟทาเคชิ เจ้าของร้านอาหาร La Maison de la Nature Goh (การันตีด้วยตำแหน่งที่ 47 ของรางวัล Asia’s 50 Best 2018 และขาดไม่ได้เลยคือเจ้าของแบรนด์เต้าหู้ชื่อดังจากญี่ปุ่นอย่างตระกูลมิฮาระ เมืองฟุกุโอกะนั่นเอง คือเรียกว่าขนคนจากวงการอาหารมาเลยงานนี้ อ่ะ

…. เอาล่ะไม่รอช้าไปดูกันว่าโอมากาเสะเต้าหู้เป็นจะเป็นไงกันบ้าง

Tofu Milk :เริ่มกันที่เมนูเบาๆ นั่นก็คือน้ำเต้าหู้นั่นเอง แต่ไม่ธรรมดาน้ำเต้าหู้อะไรคือกินแล้วรู้สึกว่ามันแตกต่าง? นี่งงมาก อร่อย ฮ่าา มีความเข้มข้น และที่เพิ่มให้ดูมีมิติมากขึ้นก็คือ เจลลี่ยูซุ วิธีกินก็ให้ดื่มน้ำเต้าหู้ก่อนครึ่งนึง แล้วมากินเจลลี่ แล้วตบท้ายด้วยน้ำเต้าหู้อีกครั้ง

Tofu 3 ways : คอร์สต่อมามาเป็นเบนโตะเลยจ้าาโดยไล่รับประทานจากซ้ายไปขวานะ เริ่มที่ Yuba หรือฟองเต้าหู้มาในรูปแบบของมากิ ข้างในเป็นอะโวคาโดกับปลาไหล ต่อมาตรงกลางคือเต้าหู้สด Yuki Tufu ที่ละมุนนนนสุด จะกินเปล่าๆ ก็ได้ แต่เอาให้ได้รสชาติมากขึ้นก็แตะเกลือ Okinawa snow salt เบาๆ แล้วราดตามด้วยโอลีฟออย ปิดท้ายด้วย Goma Tofu เจ้าตัวนี้จะเป็นเหมือนโมจิ มีความหนึบๆแต่นุ่มเป็นหลัก

Yuki Tofu soup : คราวนี้เจ้า Yuki Tofu จะมาในรูปแบบของซุปกันบ้าง ส่วนตัวให้คอร์สนี้เป็นเมนูที่ชอบติด 1 ใน Top 3 ของเฟย์สำหรับมื้อนี้เลย เต้าหู้นุ่มๆ เสิร์ฟมาในซุปปูฮอกไกโด แต่เพื่อไม่ให้ดูเบาไปก็เลยมีเครื่องเคียงมาเพิ่มเป็น Edamame Fish ball เป็นเมนูที่รับรองว่าต้องกินกันหมดจานเลยล่ะ

Free Style Gaspascho : กัซปาโช่มะเขือเทศตัวนี้พร้อมด้วยกุ้งหวาน เป็นเมนูที่เสิร์ฟเย็น แล้วเต้าหู้อยู่ตรงไหน? ตัวนี้ข้างในมี Tofu Miso ซ่อนตัวอยู่ค่ะ

Tofu Emulsion : คอร์สนี้เป็นอีกหนึ่งอันที่เซอร์ไพรส์เหมือนกัน อธิบายไม่ถูกแต่อร่อย เนื้อสัมผัสมันจะคล้ายๆ กับพุดดิ้ง ด้านล่างเป็นปลา ซึ่งเนื้อเต้าหู้มันนุ่มลื่นมากกกกก มีขนมปังให้ดิปกินเพิ่มได้ด้วย

Tofu Milk Boiled rice : เอ่าๆ ข้าวต้มชามจิ๋วนี่คือฟินขึ้นมาเลย ข้าวต้มจากน้ำเต้าหู้ตัวนี้ ไม่เลี่ยนเลย ข้างในก็มีเครื่องที่นอกจากไข่กุ้งก็คือมีปลาด้วยล่ะ แล้วอันนี้แนะนำเลยว่าให้ขนวาซาบิไปด้วย คือเค้าคิดมาให้แล้ว มันไม่ได้เผ็ดเลยค่ะ แค่ทำให้รสชาติดูมีมิติขึ้น กลมกล่อมแบบดูมีอะไร ฮ่าาา

Deep dried Zaru Tofu : ซิสสสส นัมเบอร์วัน อิน มาย ลิสท์ เลยค่ะ~~ อันนี้คือชอบที่สุดในคอร์สเลย Zaru Tofu จานนี้ไม่ใช่แค่เต้าหู้ทอดธรรมดา เชฟเค้าต้องทอดล่วงหน้าเป็นวัน แล้วนำไป ใส่ตะกร้าไม้ไผ่เพื่อให้น้ำในเต้าหู้ค่อยๆ ซึมออกมา ทำให้เต้าหู้มีเนื้อที่ฟูขึ้น ส่วนตัวคิดว่ามันให้อารมณ์แบบ กรอบนอกนุ่มใน กินคู่กับไข่ปลา เธอเอ้ยยย อันนี้มันดีจริงๆ เลิฟค่ะ

Chawanmushi : ไข่ตุ๋นเต้าหู้ เพิ่มความเข้มข้นนัวๆ ด้วยซอสเห็ดชิตาเกะ กินลื่นๆ คล่องเลย เมนูนี้รสชาติไม่จัด เฟย์รู้สึกว่ามันเหมือนแบบมันตัดรสชาติให้เบาลง เพื่อเตรียมรับเมนูถัดไป

DIY Maki : และแล้วเราก็ได้เป็นซูชิเชฟเองแล้ว วู้ ~~~ เพราะว่าคอร์สนี้มีความน่ารักด้วยการให้เราทำมากิกินเองค่ะ เชฟแนะนำให้เราห่อเป็นกรวย จากนั้นก็ตักหอยเม่นและเต้าหู้ Yuki Tofu ไปเลย ชูยุนิด วาซาบิหน่อย

Suki Yaki : และแล้วในที่สุดเนื้อก็มา วู้วววววตัวนี่ให้เป็นอันดับสามใน Top 3 ของเฟย์เลย เพราะว่ามีเนื้อวัว ฮ่าา และก็ไม่ใช่เนื้อธรรมดาจัดไปเลยค่ะ Kagoshima A5 นาจาา เสิร์ฟพร้อมเต้าหู้ Momen Tofu ตัวนี้เชฟก็จะปรุงให้เรา เนื้อแบบยังไม่ต้องสุกทั้งหมด นิ่มละลายในปาก อ่ะดี~~

Somen in Signature Tofu milk dash : มาถึงตัวที่เป็นซิกเนเจอร์ของคอร์สนี้เลย เส้นโซเมนในน้ำซุปเต้าหู้ดาชิ เสิร์ฟพร้อมกับของทอดและมากิจากฟองเต้าหู้ ตัวนี้แนะนำว่าให้ลองกินแบบยังไม่ต้องปรุงรสก่อนซักหน่อยนึง แล้วค่อยเติมพริกปรุงรสเข้าไป ใส่ไปหมดเลยไม่เผ็ด จะทำให้ได้ชิมในแบบสองรสชาติ ความน่ารักอีกอย่างคือภาชนะที่ใส่ ทางร้านหล่อมาให้เป็นแพทเทิร์นเดียวกันกับแพ็กเกจจิ้งเต้าหู้เลย อารมณ์ว่าเสิร์ฟเต้าหู้จริงๆ

Tofu dessert : ปิดท้ายด้วยขนมหวาน 3 สไตล์กินจากซ้ายไปขวาเช่นเคย ซ้ายสุดเป็น Tofu Icecream ไอศครีมเต้าหู้ ล้างรสชาติของเมนูอาหารคาวที่กินมาก่อนหน้านี้ ตามด้วยตรงกลางซึ่งเฟย์ชอบอันนี้สุดเป็น Tofu Espresso เต้าหู้ราดด้วยเอสเปรสโซ่ช็อต ให้ความรู้สึกสดชื่นดีค่ะ ปิดท้ายด้วย Tofu chocolate รสชาติเหมือนรอยส์มากก อารมณ์แบบช็อคโกแลตสดอ่ะแต่ไม่อ้วน ดีมะ ฮ่าาจะมีด้วยกัน 4 รสชาติคือช็อกโกแลต ชาเขียว ลูกเกด และ พิสตาชิโอ ค่ะ

เอาล่ะ กินโอมากาเสะเต้าหู้แล้วรู้สึกยังไง?

เอาจริงตอนแรกเลยก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเห้ย เต้าหู้เนี่ยนะ? จะมาทำเป็นโอมากาเสะได้ แถมมีถึง 12 คอร์ส 16 เมนูด้วยกันบ้าแล้ววว แต่กินแล้วก็คือคำนี้เลย … “ฟิน”!! เนี่ยแหละมันคือความสามารถของเชฟที่สามารถดึงเอาจุดเด่นของวัตถุดิบบวกกับความคิดสร้างสรรค์ ครีเอทออกมาเป็นเมนูได้หลากหลายมาก แล้วแต่ละจานคือไม่ซ้ำกันเลย

ถามว่าแพงไหม? ก็บอกเลยว่าแพง ฮ่าาา แต่ถามว่าคุ้มไหม? ก็บอกเลยว่า คุ้มมากกกกก แล้วคืออิ่มเลยนะ มันเป็นอะไรที่เฟย์ว่าซักครั้งในชีวิตต้องลองนะ รับรองว่าทุกคนจะต้องชอบแน่นอน นี่คือยังเพ้ออยู่เลยอยากกินอีก เก็บตังส์ก่อน ฮ่าา

เดือนพ.ค. 2560 นี่ยังเป็นช่วง Soft Opening เดือนสุดท้ายในราคา 3,900 บาท เบี้ยน้อยหอยน้อยก็จงรีบไปค่ะ ฮ่าา ก่อนที่ตั้งแต่เดือนมิ.ย 2560 จะเป็นจริงแล้วในราคา 4,900 บาท นะคะ อ่อต้องจองก่อนหน้าา และตอนนี้ทางร้านรับแต่เงินสดคาดว่าเปิดจริงแล้วจะน่าบัตรเครดิทได้ค่ะ

ส่วนที่จอดรถมีไม่ต้องห่วง ตึก Asia Tower ติดกับร้านเลย 10 ก้าวถึง ทางร้านจะมีบัตรจิดรถให้ค่ะ

—————————-

Mihara Tofuten ตั้งอยู่ในซอยสาทร ซอย 7 (ซอยนราธิวาส 5) เปิดบริการวันจันทร์-เสาร์ เวลา 18.00-23.30 น. โทร. 083-655-4245 www.facebook.com/Mihara.Tofuten.Bangkok

Asia’s 50 best bars 2018

บาร์ที่ดีที่สุดทั่วเอเชียมีที่ไหนบ้าง?

