ทีม (Team) คือ การที่บุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปมาทำงานร่วมกัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพ และผู้ปฏิบัติงานต่างก็เกิดความพอใจในการทำงาน
การทํางานเป็นทีม ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพภายในองค์กรเนื่องจากทำให้วัตถุประสงค์รวมขององค์ประสบความสำเร็จสูงสุดโดยสมาชิกในทีมประสบความสำเร็จสูงสุด โดยสมาชิกทีมมีความพอใจในการทำงาน และมีความพึงพอใจในเพื่อนร่วมงาน
การสร้างทีมงาน (Team-Building)
การสร้างทีมงาน คือ การจัดการด้านพลังกลุ่มคนที่มีจุดมุ่งหมายร่วมกันและต้องทำงานร่วมกัน เพื่อให้จุดมุ่งหมายขององค์กรสัมฤทธิ์ผลโดยมีความตระหนักถึงความรู้สึกนึกคิด และจิตใจของสมาชิก การทำงานเป็นทีมจำเป็นต้องขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของการปฏิบัติงานของแต่ละคนในทีม การบริหารงานเป็นทีมจำเป็นต้องรูปแบบการบริหารในลักษณะแนวนอน เพื่อเพิ่มช่องทางการสื่อสาร การให้คุณค่าในภาวะผู้นำของทีมงานตามความสามารถของสมาชิกด้วยการมอบพลังอำนาจในงาน สร้างแรงยึดเกาะในหมู่สมาชิกให้เกิดความรักใคร่ปองดองกันและการเอื้ออาทรช่วยเหลือกันเพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จของงาน ดังนั้นจุดประสงค์ของการพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการการทำงานเป็นทีมจึงต้องพิจารณาภาวะผู้นำของสมาชิกในทีมนอกเหนือไปจากภาวะผู้นำทีมด้วยเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีประสิทธิภาพจากทีมงาน
ทุก ๆ ความสำเร็จของงานแต่ละโปรเจกต์ ประกอบมาจากความคิดและการลงมือทำของคนในทีม งานส่วนใหญ่มักจะสำเร็จได้ด้วยการพึ่งพาการทำงานของกันและกัน ในโลกของการทำงาน “การทำงานเป็นทีม” จึงเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญอันเป็นรากฐาน ที่ช่วยให้องค์กรประความสำเร็จได้ ทั้งนี้การทำงานเป็นทีม ยังถือเป็น ทักษะที่จำเป็นในการทำงาน อีกด้วย
การทำงานเป็นทีม คืออะไร
การทำงานเป็นทีม คือ การทำงานมากกว่า 1 คนขึ้นไป จำนวนคนในทีมขึ้นอยู่กับหน้าที่และความรับผิดชอบที่มีในการทำงานแต่ละโปรเจกต์ ภายใต้เงื่อนไขกรอบการทำงานเพื่อวัตถุประสงค์เดียวกัน ผ่านการวางแผนการทำงานร่วมกันเพื่อไปยังปลายทางที่ตั้งไว้ โดยวิธีการทำงานอาจจะแตกต่างกันไปได้ตามความถนัดของแต่ละคน แต่สุดท้ายแล้วผลลัพธ์ที่ได้จะต้องออกมาตรงกัน ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นการทำงานเป็นทีมที่ดี
หลักการทํางานร่วมกันหรือการทำงานเป็นทีมอย่างมีความสุข
การทำงานเป็นทีมอย่างราบรื่นและสร้างสรรค์นั้น มีหลักการทำงานร่วมกันง่าย ๆ ที่ทำแล้วได้ประสิทธิภาพ ดังต่อไปนี้
- จริงใจและเชื่อใจกัน ทั้งสองสิ่งนี้เป็นพื้นฐานของทุกความสัมพันธ์ที่ดี การทำงานเป็นทีมเองก็เช่นกัน หากคนในทีมมีความจริงใจให้แก่กัน เชื่อใจกัน และเชื่่อในความสามารถของกันและดกัน งานก็ออกมาก็จะดีภายใต้บรรยากาศการทำงานที่สนุกสนาน
- มีระบบการทำงานและเป้าหมายเดียวกัน หากกำหนดทิศทางและปลายทางที่ชัดเจนแล้ว อย่าลืมวางกรอบและระบบการทำงานให้ชัดเจนควบคู่ไปด้วย เมื่อเส้นชัยและโครงสร้างแข็งแรงแล้ว การทำงานเป็นทีมก็จะสำเร็จได้ง่ายขึ้น เพราะทั้งหมดนั้นเดินไปในแนวเดียวกัน
