อยากทราบว่า King Power ที่ขึ้นชื่อว่า Duty Free นี่ของถูกจริงๆหรอครับ ผมเคยไปต่างประเทศเมื่อหลายปีที่แล้ว จำได้ว่าร้านขายของหลายร้านในสนามบิน มีราคาสูงมากกก แค่น้ำเปล่าก็แพงกว่าหลายเท่าตัวเลย แต่เพื่อนบอกว่าร้าน King Power จะขายของที่เป็น Duty Free จึงอยากทราบว่าของข้างในถูกกว่าข้างนอกจริงหรอครับ และถ้าผมอยากจะใช้บริการได้ที่ไหนอีกบ้าง ขอบคุณครับ
0
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
พอดีจะไปฮ่องกงสิ้นเดือนนี้ครับ เพื่อนบอกว่า สามารถใช้ใบจองตั๋ว ไปซื้อของที่ Duty Free ก่อนได้ รายละเอียดเป็นอย่างไรครับ ไปซื้อแล้วฝากไว้ก่อนได้? ซื้อได้ทั้งไปและกลับใช่เปล่าครับ แล้ว ที่ตั้งของ Duty Free ในสนามบินดอนเมือง และ ที่ฮ่องกง อยู่ตรงไหนครับ
ผมเพิ่งเดินทางกลับมาจากอเมริกา เดินทางถึงเมืองไทยวันที่ 27 มกราคม 2560 เวลาประมาณตีห้า โดยการไปอเมริกาครั้งนี้ผมและแฟนได้เดินทางเพื่อไปเยี่ยมญาติที่นั่น
เหตุเกิดจากการที่ผมได้นำของฝากจำนวนหนึ่งจากญาติที่ซื้อเผื่อฝากให้ผมมาให้ญาติๆที่เมืองไทย เป็นของจำพวก กระเป๋า รองเท้า นาฬิกา และมีของที่ผมและแฟนซื้อมาเพื่อใช้เองอีกนิดหน่อย
วันเกิดเหตุผมและแฟนรับกระเป๋าแล้วก็เดินออกมาตามปกติ ซึ่งทางผมก็เดินออกมาตามช่องไม่มีสินค้าต้องสำแดง (ช่องเขียว) ตรงนี้ผมยอมรับครับว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ที่เดินออกช่องนี้ เพราะทุกครั้งที่ไปต่างประเทศก็ออกช่องนี้ตลอด แต่ครั้งนี้ จนท.ศุลกากรเรียกผมเพื่อขอตรวจกระเป๋า
เมื่อเจ้าหน้าที่ทำการตรวจกระเป๋าผม ก็แจ้งผมว่าผมมีความผิดเพราะมีสินค้าต้องสำแดง คือต้องไปเสียภาษีที่ช่องแดง ซึ่งทางผมและแฟนก็แจ้งไปว่าขอโทษที่เราไม่รู้จริงๆ และยินดีไปชำระภาษีที่ช่องสีแดง แต่ทาง จนท.แจ้งว่าไม่ให้ไปครับ ไม่ยอมให้ผมไปเสียภาษี แต่พาผมและแฟนพร้อมทั้งสัมภาระทั้งหมดไปอีกห้องนึง ซึ่งผมก็แย้งไปว่า ผมไม่ทราบว่าต้องไปช่องแดงและตอนนี้ผมยินดีที่จะไปชำระภาษีทั้งหมด เนื่องจากของที่ผมนำมาตั้งใจจะนำมาฝากญาติๆ เท่านั้น และแต่ละชิ้นไม่ได้มีมูลค่าสูงเป็นหมื่นเป็นแสน ไม่ได้จะเอามาเพื่อไปขายแต่อย่างใด แต่ จนท.ยังยืนยันที่จะไม่ยอมให้ผมไปชำระภาษีครับ ถึงตรงนี้ผมเริ่มไม่เข้าใจ ถ้าจะบอกว่าผมมีความผิดที่ส่อว่าจะลักลอบนำของเข้าโดยไม่เสียภาษีก็ได้ แต่ผมก็แสดงความบริสุทธิ์ใจแล้วด้วยการที่ขอให้ทาง จนท.พาผมไปเสียภาษีครับ
หลังจากที่ จนท.พาผมและแฟนเข้ามาอีกห้องนึงแล้ว ก็แจ้งให้ผมทราบว่าผมถูกจับกุม มีความผิดทางคดีอาญา …. อ้าวววว ถึงตรงนี้ผมงงครับ อะไรยังไง