เพิ่งประกาศผลกันเลยสำหรับ 50 บาร์ที่ดีที่สุดทั่วเอเชียในงาน Asia’s 50 Best Bars และอันดับ.1 เป็นของ Manhattan ที่ประเทศสิงคโปร์ ขอแสดงความยินดีด้วยค่าาาา ส่วนประเทศไทยเราเองก็มีติดด้วยกัน 6 บาร์เลยได้แก่ร้าน The Bamboo Bar at Mandarin Oriental Bangkok / Backstage / Vesper / Smalls / Teens of Thailand / Ku Bar แต่ไม่ใช่แค่นี่แน่นอน รีบอัพเดทกันเลยกับลิสท์ทั้ง 50 ร้านประจำปี 2018 จะมีที่ไหนกันบ้าง

No.1 Manhattan in Singapore No.2 Indulge Experimental Bistro in Taipei, Taiwan No.3 Speak Low in Shanghai, China No.4 Atlas in Singapore No.5 The Old Man in Hong Kong, China No.6 High Five in Tokyo, Japan No.7 Tippling Club in Singapore No.8 Native in Singapore No.9 The Bamboo Bar at Mandarin Oriental Bangkok in Bangkok, Thailand No.10 Lobster Bar & Grill in Hong Kong, China No.11 Stockton in Hong Kong, China No.12 28 HongKong Street in Singapore No.13 Backstage in Bangkok, Thailand No.14 Sober Company in Shanghai, China No.15 Quinary in Hong Kong, China No.16 Trench in Tokyo, Japan No.17 Le Chamber No.18 Zuma in Hong Kong, China No.19 Operation Dagger in Singapore No.20 Bar Benfiddich in Tokyo, Japan No.21 Charles H in Seoul, Korea No.22 Gibson in Singapore No.23 Employees Only in Singapore No.24 8 ½ Otto e Mezzo Bombana in Hong Kong, China No.25 The Curator Coffee & Cocktails in Manila No.26 Alice in Seoul, Korea No.27 Vesper in Bangkok, Thailand No.28 Union Trading Company in Shanghai, China No.29 Smalls in Bangkok, Thailand No.30 Janes & Hooch in Beijing, China No.31 The Pontiac in Hong Kong, China No.32 D.Bespoke in Singapore No.33 Nutmeg & Clove in Singapore No.34 Gen Yamamoto in Tokyo, Japan No.35 TCRC in Tainan, Taiwan No.36 Potato Head Beach Club in Bali, Indonesia No.37 Bar Orchard Ginza in Tokyo, Japan No.38 Junglebird in Kuala Lumpur, Malaysia No.39 Loewy in Jakarta, Indonesia No.40 Mixology Salon in Tokyo, Japan No.41 Union Brasserie, Bakery & Bar in Jakarta, Indonesia No.42 Jigger & Pony in Singapore No.43 Star Bar in Tokyo, Japan No.44 Teens of Thailand in Bangkok, Thailand No.45 Lamp Bar in Nara, Japan No.46 Coley in Kuala Lumpur, Malaysia No.47 Keepers’ in Seoul, Korea No.48 The Ritz Carlton Bar & Lounge in Macao, China No.49 Ku Bar in Bangkok, Thailand No.50 The Other Room in Singapore

All Photos Credit : The World’s 50 best bars

** รูปทั้งหมดจะติดเหลืองหน่อย ซอรี่ทุกคนด้วย ** *มีลิ้งค์ไปเว็บของแต่ละร้านทุกร้านเลย*

ไปมาเก๊า อยากกินในโรงแรมสวยๆ ไปกินที่ไหนดี?

สำหรับคอนเทนท์นี้ เป็นการรวมทั้ง 3 ร้านและอีก 1 บาร์ ที่เฟย์ได้กินที่โรงแรม Wynn เพราะว่าเรามาร่วมงานประกาศรางวัล Asia’s 50 best restaurants ซึ่งปีนี้ย้ายไปจัดที่มาเก๊าเป็นปีแรกค่ะ ทางโรงแรมเป็นสปอนเซอร์หลักของงานก็เลยเลี้ยงดูเราอย่างดี! คืออาหารจัดเต็มมากกกก ความฟินที่แท้ทรูอยู่ตรงนี้ >//< งานนี้เลยอยากจะมารีวิวซะหน่อย เผื่อจะเป็นทางเลือกให้เพื่อนๆ สำหรับใครที่กำลังมองหาร้านอาหารในโรงแรมค่ะ

นอกจากสตรีทฟู้ดแล้ว อาหารที่อยู่ในโรงแรมต่างๆ ก็ขึ้นชื่ออยู่เหมือนกันนะสำหรับที่มาเก๊า ครั้งนี้เรามีโอาสได้กินร้านอาหารในเครือโรงแรมของ Wynn ซึ่งจะมีอยู่สองที่ค่ะ ที่แรกคือ Wynn Macau ตั้งอยู่ฝั่งมาเก๊า และอีกที่คือ Wynn Palace อันนี้อยู่ฝั่ง Cotai แถวๆ ไทปา ย่านคาสิโนนั่นเอง

การเดินทางไปมาก็ไม่ยากเลย จริงๆ คือไปได้ทั่วทุกที่เลยเพราะทุกๆ คาสิโนเขาจะมีรถ Shuttle Bus ฟรีไปดร็อปตามโรงแรมต่างๆ อยู่แล้ว ถ่ายรูปพวกป้ายต่างๆ ไว้รับรองเดินทางง่ายไม่หลง อย่างของ Wynn เองก็มีทั้งวนรอบๆ และข้ามไปยังฝั่งมาเก๊า ถึงที่ ฟรี แฮปปี้สิคะ

WYNN PALACE

ฝั่ง Wynn Palace จะเป็นโรงแรมที่เปิดใหม่ย่านคาสิโนเลย ถ้ามาถึงสนามบินก็มีรถ Shuttle Bus ฟรีมาส่งถึงโรงแรมได้เลยค่ะ

SW STEAK HOUSE

มาเริ่มกันที่ร้านแรกกับเมนูสไตล์ฝรั่งๆ กันก่อนเลยร้าน SW Steakhouse อยู่ที่ฝั่ง Wynn Palace ร้านนี้สาขาแม่มาจากที่ลาสเวกัสแล้วก็ได้รางวัลการันตีมาด้วย คือเนื้อฟินมากกก มีความพรีเมี่ยม และเค้าจะมีโชว์เล็กๆ ออกมาจากประตูนี้แหละทุกๆ 30 นาทีให้เราหายเบื่อ แต่เอาจริงไม่เบื่อเลย ฮ่าา ใครจะเบื่อกินคอร์สเมนูสุดหรูแพริ่งคู่กับไวน์ดี้ดี

ขนาดขนมปังที่เค้าจะมีเสิร์ฟให้อยู่แล้ว ไว้ทานเคียงยังดูไฮโซเลย 555 เนื้อขนมปังมีความนุ่มฟู ละมุนมากก
มาเริ่มต้นด้วย Tuscan Kale Salad ตัวนี้จะได้ความสดชื่นของแอปเปิ้ลเขียวที่ผสมมา แต่ที่อร่อยมากคือถั่วพีแคนที่มาเพิ่มความกรอบทำให้กินได้ไม่เลี่ยน และ Midnight Moon Goat Cheese ที่ท้อปมาข้างบนดีมากกก เป็นรสชาติสลัดที่กลมกล่อม
ดูเหมือนไม่เยอะแต่เยอะมากกับเมนู Maryland Style Crab Cake ใส่ปูมาเป็นก้อนๆ ตัดตรงไหนก็เจอปู ตอนแรกเราเข้าใจว่าต้องบีบเลมอนที่เสิร์ฟมาคู่กัน แต่ถามแล้วเค้าบอกไม่ต้องเสิร์ฟมาแค่ความสวยงาม เฉยๆ ข้อเสียเดียวคือเยอะไปหน่อยตัดกำลังเมนูต่อไป ฮ่าา
ไฮไลท์เลยค่ะท่านผู้ชมมมม Snake River Farm New York Sirloin สเต็กเนื้อสั่งแบบมีเดียมแร ก็ได้แบบนั้นทั้งชิ้น เท่ากันเป๊ะ ชิ้นใหญ่มาก เนื้อยังคงมีความชุ่มฉ่ำ วิธีการทำก็แค่ปรุงรสมาด้วยเกลือและพริกไทย ฟินนนน เครื่องเคียงในจานที่ทางร้านแนะนำมาคือกระเทียมกริลล์ ให้บดแล้วปาดลงบนเนื้อก่อนจิ้มด้วยซอสที่จะมีให้เลือก 3 รสนะ เราขอทั้งสามเลยอย่างละนิด ดีงามมม พร้อมด้วยside dishเป็นมันบดกับ ผักโขม
ปิดท้ายด้วยขนมหวานล้างปาก Key Lime Pie นี่ก็ชิ้นใหญ่จัดเต็มอีกเช่นเคย จริงๆ ซักครึ่งชิ้นกำลังพอดี ให้รสชาติเปรี้ยว ที่มีขมอ่อนๆ นิดๆ ล้างปากจบมื้อแบบแฮปปี้ ~~

ANDREA’ S

ร้านต่อมาคือร้าน Andrea’s เป็นสไตล์จีนแล้วค่ะ เป็นคอร์สที่แพริ่งกับเครื่องดื่มเหมือนกันแต่จะมีให้เลือกสองอย่าง ว่าจะแพริ่งเป็นไวน์ หรือเป็นชาแพริ่งก็ได้ น่าสนใจดีนะ ร้านนี้ให้ความอร่อยกลางๆ เพราะอีกสองร้านฟินกว่า แต่โดยรวมก็ดี จัดเต็มอีกเช่นเคย อ่อ ถ้าไม่อยากทานเป็นคอร์สจะสั่งเป็นอาลาคาร์ทก็มีเหมือนกันค่ะ ป.ล ร้านนี้ลืมถ่ายชื่อเมนูมาอ่าาา ซอรี่มากๆ ถ้าอยากสั่งตามเอารูปไปโชว์ที่ร้านละกันเนอะ

เมนูเรียกน้ำย่อยเปิดมาถึงก็มีสองจานเลย จานบนเป็น สลัดผักม้วนสไตล์จีน เหมือนน้อยแต่เยอะทีเดียวส่วนตัวคิดว่าชิ้นเดียวก็พอ ส่วนจานล่างเป็นเฟรนช์ฟรายที่ทำจากมะเขือม่วงทอด ราดด้วซอสเผ็ด ส่วนตัวชอบจานล่านมากกว่าค่ะ
ตามมาด้วยซุปซึ่งอันนี้ดี โหวตมากกกก เห็นตอนแรกก็งงว่าคืออะไรอ่ะ? นางคือซุปเต้าหู้~~~~ ที่ทำเป็นรูปดอกไม้ บ้าไปแล้ว กรีดมาอย่างเรียบร้อยรู้สึกว่าทำให้เต้าหู้ยิ่งละมุนไปอีก เหมือนว่าการทำเป็นรูปดอกไม้แบบนี้ ทำให้น้ำซุปแทรกไประหว่างเนื้อเต้าหู้ได้มากขึ้น ได้ส่วนผสมที่เท่ากันระหว่างน้ำซุปและเต้าหู้ ด้านตัวน้ำซุปก็กลมกล่อมมากก อันนี้กินหมดเลย อิอิ
ตัวต่อมาเป็น กึ่งๆ ซุปปลา ตัวนี้รสพิเศษของเขาคือความซ่า จะได้ความซ่าของขิงแบบชัดเจน กินแล้วรู้สึกเหมือนลิ้นชา เนื้อปลานุ่มมาก อันนี้เหมือนเป็นเมนูที่เตรียมลิ้นรอรับความเผ็ดของตัวถัดไป
จานหลักจานแรกของเราเป็นกุ้งผักพริกแห้งค่ะ เผ็ดแบบแสบๆ ผัดแห้ง กุ้งคือทอดมากรอบกินได้ทั้งเปลือกเลยนะ แล้วก็มีพวกพริกแห้ง มะม่วงหิมพานต์ และดอกไม้กินได้ เผ็ดไปหน่อยสำหรับเฟย์
อันนี้สุดดดด อันนี้ดีมาก เป็น Pork Bun โดยตัวบันนำไปทอด วิธีทานตามรูปเลยคือให้เอาหมูตุ๋นแบบยังเป็นสีชมพูๆ อยู่เลยนิ่มมากก รสชาติออกหวาน แล้วก็เสิร์ฟพร้อมกับมะเขือเทศสไลด์และผัก น่าจะดีสุดในมื้อนี้เลย ปรบมือค่ะ!
ปิดท้ายด้วยของหวานเป็นข้าว งงเลย คือข้าวแต่เป็นของหวาน ถ้าเคยกินมัคคอลลีของเกาหลี รสชาติก็อารมณ์นั้นเลยมีเปรี้ยวปลายนิดๆ เหมือนข้าวต้มที่หวานค่ะ มีการโรยทองมาด้วยเพิ่มความหรูหรา