- การสื่อสารคือสิ่งสำคัญ เมื่อทำงานร่วมกับคนมากกว่าหนึ่งคน ความเข้าใจคือสิ่งสำคัญ ซึ่งการสื่อสารที่ดีจะช่วยให้การทำงานเป็นทีมบรรลุไปถึงเป้าหมายได้ง่ายขึ้น โดยการพูดคุยกันอยู่เสมอ รวมถึงการสื่อสารที่ชัดเจน ตรงไปตรงมา
เปรียบเทียบการทำงานคนเดียว VS การทำงานเป็นทีม
ทุก ๆ วิธีการทำงานไม่ว่าจะทำงานแบบไหน ล้วนมีจุดแข็งจุดอ่อนต่างกันไป การเลือกวิธีการทำงานคนเดียวหรือการทำงานเป็นทีมไปใช้นั้น ขึ้นอยู่กับการบริหารขององค์กรและรูปแบบของเนื้องานด้วย มาดูกันว่าการทำงานคนเดียวมีความเหมือนหรือแตกต่างจากการทำงานเป็นทีมอย่างไร
- ทำงานคนเดียวรวดเร็วกว่าการทำงานเป็นทีม ทำงานคนเดียวเสร็จเร็ว เป็นไปอย่างที่คิดแต่เหนื่อยกว่าทำงานเป็นทีมในบางครั้ง เพราะทำงานเป็นทีมรับผิดชอบเป็นส่วน ๆ อาจจะใช้เวลามากกว่า รอนานกว่า ใช้เวลาในการทำความเข้าใจกันนานกว่า
- ทำงานคนเดียวตัดสินใจได้เร็วกว่าการทำงานเป็นทีม ในการทำงานชิ้นใดชิ้นหนึ่งบ่อยครั้งที่ต้องมีการตัดสินใจเลือกวิธีหรือเลือกบางสิ่งบางอย่างในการทำงาน ซึ่งหากเป็นงานที่ทำคนเดียว จะทำให้ตัดสินใจได้ไวกว่า ส่วนการทำงานเป็นทีมอาจต้องนัดประชุมเพื่อหารือและหาข้อสรุปร่วมกัน
- การทำงานเป็นทีมได้ไอเดียหลากหลายและสร้างสรรค์กว่าทำงานคนเดียว หลายหัวดีกว่าหัวเดียว ประโยคนี้เป็นประโยคที่แสดงให้เห็นถึงข้อดีของการทำงานเป็นทีมอย่างชัดเจน การมีคนหลาย ๆ คนช่วยกันคิด จะทำให้ได้แนวคิดที่หลากหลายเพื่อนำไปปรับใช้กับงานได้มากขึ้น
- การทำงานเป็นทีมได้ทำงานตรงกับความสามารถมากกว่าทำงานคนเดียว ขึ้นชื่อว่าทีม แน่นอนว่าคนทำงานมีมากกว่า 1 คนแน่นอน งานย่อมถูกกระจายออกไปตามความถนัดของแต่ละคน อย่าลืมว่าการทำงานที่ตรงกับความสามารถของคน จะช่วยให้ได้งานออกมาดีและมีประสิทธิภาพ
10 วิธีทำงานเป็นทีม ใช้งานได้จริง
พอจะเห็นภาพและความสำคัญของการทำงานเป็นทีมไปบ้างแล้ว ทีนี้มาดูวิธีที่จะทำให้การทำงานเป็นทีมให้ประสบความสำเร็จกันบ้าง จะยากง่ายแค่ไหน ไปดูกัน!
1. ให้ความสำคัญกับทุกความเห็นของคนในทีม
สิ่งหนึ่งที่ทำให้พนักงานรู้สึกมีคุณค่าต่อการทำงานเป็นทีม คือการที่สมาชิกในทีมหรือหัวหน้ารับฟังและทำความเข้าใจกับไอเดียที่นำเสนอไป แสดงให้เห็นถึงการเคารพความคิดของทุกคนอย่าเท่าเทียมกัน อย่างไรก็ตามอาจจะเพิ่มสีสัน ด้วยการมีรางวัลให้ทีมที่มีผลงานเกินเป้า สิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้อาจเป็นกำลังใจช่วยให้คนในทีมสนุกกับการทำงานเป็นทีมมากขึ้น
2. เข้าใจถึงบทบาทและความรับผิดชอบของแต่ละคน
การทำงานเป็นทีมจะประสบความสำเร็จได้นั้น ทุกคนในทีมต้องรู้ในหน้าที่ของตัวเองเสมอ รวมถึงเคารพในบทบาทของเพื่อนร่วมทีมคนอื่นเช่นกัน ไม่ก้าวก่ายกันแต่สามารถแนะนำด้วยความหวังดีและจริงใจต่อกัน เพื่อให้การทำงานเป็นทีมเป็นไปด้วยความราบรื่น
3. ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน
การมีเป้าหมายปลายทางที่ชัดเจน จะช่วยให้การทำงานเป็นทีมมีประสิทธิภาพมากขึ้น เดินไปตามกรอบไม่ออกนอกทาง รู้ว่าต้องไปแนวไหนให้ไม่หลงทางจนเสียแผน ทั้งหมดนั้นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการของการทำงาน
4. มีสื่อสารกันอยู่เสมอ
การสื่อสารนั้นหมายถึง การสื่อสารความคิด บอกเล่าปัญหา หรือแลกเปลี่ยนวิธีการทำงานหรือเครื่องมือต่าง ๆ ที่ช่วยให้การทำงานสะดวกขึ้น รวมไปถึงรับฟังกันให้มากที่สุด เคารพกันและกัน ผู้ฟังก็ควรที่จะรับคำแนะนำที่ได้รับมาพิจารณาอย่างเปิดใจ