จนท.ได้ทำการรื้อกระเป๋าผมและแยกของต่างๆออกมาเรียงบนโต๊ะ ซึ่งของที่แยกออกมามีทั้งของฝาก ของที่ซื้อมา และของเก่าของผมและแฟนที่ใช้แล้ว มาถึงตอนนี้ เค้าจะเอาของทั้งหมดเลยครับ กระเป๋าที่แฟนผมใช้แล้ว แว่นตาของผมที่ติดตัวไปจากเมืองไทย นาฬิกาเก่า เข็มขัดเก่า ซึ่งผมต้องมาขอร้องทีละชิ้นและอธิบายว่าเป็นของที่ใช้มาเป็นปีแล้ว ซึ่งทาง จนท.ก็ค่อยๆคืนมาทีละชิ้น (ถ้าไม่ขอร้องคงจะเอาหมดเลย)
ทีนี้มาถึงของที่เป็นเสื้อผ้าครับ มีเสื้อผ้าเก่าที่พี่สาวใส่ไม่ได้แล้ว เลยฝากมาให้ญาติที่เมืองไทย เค้าก็จะเอา... เสื้อผ้าที่ซื้อมาฝากหลานอายุแปดเดือนและเก้าขวบ เค้าก็จะเอา ทางผมจึงขอร้องอีกครั้งว่าขอเถอะครับ สุดท้ายเลยได้คืนมา
มาถึงของที่โดนยึดจริงๆละคับ เป็นพวกกระเป๋าถือ กระเป๋าตังค์ นาฬิกาข้อมือ และรองเท้าผ้าใบ ทาง จนท.แจ้งผมว่าผมถูกจับเป็นผู้ต้องหา จะถูกดำเนินคดี แต่คดีนี้ยอมความได้นะ...โอเค เค้าก็เอาเอกสารมาให้ผมเซ็นต์ แต่ผมยังไม่เซ็นต์ครับ ทีนี้แฟนผมเลยถามว่าตามข้อกฎหมายที่พอรู้มาคือเราสามารถซื้อของกลับมาไทยได้คนละไม่เกินสองหมื่นบาทใช่รึเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้นผมกับแฟนสองคนก็น่าจะนำของเข้ามาได้โดยมีมูลค่ารวมกันสี่หมื่นบาท...ถูกต้องมั้ยครับ แต่ทาง จนท.บอกว่า คนละสองหมื่นนี่คือนับรวมของใช้ ของส่วนตัวทุกอย่างที่นำติดตัวไปจากเมืองไทยด้วยนะ....อ้าวววววว งงดิครับ งี้ถ้าผมเกิดมีเงินใส่นาฬิกาเรือนละแสนไปจากเมืองไทย ขากลับมานี่ผมจะโดนยึดใช่มะ.... มาถึงตรงนี้ จนท.บอกว่าก่อนจะออกไปนอกประเทศให้เราไปแสดงก่อนว่าเราเอาอะไรออกไปบ้าง... คือตรงนี้ผมคิดว่าคงมีไม่กี่ท่านที่ทำแบบนั้นนะครับ เพราะปกติเราก็คงจะใส่เสื้อผ้า เครื่องประดับไปเลยจากบ้าน คือถ้าจะแต่งตัวอะไรไปเที่ยวต่างประเทศแล้วต้องไปแจ้งกับศุลกากรอีกว่า ผมใส่เสื้อผ้ายี่ห้อนี้ นาฬิกายี่ห้อนั้น กระเป๋าใบนี้ใบนั้น เอาติดตัวไปเที่ยวด้วย รวมเป็นราคาทั้งหมด บลา บลา บลา … ดูจะลำบากไปนะครับ
ทีนี้ทาง จนท. มาบอกให้ผมยอมความ บอกว่าเดี๋ยวจะส่งเรื่องผมไปที่นิติกร แล้วให้ผมยอมรับผิดเซ็นต์ยินยอมให้ของที่ยึดทั้งหมดตกเป็นสมบัติของแผ่นดิน ถ้าผมไม่ยอมความก็จะต้องขึ้นศาล... คือแลดูกลายเป็นเรื่องใหญ่เหมือนผมเป็นผู้ลักลอบนำเข้าของผิดกฎหมาย แต่ผมขอเลื่อนนัดวันที่จะไปเซ็นต์เอกสารออกไปอีกวัน ทาง จนท.ก็เลยพิมพ์เอกสารขึ้นมาหนึ่งฉบับเผื่อให้ผมเซ็นต์ พร้อมกับยึดพาสปอร์ตและเงินประกันตัว 5,000 บาท คือถ้าไม่เซ็นต์กลับบ้านไม่ได้ครับ
ในใจความเอกสารระบุว่าผมเป็นผู้ต้องหา ยอมรับผิดในข้อกล่าวหา...คือว่า มีทางเลือกให้ผมมั้ยอ่ะ ขอไปเสียภาษีก็ไม่ยอมให้ไป คือจะให้ผิดและยึดของอย่างเดียว
ในเอกสารระบุอีกว่า ผมสามารถเรียกขอทนายได้..คือว่า พี่ๆไม่บอกสิทธิ์ข้อนี้ผมเลยนะครับตอนแรก ถ้าบอกนี่ผมจะขอนะเพราะเอาจริงๆผมก็ไม่ได้รู้กฎหมายศุลกากรแบบละเอียด หรือสิทธิของผมว่าทำอะไรได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่คือ ณ เวลานั้น เอกสารอยู่ตรงหน้า ให้ผมอ่านและต้องเซ็นต์ ไม่งั้นไม่ได้กลับบ้าน