WYNN MACAU

Wynn Macau จะเป็นโรงแรมเก่าที่อยู่ด้านมาเก๊า ย่านเศรษฐกิจในเมือง เดินทางต่อไป Senado square อะไรงี้ได้สะดวกค่ะ

WING LEI

ถ้าพักอยู่ฝั่งมาเก๊า ในบรรดาทุกร้านที่กินมาของโรงแรมเครือนี้แนะนำร้านนี้ที่สุด Wing Lei มันดีมากก! ดีงงๆ เพราะดูเหมือนธรรมดาแต่ว่าคุณขาาา รสชาติล้ำมากๆ เป็นความรู้สึกที่กินแล้วเข้าใจที่คุณเคธี คอมเมนท์เทเตอร์ในเดอะเฟสพูดเลย ‘น้อยแต่มาก เรียบแต่โก้ ไฮแฟชั่น’ ฮ่าาา คือแม้แต่อาหารยังเป็นอย่างนั้น เนี่ยแหละรสชาติแบบ fine dining ค่ะคุณณ

Wing Lei Heen Specialty จานเรียนน้ำย่อยเมนูนี้ มาด้วยกัน 4 อย่าง 4 คำที่ดูแล้วธรรมดา แต่แกร้~~ รสชาติมันสุดๆๆๆ ดีมากกก เป๋าฮื้อนุ่มไม่เหนียวมีรสซึมอยู่ เห็นหมูสามชั้นเลือนๆ ข้างหลังไหม ฟินมากก ไม่รู้จะอธิบายยังไง
น้องคนนี้คือไก่ย่างชา Tea Smoked Crispy Chicken หนังไก่กรอบมมาก จนไม่มีไขมันเลย แต่ตัวเนื้อไก่ยังคงชุ่มฉ่ำเก็บน้ำไว้ได้ดี ราดด้วยซอสนิดๆ อยากจะให้เสิร์ฟซัก 3 ชิ้นจุง อิอิ
จานนี้ก็ดี ~~ Steamed Cod Fish Roll with Crabmeat Crab roll and egg white ชื่อยาวมาก สีขาวตรงกลางคือเนื้อปลาค็อด แบ่งฝั่งหยินหยางโดยข้างนึงเป็นเนื้อปูกับไข่แดง อีกด้านเป็นไข่ขาว วิธีการคือคนให้เข้ากัน ละมุนมากกก ลื่นๆ ลงคอสบายย รสชาติกล่อมกล่อม
ตามมาด้วย Crispy Sliced beef and fresh scallop with minced salty fish เมนูนี้ให้ความรู้สึกว่าเป็นแนวเซิร์ฟแอนด์เทิร์ฟแบบจีน เนื้อหมูชุมแป้งทอด กับหอยเชลล์ผักซอส (ลูกกลมๆ นั้นคือแปะก๊วยนะ) เข้ากันดี มีน้ำจิ้มให้จิ้มเพิ่มได้
ปิดท้ายด้วยของหวานกัน ไม่หวือหวาเท่าเมนูคาว แต่จะเป็นเน้นรสชาติง่ายๆ เพื่อคลายรสชาติที่ค้างอยู่มากกว่ามีพุดดิ้งนม เบเกอรี่ ผลไม้ และวุ้นค่ะ

CINNE BAR

บาร์ที่เราไปชื่อ Cinne Bar จะเป็นบาร์ที่อยู่ริมสระน้ำ มีทั้งแบบอินดอร์และเอาท์ดอร์ สามารถเลือกชิลล์ได้ตามอัธยาศัย

มาที่ตัวแรกกันก่อน อันนีเป็นเมนูแนะนำซิกเนเจอร์ของร้านเลย Sake Cocktail รสชาติไม่แรงมากนะ มีอาฟเตอร์เทสเป็นผลไม้นิดๆ เสิร์ฟมาในคราฟท์ไอซ์ ทำให้น้ำแข็งจะค่อยๆละลายออกมา เบลนเข้ากันได้กับตัวค็อกเทล

Apple Marharita ตัวนี้กลางๆ ไม่ว้าวมาก แต่ถ้าใครที่ไม่ค่อยดื่มสั่งเป็นอันนี้ก็ดี รสชาติอมเปรี้ยว ดื่มง่ายค่ะ

————————————–

เป็นไงกันบ้าง จัดเต็มกันเลย เผื่อใครมองหาร้านที่ไม่ใช่ Street Food ก็ลองดูกันได้นะคะ

เที่ยวต่างแดนให้อุ่นใจ…พิชิตหน้าเป๊ะตลอดทริป!

ได้เวลาออกเที่ยวอีกแล้ววว เย่!! คราวนี้เราไปไกลออกต่างแดนไปที่มาเก๊ากันค่ะ เนื่องจากเราจะไปร่วมงานเกี่ยวกับอาหารที่มาเก๊าเป็นงานประกาศรางวัล Asia’s 50 Best Restaurants งานนี้เราจะสวยน้อยกว่าสาวๆ ชาติอื่นไม่ได้! อิอิ แต่ว่าไปต่างประเทศก็ไม่สะดวกพกของเยอะๆ อีกเช่นกันเพราะปรกติเราจะหยิบเป้หนังเก๋ๆ ไปใบเดียว แล้วก็ใส่ของพวกติดตัวไว้ในเป้เนี่ยแหละ

และแล้ววว แต่นแต้นนน~~ จึงเป็นที่มาของรีวิวในครั้งนี้ค่ะ ‘เที่ยวต่างแดนให้อุ่นใจ…พิชิตหน้าเป๊ะตลอดทริป!’ เราจะมาเปิดกระเป๋าให้ทุกคนได้ดูกันว่า 8 ไอเทม Must have ที่พกอะไรไปเที่ยวต่างแดนมีอะไรกันบ้าง ที่มีติดตัวแล้วอุ่นใจ ช่วยให้ทริปนี้เราสวยเป๊ะ ดูดี ร้อนฉ่าทุกองศา! เวอร์วังเบอร์นั้นเลยล่ะ = )

Biore Perfect Cleansing Cotton

ปัญหานึงที่พบบ่อยเวลาออกทริปก็คือเครื่องสำอางเลอะ จะให้เอาคลีนซิ่งเช็คเครื่องสำอางแบบน้ำพกไปก็ไม่สะดวก พอดีแวะเข้า 7 -11 แล้วเห็นว่ามีคลีนซิ่งเจ้าตัวนี้ขายก็เลยสอยมาติดกระเป๋าเลยค่ะ เป็นแผ่นเช็ดเครื่องสำอางขนาดพกพาของบีโอเรมี 10 แผ่นราคา 75 บาท ดีมากเลยอ่ะ พกติดกระเป๋าไว้เช็ดใต้ตาเวลาเครื่องสำอางตกร่อง อยากจะเปลี่ยนลุคอะไรแบบนี้ระหว่างวันก็ใช้ได้ดีเลยเพราะว่ามีขนาดเล็ก พกไปไหนไปกันสะดวกดี หรือจะเช็ดตอนกลางคืนเวลาล้างหน้าเลยก็ได้นะ เราเคยลองใช้อันอื่นมาบ้างแต่ไม่ค่อยชอบเพราะแผ่นมันแข็งแต่ของบีโอเรแผ่นเช็ดเครื่องสำอางนางนุ่มดี ไม่บาดหน้า เช็ดได้ไม่ต้องกลัวเจ็บ เพราะเป็นแผ่นคอตตอน 100% ไม่มีแอลกอฮอล์กลิ่นหอมธรรมชาติโอเคเลย ที่ชอบอีกอย่างคือมี Moisturizing serum เช็ดเสร็จหน้าไม่ตึง ให้ฟิลว่าทูอินวันลบด้วยบำรุงด้วยเลิศๆ

NYX Lip Lingerie

กลายเป็นลิปสติกลูกรักไปแล้ววววว ก่อนหน้านี้เราก็ใช้ลิปแท่งปกติแหละ ทั้งๆที่ลิปแบบจุ่มมันก็ฮิตมาซักพักแล้ว จนเบื่อๆ อยากเปลี่ยนได้ลองตัวนี้แล้วเลิฟเลย กลายเป็นลิปสติกประจำกายพกติดกระเป๋าไว้เลย ลิปของ NYX รุ่นLingerie เนื้อเข้าจะแมทนะ ถ้าทาเดี่ยวๆเลยก็แมทสุดๆ ทำให้มันติดดีมาก ถ้าตั้งใจทาให้ตึ้บๆ คือกินข้าวก็ไม่หลุด ยังคงสวยเป๊ะอยู่ดี อีกทั้งสีก็มีหลากหลายเฉดสีมากค่ะ แต่สำหรับเราที่คิดว่าเข้ากับตัวเองที่เป็นสาวผิวคล้ำจะชอบตัวนี้คือเบอร์ 04 เพราะว่าเป็นสีนู๊ดที่ไม่ป่วย ยังดูมีสีสันอมส้มอมชมพูผสมๆ กันตุ่นๆ เข้าได้กับทุกลุค

Burt’s bee Lip balm

นอกจากลิปสติกก็จะมีลิปบาล์มเนี่ยแหละที่พกตลอด มีติดกระเป๋าไว้เลย จริงๆของ Burt’s bee เขามีหลายสูตรมากเลยล่ะ แต่ที่เราเลือกมาจะเป็นสูตร Moisturizing Lip Balm โดยส่วนผสมหลักคือน้ำผึ้ง แน่นอนว่าเป็นน้ำผึ้งก็ต้องให้ความชุ่มชื่น อ่อนนุ่ม บำรุงจากธรรมชาติอยู่แล้ว เป็นผลิตภัณฑ์ออแกนิคปลอดภัยใช้แล้วหายห่วงค่ะ ที่ชอบสำหรับตัวนี้คือความมันของลิปไม่มากเกิน เนื่องจากเป็นลิปบาล์ม มันจะให้ความรู้สึกชุ่มชื่น ริมฝีปากอ่อนนุ่ม เหมือนเคลือบๆ ไว้ ไม่เหมือนพวกลิปมันที่ทาแล้วจะมันเลย ตัวนี้เราเลยชอบใช้สำหรับทาเวลาแต่งหน้า มันจะทำให้ทาลิปสติกต่อได้ดี ลิปไม่หลุด

แป้ง RUN

ช่างแต่งหน้าชื่อดังออกแบรนด์ของตัวเองขนาดนี้ มีหรือจะไม่ตามไปตำ ฮ่าาา เนื่องจากเวลาไปเที่ยวระหว่างวันก็จะต้องมีหน้ามันกันบ้างใช่ไหมละคะ พอเวลาซับออกด้วยทิชชู่ (ส่วนตัวไม่ค่อยใช้กระดาษซับมันจะใช้เป็นทิชชู่ซับมากกว่า) จะเห็นเลยว่ามีสีของแป้ง ของรองพื้น หรือคูชชั่นที่เราลองไว้หลุดออกมาด้วย แป้ง Run ของคุณน้องฉัตรดีตรงที่เนื้อแป้งเขาไม่หนาค่ะ มันเลยเหมือนใช้ได้ทั้งเซ็ทตั้งแต่ตอนแต่งหน้าให้ดูเป๊ะขึ้นแต่ก็ไม่ได้ดูหนาโป๊ะ หรือใช้เติมระหว่างวันส่วนมากจะเป็นบริเวณ T-zone แล้วสีก็กลืนกับผิวด้วย โดยสีที่เราใช้สำหรับสาวผิวคล้ำจะเป็น R22 ค่ะ หน้าไม่เทานะจ๊ะ รอด อิอิ

Dior Mini Perfume

เพิ่มเสน่ห์ที่เย้ายวนด้วยน้ำหอมสิคะ… น้ำหอมใช้แล้วดีต่อใจ ช่วยฟินิชลุคให้รู้สึกเติมเต็มขึ้นได้คือความสวยของเราต้องสวยไปจนถึงกลิ่นแค่เดินผ่านก็ต้องว้าวว! ฮ่าาา สำหรับน้ำหอมที่เราชอบพกไปเที่ยวต่างประเทศจะเป็นไซส์แบบ Travel size ค่ะ คือจะเป็นพวกเล็กๆ และที่ชอบที่สุดคือของ Dior ชุด Travel Kit ของเขาจะจัดรุ่นตัวท้อป ตัวฮิตมาทั้งหมด 5 ตัว มี Miss Dior Cherie, Dolce Vita, J’adore Dior, Hypnotic Poison, Dior Addict คือดีงามมมม ซึ่งรุ่นที่เราพกติดกระเป๋าคือ Hypnotic Poison ตัวนี้จะมีกลิ่นหอมของวานิลาอ่อนๆ ระหว่างวันแม้เหงื่อออมากๆ ก็ไม่เหม็นนะ เติมระหว่างวันได้เลยค่ะ

L’occitane hand cream

อีกหนึ่งไอเทมที่ชอบมากๆ เพราะเป็นคนติดแฮนด์ครีมแน่นอนก็ต้องพกแฮนด์ครีมสิ สัมผัสของมือที่อ่อนนุ่มถ้าได้จับมือหนุ่มๆ ก็สร้างความประทับใจได้น้าาา อิอิ ที่เราพกได้คือใช้มาตลอดก็นี้เลยค่ะ L’occitane Hand Cream เป็นยี่ห้อแรกและยี่ห้อเดียวที่ใช้มาตลอดเลยค่ะ ซึ่งรุ่นนี้เป็นสูตรออริจินอลนะแต่หน้าตาแพ็กเกจจิ้งดูแปลกตาเพราะเป็นแพ็กเกจจิ้งฉลอง 40th Anniversary ของแบรนด์เขา แล้วตั้งแต่เขาเปลี่ยนหลอดมาเป็นแบบนี้ก็บีบง่ายขึ้นไปอีก กลิ่มหอม ไม่เหนี่ยวมือทาได้ตลอดทั้งวันค่ะ

H&M Sunglasses

อันนี้เชื่อว่า ร้อยทั้งร้อยก็ต้องหยิบไปด้วยทุกคนนั้นก็คือแว่นตากันแดดนั้นเอง ความสวยของเราจะเป๊ะได้ก็ด้วยแว่นกันแดดนี้ส่วนนึงเลยนะ แว่นกันแดดจะช่วยเสริมบุคลิกเราให้ดูดีขึ้น แบบพอใส่แล้วให้ความรู้สึกชิคขึ้นมาในทันทีเป็นกันไหม? ฮ่าา และที่ดีที่สุดเลยอำพรางหน้าสดได้จ้าาา ไปไหนใกล้ๆ ไม่ได้แต่งหน้าแต่ต้องถ่ายรูปก็ใส่แว่นกันแดดเลย แค่นี้ก็ดูไม่ออกแล้วอิอิ ซึ่งที่เราชอบจะเป็นของ H&M เพราะว่าราคาไม่แพง มีดีไซน์ที่ดูวัยรุ่นทันสมัย ถ้าเป็นทรงที่ Over size หน่อยแบบนี้ก็จะดูแฟชั่นขึ้นมาอีก เป็นทรงกันตายที่คิดว่าหน้ารูปไหนใส่ก็รอด

Fuji XA3

อุปกรณ์พิชิตหน้าเป๊ะตลอดทริปอันดับสุดท้าย ไม่ใช่เครื่องสำอาง.. ไม่ใช่สกินแคร์.. แต่ก็มีเวทย์มนต์ที่เสกให้เราสวยได้ได้เหมือนกันก็คือ กล้องถ่ายรูปนั้นเองงง กล้องถ่ายรูปคือเพื่อนคู่ใจสาวๆ เลยนะ ถามว่าถ่ายด้วยมือถือสวยไหมก็สวย เดี๋ยวนี้กล้องมือถือพัฒนาไปมาก แต่สุดท้ายความเนียนของแสงก็ยังสู้กล้องไม่ได้อ่ะ เราเลือก Fuji XA3 เพราะว่ามีน้ำหนักเบา เปลี่ยนเลนส์ได้ ใช้งานง่ายไม่ต้องเก่งเรื่องกล้องก็ถ่ายสวย ให้ความเนียนผิวกำลังดีไม่ดูเฟคจนเกินไป ราคาเอื้อมถึงและแน่นอนสำหรับสายโซเชียลก็คงจะรู้ว่านางส่ง WIFI เอารูปลงคอมลงมือถืออัพเฟสบุ๊ค ไอจีอวดเพื่อนได้ทันที

และเนี่ยแหละ 8 ไอเทม Must have ที่พกอะไรไปเที่ยวฉบับ ‘ เที่ยวต่างแดนให้อุ่นใจ…พิชิตหน้าเป๊ะตลอดทริป! ’ ของเราเรียกได้ว่าเป็นไอเทมกันตายพกแล้วรอด เที่ยวสวยๆ สู้ทุกชาติค่ะ! =D

สายกินทั้งหลายต้องรู้จักงานนี้แน่นอนสำหรับงาน Asia’s 50 Best Restaurants งานประกาศรางวัลสุดยอด 50 ร้านอาหารทั่วเอเชีย ซึ่งปี 2018 นี้ก็เพิ่งจัดไปเมื่อปลายเดือนมีนาคม ที่โรงแรม Wynn Palace, Macau ที่มาเก๊า บอกเลยว่าเป็นงานที่สุดยอด อลังการ อาหารจัดเต็ม ดูแลดี และได้ประสบการณ์ที่ดีมากๆ เฟย์เลยอยากจะมาแชร์ให้ฟังกันซักหน่อย FAV Flavour เราได้ไปอินไซด์ขนาดนี้ ต้องมาเล่าสู่กันฟังซะหน่อยแล้วว

50 Best Talks

Presented by Míele

ในวันแรกมันจะเป็นงาน

50BestTalks ก่อนค่ะ โดยจะมีเชฟบางส่วนที่ได้รับรางวัลในงานมาพูดเกี่ยวกับแรงบันดาลใจ เส้นทางการเดินทางกว่าจะมาเป็นเชฟอย่างทุกวันนี้ ในงานไม่ใช่มีแค่ 50 อันดับเท่านั้นแต่จะมีรางวัลพิเศษไปตามสาขาต่างๆ ด้วย เชฟที่มาพูดคราวนี้ก็เลยมีหลากหลายสไตล์ค่ะ

ซิสสสส คือมันดีมากกก ฟังๆอยู่ดีๆ มีอาหารมาเสิร์ฟจ้าาา >//< เทสติ้งเมนูจากร้าน Mume ประเทศไต้หวั๋น ที่ไทเปค่ะ ซึ่งเป็นการรวมตัวของสามเชฟ เมนูคือดูเหมือนจะธรรมดา แต่กินแล้วฟินมากกก น้ำซุปใหม่ๆ มีกลิ่นสโม๊คนิดๆ เนื้อปลานุ่มไร้ก้าง เนี่ยแหละสัมผัสแบบล้ำ ไม่เวอร์นะ มันขนาดนั้นจริงๆ แหละ

ส่วนเจ้าดริ้งค์นี้เรียกได้ว่าเป็น Sneakpeek จากทาง The World’s 50 Best Bars โดยคุณ Vijay จากร้าน Native บาร์ที่สิงคโปร์ที่มีการใช้ทรัพยากรได้คุ้มค่า อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เดี๋ยวเฟย์ไปสิงคโปร์คราวหน้าไม่พลาดที่จะไปจัดรีวิวมาให้แน่นอน

Asia’s 50 Best Restaurants Awards Ceremony

อีกวันก็จะเป็นวันประกาศผลค่ะ ซึ่งในงานประกาศผลจะแบ่งเป็นส่งช่วงคือช่วง Cocktail กับช่วงประกาศรางวัล ตอนแรกเราจะไปรวมกันที่สระน้ำโรงแรม Wynn Palace ก่อน คือแบบคุณณณ มันไฮโซโบใหญ่มาก ด้วยความที่เป็นโรงแรมคาสิโน ความจัดเต็มที่แท้ทรูอยู่ตรงนี้ ทุกอย่างดีเลิศ นับว่าเป็นงานที่หาข้อเสียไม่ได้เลย

งานนี้ป้าเลยต้องจัดเต็มซะหน่อย แต่งตัวสวยหรูให้เกียรติสถานที่กันบ้าง รู้สึกว่าพอย้ายมาจัดที่มาเก๊าดูจะเป็นทางการมากกว่าที่ไทยนะ มีพิธีมากขึ้น เชฟทุกท่านก็แต่งเต็ม

งานนี้เหมือนเป็นงานคอนเน็คชั้นรวมผู้คนสายฟู้ดมาไว้ ณ ที่นี่ เชฟเอียนน่าจะเห็นกันบ่อยๆ จากรายการมาสเตอร์เชฟประเทศไทยและเชฟกระทะเหล็กประเทศไทยเนอะ ร้าน Issaya Siamese Club ของเชฟก็ได้รางวัลในงานเช่นกัน ยินดีด้วยค่า

อีกหนึ่งท่าจากประเทศไทยเหมือนกันก็เชฟบี จากร้าน Paste งานนี้ได้ทั้งอันดับในงาน และเชฟเองยังได้รางวัล Best Female Chef ประจำปีนี้อีกด้วย ยินดีด้วยค่าาา

งานอาหารเรื่องอาหารไม่ต้องพูดถึง ดีงามมากกก จะบ้าตาย ไม่เคยเห็นไลน์บุพเฟ่ต์ที่ไหนที่จะเต็มเวอร์นี้ ของสดเปลี่ยนใหม่ทุกครึ่งชม. เพื่อความสดใหม่ แต่ละบูธจะมีเชฟจากแต่ละห้องอาหารในโรงแรมประจำแล้วก็ทำกันให้กินสดๆ เลย ดูดิไลน์บุฟเฟต์เป็น Lobster Roll บ้างละ ซูชิแร่กันสดๆบ้างล่ะ จะหาแบบนี้มีที่ไหน > < ขอบคุณทางโรงแรม Wynn Palace มากจริงๆค่ะ

อันนี้น่าสนใจ Seedlip คือเครื่องดื่มที่ผลิตมาเพื่อคนที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ อ่าวงงเลยไหม? เฟย์ก็งง ฮ่าาา คือมันเป็นดริ้งค์สำหรับชงค็อกเทลแต่ไม่มีเหล้าจ่ะ โนแอลกอฮอล์ ปลอดภัยร้อยเปอร์เซนต์ แต่ยังให้รสชาติที่ขมและมี after taste เหมือนปกติ ไม่รู้ทำไงเหมือนกัน ฮ่าา ซึ่งเจ้าตัวนี้ก็จะไปโผล่ที่งาน The World’s 50 Best Bars เช่นกันล่ะ

บล็อกเกอร์ไทยส่วนหนึ่งที่ไปร่วมงานนี้ค่ะ FAV Flavour | Paidooon | Eat Chill Wonder | Foodie Journey | Chill Won Pai | Live Less Ordinary