ผมสอบถามต่อ...ถ้าสมบัติตกเป็นของแผ่นดินแล้วทำไงต่อครับ จนท.แจ้งว่าถ้าผมต้องการซื้อคืนให้มายื่นคำร้อง แต่ซื้อคืนเป็นชิ้นๆไม่ได้นะ ต้องซื้อคืนทั้งหมด และราคาที่ซื้อคืนจะต้องให้ฝ่ายประเมินราคา ตีราคากลับมาก่อนว่าต้องซื้อคืนในราคาเท่าไหร่...คาดว่าราคาคงแรงมากแน่ๆ
ในเอกสารระบุว่า... จนท.ทำการสอบสวนดำเนินการอย่างมีมารยาท อันนี้จริงครับ เอาน้ำ เอากาแฟมาให้ระหว่างที่รอ แต่เอกสารระบุอีกว่าดำเนินการโดยไม่ได้บังคับ...คือพวกพี่ๆไม่ได้บังคับผมเลยครับ แต่ไม่ให้ทางเลือกเลยเช่นกัน
ผมถาม จนท.ว่า พี่มาจับผมเนี่ย ทำไมพี่ไม่ไปไล่จับพวกพ่อค้าแม่ค้าที่ทำพรีออเดอร์สินค้าจากเมืองนอกล่ะคับ อันนั้นทำเป็นธุรกิจเป็นเรื่องเป็นราว... จนท.ตอบว่า พยายามสืบหาข้อมูลอยู่ เอ่อ…ข้อมูลอะไรคับ ผมเห็นเปิดให้สั่งกันเกลื่อตามหน้าเฟซบุ๊ค แถม จนท.ยังบอกอีกว่า ส่วนมากคนที่ทำเป็นพวกแอร์โฮสเตส หรือคนที่ทำงานให้สายการบิน สนามบิน…คือแล้วพี่จับบ้างมั้ยครับ (ผมไม่ได้ยุให้เค้าไปจับใครนะครับ เวลานั้นแค่พูดคุยซักถามเค้าเท่านั้นครับ)
ในตอนสุดท้าย จนท.มาพูดกับผมว่า "เห็นใจเค้าหน่อยนะ เค้าต้องทำยอด ต้องจับและยึดสินค้าให้ได้ตามเป้า มันมี KPI ชี้วัด" ผมก็เพิ่งรู้ครับว่ามีแบบนี้ ใครเป็นคนคิดวิธีการทำงานของ จนท.แบบนี้ครับ อย่างนี้ก็จับกันสนุกเลย ทำยอด ทำเป้า ได้ค่าเปอร์เซ็นต์ โบนัส เลยจับหมด ต้องยึด ไม่รอมชอม จะได้มีผลงาน.. แบบนี้มันถูกต้องหรอครับ
ทีนี้ผมขอตั้งข้อสังเกตหน่อยครับว่า - พวกข้าราชการ นักการเมือง ที่เดินทางต่างประเทศแล้วขนกระเป๋ากลับมากันหลายๆใบ ซื้อของแบรนด์เนมแพงๆ มีช่องทางเข้าออกพิเศษ วีไอพี จนท.กรมศุลกากรไปตรวจจับมั้ยครับ - -พวกดารา เซเลปทั้งหลายที่ถือกระเป๋า ใส่นาฬิกาแพงๆ ช้อปปิ้งเก่งๆ ตอนเดินทางกลับเข้าประเทศ จนท.กรมศุลกากรไปตรวจกระเป๋ามั้ยครับ หรือมีการแจ้งก่อนออกเดินทางมั้ยครับว่า ใส่อะไรออกไปบ้าง เป็นจำนวนเงินกี่บาท - แล้วการที่ประชาชนอย่างผม เดินเข้าผิดช่องเนี่ย ถึงขนาดต้องจับกุม ยึดของกันเลยหรอคับ จะให้ทางเลือกกันแบบว่า เออน้องมีสองทางเลือกนะ คือไปจ่ายภาษีให้ถูกต้องก่อนนำของเข้าประเทศ กับถ้าน้องไม่ยอมจ่ายภาษีทางศุลกากรจะยึดของไว้แล้วจะดำเนินคดี ทำแบบนี้ได้มั้ยครับ
สุดท้ายผมคงต้องจำใจให้ของที่ญาติฝากมาให้ญาติเพื่อแทนความคิดถึงโดนยึดไปครับ ผมไม่ได้ติดใจเรื่องของมูลค่าตัวเงิน แต่เป็นเรื่องของคุณค่าทางจิตใจที่ความตั้งใจของญาติที่อยู่ห่างไกลกัน จะแสดงความระลึกถึงกันได้ผ่านทางสิ่งของหรือของขวัญเล็กๆน้อยๆ
ผมนำมันข้ามน้ำข้ามทะเลมาให้แล้วนะครับ คุณพ่อ คุณแม่ คุณย่า คุณอา และน้องๆ แต่ขอโทษที่ไปไม่ถึงมือทุกคนครับ...ศุลการกรไทยเค้าเอาไปแล้ววววว