มาสู่งานประกาศรางวัลกันบ้าง หลังจากเสร็จจากงานค็อกเทลแล้ว ก็จะเคลื่อนย้ายตัวมาในฮอล์ เพื่อจะประกาศผลรางวัลแล้วล่ะ ประกาศรันไปเรื่อยๆ เร็วมากทำให้งานไม่ยืดเยื้อก็ดีนะ ขั้นด้วยรางวัลพิเศษต่างๆ ไทยเราได้ 9 ร้านเลยล่ะ และอันดับหนึ่งก็มาจากประเทศไทย แถมยังได้รางวัลที่หนึ่งมา 4 ปีซ้อน! ร้าน ⭐Gaggan นั่นเอง สุดยอดเลยอ่ะ ร้านอื่นๆของไทยเราที่ได้รางวัลก็มี ⭐4 – Sühring ⭐10- Nahm ⭐14 – Le Du ⭐31 – Paste *New Entry ⭐33 – Eat Me ⭐37 – Bo Lan ⭐39 – Issaya Siamese Club ⭐43 – The Dining Room on House of Sathorn

ส่วนประเทศอื่นๆ ก็มีการได้อันดับลดหลั่นกันขึ้นลง ถ้าอยากจะจัดทริปกินไปให้ครบลองดูเลยที่ไหนได้กี่แห่งกันบ้าง

แล้วก็ยังมีรางวัลพิเศษอื่นๆ อีก เป็นรางวัลประเภทเดี่ยวได้แก่

  • elit Vodka Best Female Chef : Bee Satongun
  • Diners Club Lifetime Achievement : André Chiang
  • Miele One to Watch : Toyo Eatery
  • Asia’s Best Pastry Chef : Nicolas Lambert
  • The Art of Hospitality : Ultraviolet by Paul Pairet
  • Chef’s Choice : Yoshihiro Narisawa
  • Sustainable Restaurant Award : L’Effevescence

ยินดีกับเชฟทุกท่านด้วยค่าาา

นี่แหละ เล่าแบบละเอียดเลยสำหรับงานประกาศรางวัล Asia’s 50 best restaurants ประจำปี 2018 ต้องขอบคุณทางทีมงานทุกท่านที่ชวนเพจเล็กๆ ของเรา FAV Flavour และ Fay Foodstylist ไปงานนี้ด้วยตั้งแต่ทาง 50 Best restaurant เอง ทางโรงแรม Wynn Palace สำหรับที่พัก และทาง TQPR จากไทยเองที่ประสานเรื่องให้ตั้งแต่ที่ไทย ขอบคุณมากค่ะ ปีนี้ชวนข้าอีกอีกนะ ฮ่าาาา

ติดตามเรื่องราวไลฟ์สไตล์สำหรับสายฟู้ดกันได้ที่เพจเช่นเคยนะคะที่ FAV Flavour และ Fay Foodstylist

ร้านขนมประจำเมืองภูเก็ตที่พลาดไม่ได้เด็ดขาด! ขอแนะนำร้าน Torry’s Ice cream ค่ะ เพราะทุกเมนูของที่นี่ไม่ใช่ไอศครีมธรรมดานะ แต่มีการดัดแปลงขนมพื้นเมืองเรียกได้ว่ามิกซ์แอนด์แมทช์มาได้อย่างน่าสนใจเลยล่ะ

ร้าน Torry’s Ice Cream ตั้งอยู่ที่ซอยรมณีย์ ถ.ถลาง ในย่านเมืองเก่าค่ะ ถนนนี้จะต้องเดินเข้ามานะแต่ก็สั้นๆ แล้วก็หาง่ายมากๆ เพราะตัวร้านเป็นสีชมพูสะดุดตาแบบนี้เลยล่ะ

คอนเซ็ปท์ของร้านน่าสนใจมาก คือเมนูทุกอย่างของเขาจะมีกลิ่นอายของความเป็นไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นไทยพื้นเมืองเลยล่ะ อย่างไอศครีมก็จะเป็นรสจากวัตถุดิบพื้นเมืองต่างๆ แอบไปดูในเฟสบุ๊คของทางร้านมาเคยมีไอศครีมรสตะลิงปลิงด้วย เก๋ไปอีกกกก ส่วนเมนูขนมหวานอื่นๆ ส่วนใหญ่ก็จะมีขนมพื้นเมืองมาเป็นส่วนประกอบค่ะ

ความน่าประทับใจอีกอย่างนึงของร้านนี้คือ สมเด็จพระเทพฯ เคยเสด็จมาด้วย

Phuket Treasure

เมนูซิกเนเจอร์ที่มาแล้วต้องสั่งก็คือเจ้าตัวนี้ล่ะ เป็นขนมพื้นเมืองภูเก็ตชนิดต่างๆมี ถั่วทอด เต้าส้อ ผังเปี้ยะ บี้ผ้าง บูลู่ ตุ๊บตั๊บ งาพอง และขนมพริกค่ะ เสิร์ฟคู่กับไอศครีมฮันนี้แกรมราดด้วยน้ำผึ้ง และก็มีแคร็กเกอร์ป่นเล็กน้อย เยอะนะแบ่งกินได้สองคนเลยแต่ว่าค่อยข้างหวานนะคะ ราคา 115 บาท

บีโกหมอย (Bi co moi)

แหนะอ่านดีๆๆ ฮ่าาา บีโกหมอยก็คือข้าวเหนียวดำราดน้ำกะทิที่เราคุ้นเคยนี่ล่ะ เสิร์ฟคู่กับไอศครีมกะทิอัญชัน ตัวนี้จะให้ความรู้สึกระหว่างความร้อนกับเย็น พี่ที่ร้านบอกว่า ‘โกหมอย’ แปลว่าถั่วดำค่ะ ราคา 85 บาท

ชาอู่หลงลิ้นจี่มะนาว (Oolong Lychee Lime)

ชาอู่หลงจากเชียงราย ผสมกับลิ้นจี่และเพิ่มความสดชื่นด้วยมะนาวตัวนี้ช่วยลดไขมันด้วย! มันดีตรงนี้~~ แล้วก็บำรุงกระดูก บำรุงเส้นผมค่ะ ขนาด 300 ML จริงๆ ตัวชามีหลายตัวมากเลย ซึ่งทั้งหมดจะเป็นชา Malou Tea Atelier บอกเลยสายชาต้องฟินแน่ๆ มันดีจริงๆ หอมสดชื่น ขวดเอากลับบ้านได้

ตัวร้านก็จะตกแต่งแนวบูทีค ใช้สีเหลืองที่ไม่ฉูดฉาด มาดึงสายตาให้สดใสขึ้น ตัดกับเฟอร์นิเจอร์แนวไม้เก่า ดูดีไฮโซเลยน้าาา ตัวร้านก็ไม่ใหญ่มากค่ะ หากไปกันหลายๆ คนเฟย์แนะนำว่าโทรไปจองที่ก่อนก็ดีค่ะ โดยเฉพาะเสาร์อาทิตย์คนจะเยอะ

มีมุมตกแต่งด้วยของสะสมโบราณ บอกเล่าเรื่องราวประวัติความเป็นมาของชาวภูเก็ต

และก็ยังมีน้ำเปล่าฟรี บริการตัวเองได้เลยอยู่ตรงทางเข้าร้านค่ะ

หากใครมาเที่ยวภูเก็ตแวะเที่ยวย่านเมืองเก่าแล้ว ร้าน Torry’s Ice Cream เป็นอีกหนึ่งร้านที่พลาดไม่ได้เลยน้าาา

Facebook : Torry’s Ice Cream Website : //www.torrysicecream.com โทร : 076 510 888 เปิด : อังคาร – พฤหัสบดี 11.00-18.00 น. ศุกร์ – อาทิตย์ 11.00 -21.30 น.

ถ้าพูดถึงคาเฟ่รุ่นบุกเบิกที่ยังคงครองใจมาถึงปัจจุบันก็ต้องยกให้ ‘ Casa Lapin ‘ เลยหล่ะ เพราะเป็นร้านแรกๆ ที่ทำคาเฟ่ออกมาได้มีเสน่ห์ ด้วยสไตล์ที่ออกลอฟท์นิดๆ ชิคหน่อยๆ พร้อมด้วยกาแฟ่ที่เป็นเอกลักษณ์ของทางร้านเลยค่ะ

สาขาใหม่ล่าสุดที่สายชอบตำคาเฟ่ไม่น่าพลาดก็คือที่ The Street ถ.รัชดานี่ล่ะ เฟย์ได้มีโอกาสไปมาเลยไม่พลาดที่จะจัดรีวิวมาให้ทุกคนค่ะ ซึ่งคอนเซ็ปท์ของที่นี่แปลกใหม่น่าสนใจทีเดียว

คอนเซ็ปท์ของคาซ่าลาแปงสาขานี้ คือเป็นเหมือน ‘Share Space’ แชร์พื้นที่กันค่ะ มันจะเป็นร้านตรงกลางแบ่งๆล็อกกันไปแต่ละร้านๆ เสร็จแล้วเลือกนั่งตรงไหนก็ได้เลยรอบๆ บรรยากาศดีเลยนะ เฟย์ว่ามานั่งทำงานยาวๆ หอบคอมมาซักตัวนี้เพลินเลย

Food

อาหารมีหลากหลายทั้งน้ำ ขนม และอาหารคาว โดยส่วนใหญ่เป็นแนว Grab and Go กินง่ายและก็มีกิมมิคเบาๆ ในทุกจานละ

FLAT BREAD (260 บาท) สาวๆ ที่อยากกินพิซซ่าแต่กลัวอ้วนไม่กล้ากินคาร์บเยอะ ต้องลองอันนี้เลยค่ะ เพราะเป็นแบบแป้งบางกรอบ บางจริงกรอบจริง! ท้อปปิ้งด้วยหน้าแบบอิตาเลี่ยนสไตล์ก็คือเนื้ออกไก่ มะเขือเทศเชอร์รี่ มอสซาเรลล่าชีส และขาดไม่ได้เลยคือซอสเพสโต้ ดูเหมือนบางๆแต่เยอะมากนะแบ่งกันได้หลายคนค่ะ

PAPPA PIG (160 บาท) เบอร์เกอร์ที่บอกเลยว่าเป็นเทรนด์ของตอนนี้ต้องพูลพอร์ค หรือหมูฉีกฝอย เสิร์ฟคู่กับเฟรนช์ฟราย ซึ่งทางคาซ่าลาแปงทำให้แตกต่างขึ้นด้วยการเติมความเผ็ดนิดๆ แนวหมูสไปซี่

DRINKS

ซิกเนเจอร์ของ คาซ่าลาแปง จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากกาแฟ แต่ที่เฟย์อยากเพิ่มเติมให้เพื่อนๆก็คือมันไม่ได้มีแต่กาแฟน้าาา Mocktail Bar เป็นอีกหนึ่งซิกเนเจอร์ของที่นี่ค่ะ ม็อกเทลก็คือไม่มีแอลกอฮอล์ ดังนั้นก็สั่งดื่มได้ทั้งวันค่ะ

COLD BREW (140 บาท) มาแรงแซงทุกทางโค้งต้องโคว์บริวหรือกาแฟแบบสกัดเย็น มาในขวดแก้วน่ารักมาก ก็จะมีสองแบบให้เลือกนะคะคือแบบกาแฟดำ Black Supreme และแบบใส่นม White Supreme

CASA LAPIN ICED TEA (จำราคาไม่ได้อ่ะ) ชามะนาวเย็นๆ ชื่นใจ

SPICY MARGARITA (165 บาท) มาการิต้าเครื่องดื่มสุดคลาสสิก เปรี้ยวนำให้รสชาติที่สดชื่น แต่สำหรับตัวนี้จะมีรสเผ็ดนิดๆ ให้รสชาติที่แปลกใหม่ค่ะ (มีขอบ 3 สีสามรสนะ สอบถามที่ร้านได้เลยจ้า)

SAFE N’ SOUND (160 บาท)น้ำส้มแบบสกัดเย็น ช่วนให้ได้รสชาติและคุณค่าทางอาหารที่ดีกว่า เสิร์ฟพร้อม Ice nest รังนกน้ำแข็งน่ารักมากกก

PINA COLADA (165 บาท)เช็คสับปะรด กับไอศครีมมะพร้าว ทำให้ได้ออกมาเป็นเช็คที่ออกความเป็นครีมมี่นิดๆ เสริมทัพด้วยสตอเบอร์รี่สดสไลด์บนรังนกน้ำแข็ง

DESSERTS

เฟย์ชอบที่ของหวานของคาซ่าลาแปง เป็นอะไรที่แตกต่าง ไม่ได้เป็นแนวเค้กเหมือนทั่วๆ ไปแต่เป็นเมนูที่มีเฉพาะที่ร้านนี้เท่านั้น

WHITE CHOC YOGHURT (180 บาท) เมนูขนมหวานสำหรับสายเฮลตี้ เรียกว่ามีความเฮลตี้ที่สุดดีกว่าเพราะว่าเลือกใช้เป็นวัตถุดิบที่โลว์แคลลอรี่ อย่างไวท์ช็อกจะถูกแบลนอินไปกับตัวโยเกิร์ตทำให้หวายน้อย มีความเปรี้ยวของโยเกิร์ตเบาๆ เสิร์ฟคู่กับผลไม้รสเปรี้ยวต่างๆอย่างเสาวรส และตระกูลเบอร์รี่

TORRIJA TOAST (250 บาท) โทสต์ของคาซ่าลาแปงจะแตกต่างจากชิบูย่าโทสต์ที่ฮิตๆ กัน มันเป็นเนื้อสัมผัสแบบกรอบนอกนุ่มใน จากผิวขนมปังที่เคลือบคาราเมลไว้ (แต่เฟย์ว่ายังหวานไปนิด) เสิร์ฟคู่กับไอศกรีมวานิลา และซอสสตรอเบอร์รี่ กับวานิลาซอส

เดี๋ยวเมนูเครื่องดื่มม็อกเทลจะมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แถมที่ใหม่ก็เดินทางสะดวกนะด้วยรถไฟใต้ดินศูนย์วัฒนธรรมเลย ใครกำลังหาที่เก๋ๆ ไว้แฮงค์เอาท์ หรือนั่งทำงานเพลินๆ เฟย์ก็แนะนำที่นี่เลยค่าา =)

———————————– พิกัด : ห้างเดอะสตรีท รัชดา (The Street) ชั้น B เวลาเปิด-ปิด : 10.00 – 19.00 น. (เปิดทุกวัน) เฟสบุ๊ค : Casa Lapin

บ้านสวยไร้ฝุ่น เวอร์คนขี้เกียจ สยบง่ายๆ ด้วยเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย

สาวๆคะ เดี๋ยวนี้ชีวิตเราวันๆยุ่งมากเนอะ ต้องแต่งสวย ไปโน่นนี่ ทำงานอีก คืองานรัดตัวมากกกก และอย่างเราทำงานที่ไม่ได้อยู่กับที่ก็ไม่ค่อยมีเวลาดูแลบ้านตัวเองเลยอ่ะ มีน้องแมวน้องหมาด้วยขนตรึมมมม ถือเป็นปัญหาใหญ่เลยหล่ะ เลยทำให้ความขี้เกียจถามหาเอาง่ายๆ ถ้าคนที่เลี้ยงสัตว์น่าจะต้องเครียดกับปัญหานี้เหมือนกับเรา คือกวาดยังไงขนก็ไม่หมดซักที ยิ่งกวาดขนก็ยิ่งลอยไปเรื่อยๆ กวาดแล้วกวาดอีกไม่มีวันจบสิ้น

ปัญหาขนแมวเนี่ย สิ่งที่จะช่วยได้ดีที่สุดคือต้องใช้เครื่องดูดฝุ่นค่ะ เวิร์คกว่าเยอะ เราเคยลองใช้เป็นที่ดูดฝุ่นอัตโนมัติที่มันดูดได้เองกลมๆ อ่ะ แต่ก็ไม่สัมฤทธิ์ผลรู้สึกว่าไม่ค่อยต่างจากกวาดเท่าไหร่ แล้วน้องแมวก็กลัวด้วย จนไปเจอเครื่องดูดฝุ่นอันใหม่ ที่ลองใช้แล้วเห้ยย มันดีอ่ะ มีความแตกต่างจากอันเก่าๆ ที่เคยใช้มาเลย เป็นเครื่องดูดฝุ่นแบบไร้สายจาก Dyson ที่สาวๆ น่าจะรู้จักแบรนด์นี้จากไดร์ป่าผมกัน นางฮิตมากก

แบรนด์ Dyson เป็นแบรนด์ที่นำเข้าจากประเทศอังกฤษค่ะ จริงๆ เรารู้จักแบรนด์นี้จากไดร์เป่าผม ฮ่าาา คือนางฮิตมากในหมู่ช่างทำผมด้วยดีไซน์ที่เป็นรูๆ ตรงกลาง แปลกตาดี ตัวเครื่องดูดฝุ่นก็ดีไซน์ไม่เหมือนเครื่องดูดฝุ่นทั่วไปเหมือนกันค่ะ อันนี้ที่ใช้เป็นรุ่น V8 Absolute+ ค่ะ เป็นเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย พร้อมหัวดูดหลากหลายแบบเยอะมากๆ เลยมาจัดรีวิวให้ดูกัน แน่นอนว่าก็ต้องมีรีวิวดูดขนแมว! ฮ่าา

มาดูข้อมูลเบื้องต้นที่เป็นจุดเด่นของเจ้าเครื่องดูดฝุ่นนี้กันก่อนค่ะ

  • สิทธิบัตรมอเตอร์ มอเตอร์ดูดสิทธิบัตรเฉพาะของไดสัน มีขนาดเล็กแต่พลังดูดไม่เล็ก สามารถหมุนได้เร็วถึง 110,000 รอบต่อนาที ซึ่งถือว่าหมุนได้เร็วกว่ารถฟอร์มูล่าวันถึง 5 เท่า!
  • กรองอากาศไปได้ในตัว คือปกติลมที่ออกมาจากมอเตอร์เครื่องดูดฝุ่น มันจะมีกลิ่นนิดๆ แบบฝุ่นๆ แต่ว่าอันนี้อากาศปลอดภัย บริสุทธิ์เลย เพราะเขามี filter ความละเอียด 0.3 micron ที่ท้ายตัวเครื่องลมที่ออกมาจากเครื่องดูดฝุ่นไม่มีละอองฝุ่นปนออกมาแน่นอน แฮปปี้ ~~
  • ถังกรอกฝุ่นเททิ้งง่าย ทำความสะอาดมาดีๆ จะมาทำให้มือเลอะทำไม ไม่ต้องจ้าาา นางดีไซน์มาแบบว่าใช้ปลดล็อคกดปุ่มแล้วสิ่งสกปรกต่างๆก็จะถูกกำจัดออกมาอย่างง่ายดาย

และก็ได้เวลาจัดการ… ลงมือ! ไปลองกันว่าจะจัดการขนน้องแมวน้องหมาอย่างไรได้บ้าง เริ่มที่แพ็คกระเป๋าก่อนเลย เอาหัวต่างๆ ใส่กระเป๋า (มีให้ในกล่อง) ขึ้นลงสบายพร้อมลุยค่ะ

๐ ที่บ้านเราเลี้ยงแมว เรื่องขนไม่ต้องพูดถึงเลย… เต็มบ้าน ฮ่าาา แล้วแมวก็นอนบนเตียงด้วย นอนบนหมอนด้วยต้องมีความสบาย อิอิ ขนเลยตรึมแบบนี้~~ เอาจริงก็อันตรายนะ เราไม่ควรสูดขนแมวเข้าไปเยอะๆ งั้นมาลองดูดขนแมวกันว่าเป็นไง ปรากฏว่าลองแล้วก็โอเคเลย ไม่มีขน ไม่ต้องคอยไล่แมวแล้ว 5555

๐ อีกสิ่งที่อยากลองคือดูดเตียง เตียงที่เห็นสีขาวๆ สะอาดๆ แบบนี้ จริงๆแล้วฝุ่นสะสมอยู่นะ มันจะเป็นไรฝุ่นอะ ลองดูดดูแค่มุมเตียงเดียว อย่างตกใจ! ไรฝุ่นเยอะมากกก เป็นผงฝุ่นขาวๆคล้ายแป้งขึ้นมาในกระบอกเลย

๐ ที่พื้นก็ยังมีขนแมวอยู่ทุกที่จริงๆ คราวนี้ใช้ไม้ต่อให้ยาว จะได้ไม่ต้องก้ม ดูดๆๆ

๐ เก้าอี้สีขาวจากอีเกียตัวนี้ กลายเป็นที่นอนแมวซึ่งพวกนางก็จะทิ้งขนไว้ให้เป็นที่ระลึกเยอะมากกกก ได้เวลาจัดการ ดูดๆๆๆ ค่ะ ขนหายเรียบ ดีงามมม

![](//favflavour.files.wordpress.com/2018/02/e0b984e0b894e0b8aae0b8b1e0b899_180210_0008.jpg?w=478&resize=478%2C717&h=717

038;h=717)

๐ ในรถนี่ก็ไม่เหลือ คือเราทำอาชีพฟู้ดสไตลิสท์ ต้องขนของต่างๆ เยอะแยะ ฝุ่นเยอะมากกก กินข้าวบนรถ อาหารตกลงในซอกอีก เอาหมาไปหาหมอ ขนร่วงเยอะอีก! อันนี้หนักเลย จะให้ไปล้างรถตลอดก็คือไม่ไหว >> คือนางก็เอาอยู่จ้าาา จากขนขาวๆ ของน้องหมาเต็มไปหมด ก็หายไปได้ค่ะ

และนี่คือผลลัพธ์ของขนสัตว์และฝุ่นต่างๆ! เยอะมากกก คุณพระนี่คือดูดยังไม่ทั่วบ้านเลยนะ ฮ่าา ต้องกำจัด! ดึงคันโยกสีแดงที่เป็นสัญลักษณ์ถังขยะผงฝุ่นต่างๆ ก็จะร่วงออกมาละค่ะ ไม่ต้องเลอะมือ ตรงนี้ดี

สรุปลองแล้ว รู้สึกยังไง ?

  • ดีไซน์แปลกใหม่ ไม่รู้ว่าเป็นผู้หญิงยุคเก่ารึเปล่า เพราะความคุ้นตาของเราคือเครื่องดูดฝุ่นขนาดใหญ่ และอันนี้ดีไซน์มันเล็กลงมากเลยขนาดกำลังดี คือมอเตอร์ที่ดูดฝุ่นมันจะอยู่ติดกับมือที่ถือ เลยทำให้สะดวกดีนะ แล้วก็รู้สึกเบาลง ผู้หญิงคนเดียวก็คนได้ไม่ลำบากนะ โอเคอยู่
  • ความไร้สายคือดี ด้วยความที่ไร้สาย เลยสะดวกต่อการย้ายที่ค่ะ ถ้ามีสายชอบแป้กเวลาที่ดูดๆ อยู่ อ่าวสุดสายไปต่อไม่ได้ ฮ่าาอันนี้เป็นแบบชาร์ตแบตเตอรี่ ก็เลยไปได้ทุกที่เลย
  • พร้อบเยอะมาก อุปกรณ์หัวต่อต่างๆ เยอะมากกก เหมือนแบบนักรบที่สามารถเปลี่ยนอาวุธได้หลากหลาย ฮ่าาา หัวใหญ่หัวเล็ก หัวเฉพาะทาง เยอะไปหมดเลย มีมาด้วยกัน 9 ชิ้นเลยค่ะ และก็มีถุงเก็บอุปกรณ์ด้วย
  • แบตเตอรี่พอดีเวลาเหนื่อย คำว่าพอดีเวลาเหนื่อยคือมันสามารถเปิดยาวนานต่อเนื่องได้ราวๆ 40 นาที เป็นระยะเวลาที่กำลังดีในการทำความสะอาดบ้าน เดินไปเรื่อยๆ ได้คาดิโอเบาๆ ไปในตัว จะนานก็ว่าก็ได้นะก็ชาร์ตต่อได้ค่ะ
  • เสียงเบา ปกติดูดฝุ่นทีคือเสียงดังไปทั้งหมู่บ้าน น่ารำคาญมาก ฮ่าาา แต่อันนี้เสียงเบากว่านะ ไม่ดังเท่าไหร่ น้องแมวไม่กลัว ไม่น่าเชื่อ ปกติไดร์เป่าผมก็สลายตัวกันแล้ว

แล้วเลข 3 ก็มาเยือนเรา …. ม่ายยยยย…..

ใครเป็นผู้หญิงแตะเลข 3 กันแล้วบ้างคะ เลขที่ผู้หญิงทุกคนต้องกลัวเพราะอยากเป็นวัยรุ่นกันอยู่เสมอใช่ไหมล่ะ อิอิ แต่จะบอกว่าจริงๆ วัยนี้เป็นวัยที่เรียกว่ากำลังสวยที่สุดต่างหาก เป็นวัยที่สวยสง่า =) แต่แต่แต่! ถึงสวยสง่าแต่ผิวหน้าไม่ผ่านก็ไม่ไหวนะคะทุกคน นอกจากคอลลาเจนในผิวเราจะน้อยลงสู้เด็กๆ ไม่ได้แล้ว ไหนเรายังต้องเจอมลพิษ ฝุ่นควันต่างๆ สารพัด งานนี้เราจะยอมแพ้ไม่ได้ ต้องงัดตัวช่วยมาซึ่งก็คือเหล่าครีมบำรุงและสกินแคร์ต่างๆ นั้นเองค่ะ

การเลือกสกินแคร์ถือว่ามีส่วนสำคัญมากต่อสุขภาพผิวของเรา แต่ละช่วงอายุควรเลือกใช้สกินแคร์ที่มีคุณสมบัติต่างกันให้เหมาะสมกับแต่ละวัย อย่างเด็กๆ ก็อาจจะเลือกเป็นแบบบำรุงธรรมดา ผิวแพ้ง่ายก็ต้องใช้สูตรอ่อนโยน สาววัยขึ้นเลขสามก็ต้องเลือกครีมที่เริ่มบำรุงลึกเป็นพิเศษเช่นกันค่ะ ดูแลกันให้ทั่วทั้งใบหน้าเลย งานนี้เลยเลือก 7 สกินแคร์ตัวเด็ดพิชิตผิวให้ดูเด็ก ไปดูกันว่าแต่ตัวจะมีอะไรน่าสนใจมาแนะนำกันบ้างค่าาา

Drops of Youth TM Youth Liquid Peel

เริ่มดูแลกันตั้งแต่การล้างหน้ากันเลย สำหรับเราเป็นคนผิวแห้งแพ้ง่ายก็เลยจะเลือกตัวที่ให้เนื้อสัมผัสที่อ่อนโยน ตัวที่เราใช่คือ Drops of Youth TM Youth Liquid Peel เป็นเนื้อเจลวิธีใช้ก็คือให้ทาให้ทั่วใบหน้าพร้อมขัดวนเบาๆ เพื่อให้สิ่งสกปรกระหว่างวันต่างๆ หลุดติดมากับเจล ผิวหน้าจะรู้สึกสะอาด สดชื่นเรียบเนียนยิ่งขึ้น และอย่างที่รู้ๆ กันว่า The Body Shop เป็นแบรนด์สกินแคร์ที่เน้นความเป็นออร์แกนิค ไม่มีการทดลองกับสัตว์ ยิ่งรุ่นนี้เขาจะมีส่วนผสมมาจากสเต็มเซลล์สกัดจากพืชธรรมชาติหลัก 3 ชนิด ทำให้ดีต่อผิว อีกทั้งยังบำรุงผิวในขณะล้างหน้าไปด้วย ดีงาม

Mentholatum Acnes Anti-bacterial Blackhead & Oil Control Wash

นอกจากโฟมล้างหน้าแบบปกติแล้ว เราควรจะมีผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสำหรับปัญหาเฉพาะทางของแต่ละบุคคลด้วยค่ะ ส่วนมากที่มักจะเป็นปัญหาคล้ายๆ กันก็จะเป็นพวกสิวเสี้ยน สิวอุดตันอะไรพวกนี้ เราสามารถเลือกใช้เป็นโฟมล้างหน้าแนวสครับๆ หน่อย อย่าง Mentholatum Acnes Anti-bacterial Blackhead & Oil Control Wash

ตัวนี้ก็จะช่วงเรื่องสิวเสี้ยน สิวอุดตันเนี่ยแหละ เพราะว่าเนื้อโฟมล้างหน้าจะมีเม็ดบีทเล็กๆ จากโจโจ้บาร์และตัวนี้ไม่ได้ทำให้หน้าแห้งจนเกินไปค่ะ

Drops of YouthTM Youth Concentrate

สำหรับเซรั่มที่ตอนนี้มาแรงมากๆ ต้องตัวนี้เลยค่ะ Drops of YouthTM Youth Concentrate เซรั่มที่ช่วยป้องกันและเติมเต็มริ้วรอยแห่งวัยอย่างล้ำลึก มองไปทางไหนก็เห็นมีแต่คนใช้ตั้งแต่บล็อกเกอร์ไปยังเพื่อนรอบๆ ตัว ฮ่าา สำหรับตัวนี้ความน่าสนใจของเขาคือสารสกัดที่มาจากสเต็มเซลล์พืช Edelweiss จากเทือกเขาเอลฟ์ ซึ่งเป็นสเต็มเซลล์ที่ใกล้เคียงกับมนุษย์ มีความเสถียรสูง มันก็เลยจะช่วยทำให้ผิวเราแข็งแรงขึ้น ดูยืดหยุ่น เรียบเนียน แม้วัยเลยสามที่คอลลาเจนเริ่มหาย เจ้าตัวนี้จะเข้าไปช่วยกระตุ้นการสร้างปลุกคอลลาเจนให้ตื่นอีกครั้ง! เรียกว่าเป็นผู้ช่วยให้ผิวเราไม่ยอมแพ้เด็กๆ พร้อมซ่อมแซมเซลล์ผิวให้แข็งแรง

kiehl’s nightly refining micro-peel concentrate

สำหรับตอนกลางคืนแนะนำเซรั่มที่ดูแลล้ำลึกเพิ่มเติม บอกเลยว่าสกินแคร์ตัวนี้ดังมากๆ นั้นก็คือ Quinoa Serum ของ Kiehl’s นั่นเอง ตัวนี้จะช่วยในเรื่องการผลัดผิวค่ะ แบบพวกเซลล์ผิวที่ตายแล้วใช้ตัวนี้จะช่วยผลัดผิวอย่างอ่อนโยนทำให้ผิวอ่อนวัยลง ใช้แค่ 2-3 หยดวอร์มๆ บนมือก่อนเล็กน้อยแล้วก็ทาไปทั่วหน้าได้เลยค่ะ ใช้ติดต่อกันซักพักจะเห็นเลยว่าผิวดูกระจ่างใสขึ้น แต่ขอบอกก่อนว่าถ้าใครชอบสกินแคร์แนวกลิ่นหอมๆ ตัวนี้จะไม่ใช่กลิ่นหอมแนวปรุงแต่งนะ เพราะตัวนี้จะมีกลิ่นที่ออกธรรมชาติๆ บางคนอาจไม่ชอบกลิ่นแต่บอกเลยว่าดีงามนะ

Innisfree Jeju Sparkling Mineral Lotion

หลังจากใช้เซรั่มแล้วก็ต้องมาต่อกันด้วยครีม จริงๆ มีให้เลือกหลากหลายประเภทมาก แต่สำหรับสาวคนไหนที่ชอบเนื้อเบาๆ ไม่หนักหน้า (เพราะเราก็ลงสกินแคร์กันหลายตัวมากๆ) แนะนำเป็นประเภทโลชั่นค่ะ ซึ่งโลชั่นที่เราชอบคือตัว Jeju Sparkling Mineral ของ Innisfree ใช้แล้วรู้สึกได้รับความสดชื่นจากธรรมชาติสมกับคอนเซ็ปต์ของแบรนด์นี้เลย นอกจากเซรั่มชาเขียวที่โด่งดังแล้ว ไลน์สปาร์คกลิ้ง มิเนอรัลก็ดีงามนะ โดยเจ้าตัวนี้เขามีส่วนผสมมาจากน้ำแร่ธรรมชาติ ที่เกาะเชจูประเทศเกาหลี ซึ่งเป็นเกาะที่มีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติมากๆ จึงมีพวกแร่ธาตุต่างๆเยอะ สามารถซึมลึกไปได้ทุกอณูกันเลยทีเดียว

Drops Of YouthTM Youth Bouncy Eye Mask

มากกว่าการใช้อายครีมเดี๋ยวนี้ต้องไปถึงอายมาส์กค่ะนั้นก็คืออายมาส์กบำรุงผิวรอบดวงตา Drops Of YouthTM Youth Bouncy Eye Mask บอกเลยว่าตัวนี้น่าสนใจเพราะเขาสามารถใช้เป็นได้ทั้งอายครีม อายมาส์กตอนกลางคืน หรือจะทาระหว่างวันก็ได้นะ ถือเป็นตัวช่วยเรื่องริ้วรอยรอบดวงตาที่สาววัยนี้ต่างก็กังวลกันใช่ไหมคะ วิธีใช้ก็คือนวดเนื้อมาส์กเบาๆ รอบดวงตาทิ้งไว้ซัก 5 นาทีแล้วก็ใช้สำลีเช็ดออกเบาๆ ค่ะ เท่านี้ก็ได้ตาสดใส ไม่หมองคล้ำ ดวงตาดูตื่น เด้งๆสมกับชื่อนางเลยล่ะ! นอกจากนี้อายมาส์กตัวนี้ไม่มีส่วนผสมของพาราฟีนไม่ระคายเคืองแน่นอน ใช้แล้วจะสังเกตุได้เลยว่าริ้วรอยดูจาง ฟื้นฟูได้ชัดเจน ตอบโจทย์เรื่องดวงตาได้จริงจังค่ะ

Laneige Water Sleeping Mask

ฮิตสุดในสามโลกเจ้าแรกๆ ที่ทำ Sleeping Mask ก็ต้องให้เขาเลย Laneige Water Sleeping Mask โด่งดังมากๆ มาส์กตัวนี้ ใช้ตอนกลางคืนค่ะทาได้ทุกวันเลยนะ เพราะว่าเขามีเทคโนโลยี SLEEP-TOXTM ที่ช่วยฟื้นฟูผิวที่อ่อนล้าให้กลับสู่สภาพปกติในยามค่ำคืนเหมือนนอนมาเต็มอิ่ม เหมาะมากกับสาวผิวแห้งและสาววัยเลขสาม เพราะน้ำในผิวเราจะน้อยลง ดังนั้นการใช้มาส์กแบบนี้จะช่วยเติมน้ำให้ผิวดูฉ่ำขึ้น ตื่นขึ้นมาสดใสปิ้งง แถมไม่รู้สึกหนักหน้าเพราะว่าเป็นเนื้อเจลทาง่าย ทาแล้วเย็นๆ หลับสบายเลย

ชริ้งงงง~~ แล้วก็เสร็จขั้นตอนการบำรุงผิวสาววัยเลขสามแล้วค่ะ จริงๆ แล้วแต่ละคนก็มีผิวหน้าที่แตกต่างกัน แต่สำหรับใครที่ผิวแห้งหน่อยและอยู่ในวัยที่ต้องเริ่มบำรุงแบบล้ำลึกก็แนะนำรูทีนนี้เลย อย่าง The Body Shop เซ็ท Drops Of YouthTM นี่คือแนะนำเลย เราชอบที่มันเป็นออร์แกนิค ใช้สารสกัดที่มาจากสเต็มเซลล์พืชที่มีสเต็มเซลล์ใกล้เคียงกับมนุษย์เลยไม่ต้องกังวัลว่าจะกลัวแพ้เลยค่ะ ครีมอาจจะเลือกตามที่ชอบกันเลยก็ได้แต่ถ้าไม่อยากหนักหนาเป็นโลชั่นก็ดีค่ะ แล้วก็ปิดท้ายด้วย Sleeping Mask คือดีงามเลย รับรองว่าจะช่วยฟื้นฟูหน้า สู้ทุกสถานการณ์ค่ะ =)

Teddy’s Bigger Burger

ถ้าพูดถึงเบอร์เกอร์แบบพรีเมี่ยม คัดคุณภาพ ใช้วัตถุดิบแบบดีเยี่ยมแล้วหล่ะก็ เฟย์ขอแนะนำนี่เลยค่ะ Teddy’s Bigger Burgers Thailand ซึ่งเป็นเบอร์เกอร์แบบ made to order หมายความว่าจะทำเมื่อลูกค้าสั่ง ดังนั้นความสดใหม่การันตีได้เลย เนื้อที่ใช้ก็ไม่ได้ไก่กาอาราเล่นะ ทางร้านใช้เป็นเนื้อวัวออสเตรเลียนแองกัส เนื้อเน้นๆ โนแป้งนะ แถมขนาดก็ใหญ่จุดใจเลือกได้สามไซส์คือ 5 / 7 / 9 ออนซ์ ค่ะ

ความน่าสนใจของ Teddy’s Bigger Burgers Thailand เฟย์ขอยกให้สามอย่างค่ะ อย่างแรกคือเราสามารถเลือกระดับของความสุกได้ บร๊ะ! อย่างกับสั่งสเต็กเลย คือบางตัวสั่งเป็นมีเดียมแรร์แล้วดีกว่าจริงๆ อย่างที่สองก็คือตัวแป้งเบอร์เกอร์ค่ะ เขาจะใช้ส่วนผสมของมันฝรั่ง (Potato Bun) ทำให้แป้งมีความหวานนุ่ม ทิ้งไว้นานก็ไม่เหนียว อย่างสุดท้ายก็คือ DIY Burger อยากอินดี้เลือกไส้เบอร์เกอร์เองก็ทำได้นะ มีให้เลือกกว่า 20 ชนิดเลย

ว่าแต่รู้ไหมว่า Teddy’s Bigger Burgers Thailand นี่นำเข้ามาจากที่ไหน? Teddy’s Bigger Burgers Thailand เป็นเบอร์เกอร์ต้นตำรับจากฮาวาย ไซส์ใหญ่จุใจสมชื่อเขาเลยหล่ะ บอกเลยว่าเจ้านี้ดังมากกก ฮิตสุดพลังทุกคนควรกรีดร้องให้กับความดีงามที่มีในไทย เพราะนี่เป็นเบอร์เกอร์ที่ไปมาทั่วแล้วนะจ๊ะ มีสาขาทั้งที่อเมริกา ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ ซาอุดิอาระเบีย รวมถึงประเทศไทย แถมในไทยเองก็มี 3 สาขาแล้วนะ ได้แก่ เกตเวย์เอกมัย ชั้น G, เซ็นทรัลพลาซ่า ปิ่นเกล้า ชั้น G และเซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 7 ซึ่งสาขาที่เฟย์มารีวิวในคราวนี้คือที่ Gate Way เอกมัยค่ะ ร้านใหญ่มากเลยมีที่นั่งเยอะแยะ โดยร้านจะอยู่ชั้น G ค่ะ

BURGERS

Original Beef Burger

ประเดิมตัวแรกก็ต้องจัดออริจินอลของร้านค่ะ สำหรับในรูปจะเป็นไซส์ 7 ออนซ์ ใหญ่จุใจอิ่มแน่นอน เราสามารถเลือกระดับความสุกได้ตามชอบ แต่แนะนำเป็น Medium rare จะทำให้เนื้อยังได้รับความฉ่ำๆ ไม่แห้ง คงรสชาติของเนื้อได้อย่างดีค่ะ ราคา : 300 บาท

Grilled Chicken Bacado Burger

เบอร์ตัวนี้เป็นส่วนผสมของเบคอน กับอโวคาโด ก็เลยกลายเป็น บาคาโด้เนี่ยแหละค่ะ ไส้ของตัวนี้ก็จะมีอกไก่ย่าง มีเชดด้าชีส อะโวคาโด และเบคอน ได้ความนัวๆ จากอโวคาโด้แล้วฟินมากกก ราคา : 280 บาท

Beef Western Burger

อันนี้มันคือที่สุดค่ะคุณ~~ เบอร์เกอร์สำหรับสายเนื้อและไม่ต้องการผัก ฮ่าาาา ตัวนี้เป็นเนื้อขนาด5ออนซ์ ตามด้วยเชดด้าชีส เบคอน หอมทอด และบาร์บีคิวซอส ช่างเข้ากันสุดๆ ส่วนตัวเฟย์ชอบอันนี้ที่สุดเลยค่ะ ราคา : 325 บาท

Pork Hawaiian Burger

เบอร์เกอร์สไตล์ฮาวายก็ต้องมีสับปะรดสิจ๊ะ ตัวนี้ถ้าคุณไม่กินเนื้อก็ต้องจัดค่ะ เพราะเป็นเบอร์เกอร์หมู ราดด้วยซอสเทริยากิ มีผักต่างๆ จากไม่ได้คือสับปะรดย่างตัดรสชาติให้แปลกใหม่ น่าสนใจ ราคา : 225 บาท

The Ultimate Bacon Weave Burger

อีกหนึ่งเมนูหมูค่ะ เมนูนี้เป็นชิ้นเนื้อหมูบดความอลังการของนางคือห่อด้วยเบคอนพันทั้งก้อน!! โปะชีสไปอีก กรี้ดดด >< ถือเป็นการรวมความอร่อยไว้ในเมนูเดียว ใครล่ะจะอดใจไหว ถ้ามีเบคอนกรอบๆ ด้วยอีกก็คงจะดี อิอิ ​ ราคา : 195 บาท

Side Dish

มาถึง Side dish กันบ้าง กินเบอร์เกอร์อย่างเดียว เดี๋ยวจะน่าเบื่อสั่งเมนูอื่นๆ มาแบ่งกันกินเพิ่มความสนุกไปอีกขั้น =)

Cheese Meatball Au Gratin มีทบอลอบชีส ชีสยืดอะไรเบอร์นั้นป้าดดดดด >< ซอสมะเขือเทศแบบโฮมเมด กับชีสยืดๆ แค่นี้ก็ทำให้พี่มีความสุข ราคา : หมู 125 บาท / เนื้อ 145 บาท

Cheezzee Fries เฟย์ชอบอันนี้สุดเลยอ่ะ เฟรนช์ฟรายราดซอสชีส จะมีอะไรสู้ได้? หลังจากที่ไปสอบถามมาว่าทำไมเฟรนช์ฟรายอันนี้มันไม่เหมือนทั่วๆ ไปก็เลยรู้ว่าเพราะของทางร้านจะใช้มันฝรั่งเป็นแบบ skin on คือยังมีเปลือกติดอยู่ ว่ากันว่าเป็นส่วนที่ดีที่สุด! ตบด้วยชีสซอส ฟินน ราคา : 75 บาท

Tater Tots จิ๋วแต่แจ๋วข้ายกให้เธอ! ดูเหมือนจะธรรมดาแต่กินเพลินจริง รู้ตัวอีกทีหมดแล้ว จริงๆก็จะคล้ายแฮชบราวอะแหละ แต่รูปทรงที่นี้จะเป็นทรงกระบอกสั้นๆ เรียกว่า เทเทอร์ ท็อตส์ ค่าา ราคา : 75 บาท

Ceasar Salad ซีซ่าร์สลัดของดีที่คุณคู่ควร คิดไม่ออกบอกซีซ่าร์สลัด กินเล่นเพลินๆ ราคา : 160 บาท​

Vinaigrette Salad สลัดน้ำใสถูกใจคนรักษาหุ่น อยากกินสลัดแบบเบาๆ ก็ลองเป็นตัวนี้ได้เลยจ้าา ราคา : 160 บาท

DRINKS

สำหรับเมนูเครื่องดื่มก็มีหลายอย่างนะ แต่เฟย์ว่ามากินเบอร์เกอร์หนักๆ กินของทอดเยอะๆ มันต้องจัดอิตาเลี่ยนโซดาซ่าๆ ล้างปากซักหน่อยก็น่าจะดี มีอยู่ด้วยกัน 5 รสชาติค่ะ (เรียงจากซ้ายไปขวานะ)

  • Freshy Rainbow (Rasberry Flavor) 95 บาท
  • Volcano (Strawberry Flavor) 95 บาท
  • Deep Ocean (Blue Hawaii Flavor) 95 บาท
  • Waikiki (Apple flavor) 95 บาท
  • Aloha Hawaii (Orange Flavor) 95 บาท

ถ้าอ่านเสร็จแล้วเริ่มหิว ทำไง? จัดไปสิคะ!! ตามไปตำร้าน TEDDY’S BIGGER BURGERS : CRAFT BURGER ต้นตำรับจาก ฮาวาย รสชาติของความสะใจ มีอยู่ด้วยกัน 3 สาขาค่ะ สะดวกที่ไหนไปที่นั่นได้เลย

  • ชั้น G CentralPlaza Pinklao
  • ชั้น G Gateway Ekamai
  • ชั้น 7 Central world

หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่เฟสบุ๊ค teddy’s bigger burgers thailand ค่าาา

ถ้าชอบก็กดไลค์กดแชร์เป็นกำลังใจให้เฟย์หน่อยน้าาา จะได้มีแรงเขียนคอนเทนท์ออกมาให้ทุกคนได้อ่านกัน เลิฟๆ =)

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาไทย โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน lmyour แปลภาษา แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip ไทยแปลอังกฤษ ประโยค แอพแปลภาษาอาหรับเป็นไทย ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 แปลภาษาอาหรับ-ไทย Terjemahan พจนานุกรมศัพท์ทหาร หยน แปลภาษา มาเลเซีย ไทย Bahasa Thailand ข้อสอบภาษาอังกฤษ พร้อมเฉลย pdf บบบย tor คือ จัดซื้อจัดจ้าง การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 4 ชขภใ ยศทหารบก เรียงลําดับ ห่อหมกฮวกไปฝากป้า หนังเต็มเรื่อง เขียน อาหรับ แปลไทย แปลภาษาอิสลามเป็นไทย Google map กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมออนไลน์ กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย ค้นหา ประวัติ นามสกุล อาจารย์ ตจต แจ้ง ประกาศ น้ำประปาไม่ไหล แปลบาลีเป็นไทย แปลภาษา ถ่ายรูป แปลภาษาจีน แปลภาษามลายู ยาวี โรงพยาบาลภมูพลอดุยเดช ที่อยู่ Google Drive Info TOR คือ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ช่างไฟฟ้า กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมฟรี 2566 กลยุทธ์ทางการตลาด มีอะไรบ้าง การบริหารทรัพยากรมนุษย์ มีอะไรบ้าง การประปาส่วนภูมิภาค การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 3 ขขขขบบบยข ่ส ข่าว น้ำประปา วันนี้ ข้อสอบโอเน็ต ม.6 มีกี่ตอน ตารางธาตุ ประปาไม่ไหล วันนี้