5. ตัดสินใจร่วมกัน
เริ่มด้วยการเปิดโอกาสให้ทุกคนในทีมได้แสดงความเห็น และตัดสินใจหาทางออกร่วมกัน หรือแม้กระทั่งเหตุการณ์ที่เน้นความฉับไวในการตัดสินใจที่ทำไปแล้ว คนที่ตัดสินใจก็ควรอธิบายถึงสาเหตุที่เลือกตัดสินใจไปแบบนั้นกับทีม รวมถึงรับฟังข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของคนในทีมด้วย เพื่อแสดงความเคารพการทำงานเป็นทีม
6. สร้างความสัมพันธ์และความไว้วางใจที่ดีต่อกัน
สนับสนุนและให้กำลังใจเพื่อนร่วมทีมอยู่เสมอ เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์อันดีต่อกัน มีบรรยากาศการทำงานที่ดี คนทำงานมีความสุข ทั้งนี้ความไว้ใจกันสามารถเกิดขึ้นได้บนพื้นฐานของการเชื่อในทักษะความสามารถของทุกคนในทีม
7. ทำกิจกรรมนอกเหนือจากงานร่วมกัน
เรียนรู้ตัวตนของเพื่อนร่วมทีมในมุมผ่อนคลายดูบ้าง ก็ถือเป็นกลยุทธ์ที่ดีในการทำงานเป็นทีม โดยจัดกิจกรรมเช่น กินข้าวเที่ยงร่วมกัน ไปร้องคาราโอเกะตอนเย็นหลังเลิกงาน ฯลฯ แลกเปลี่ยนความชอบในเรื่องส่วนตัว สิ่งนี้จะช่วยให้ความสัมพันธ์ของคนในทีมดีขึ้น
8. เคารพความแตกต่างของคนในทีม
เคารพที่ว่าคือเคารพทั้งตัวตนและความคิด เพราะในสังคมปัจจุบัน เรื่องเพศ อายุ กายภาพภายนอกสำหรับเนื้องานส่วนใหญ่แล้ว เป็นเรื่องที่ไม่ใช่ปัจจัยในการทำงาน ดังนั้นคนในทีมจึงต้องเคารพความต่างของกันและกัน รวมถึงเข้าใจถึงความคิดที่ต่างกัน ซึ่งข้อหลังนี้คือจุดแข็งของการทำงานเป็นทีม การมีชุดความคิดที่หลากหลายจากคนในทีม จะช่วยให้งานออกมารอบด้านและรอบคอบมากขึ้น
9. เปิดกว้างรับฟังฟีดแบกอยู่เสมอ
วิธีการทำงานเป็นทีมที่ดีอย่างยั่งยืน คือการรับฟังความคิดเห็นของคนในทีมทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะการรับฟังคำแนะนำเกี่ยวกับงานที่ตัวเราเป็นคนรับผิดชอบ เพื่อนำไปวิเคราะห์ แก้ไข และประยุกต์ใช้กับการทำงาน
10. พร้อมแก้ไขและปรับปรุง
เมื่อได้ฟีดแบกแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือนำสิ่งเหล่านั้นมาวิเคราะห์ พูดคุยกันในทีม หาทางออกของปัญหาร่วมกัน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง จับมือแก้ไขไปพร้อมกันโดยความสมัครใจของคนในทีม วิธีแบบนี้อาจจะใช้เวลามากขึ้น แต่ยั่งยืนกว่าในระยะยาว
ปัญหาในการทำงานเป็นทีมมีอะไรบ้าง
อุปสรรค 9 ประการ ในการทำงานเป็นทีม.
1.ความแตกต่างระหว่างบุคลิกภาพของแต่ละบุคคล (Personality Differences) ... .
2.ความไม่เท่าเทียมกันในการมีส่วนร่วม (Unequal Contributions) ... .
3.การขาดความรู้สึกมีส่วนร่วม (No Sense of Belonging) ... .
4.ความล้มเหลวในการประเมิน (Failure of Evaluation) ... .
5.อำนาจของผู้นำ (Power of the Leader).
ปัญหาในการปฏิบัติงาน มีอะไรบ้าง
5 อุปสรรคในการทำงานที่ควรรู้.
1.ขาดความพร้อมในการทำงาน ... .
2.ไม่ชำนาญในงานที่ทำ ... .
3.ขาดกำลังใจ ... .
4.ทีมไม่เวิร์ก ... .
5.ขาดมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ... .
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ.
อะไรคือปัญหาและอุปสรรคที่สำคัญที่สุดในการทำงานเป็นทีม
ปัญหา/อุปสรรคของการทำงานเป็นทีม.
การมีส่วนร่วมในงานอย่างไม่เท่าเทียม (Unequal Contributions) ... .
การขาดความรู้สึกมีส่วนร่วม (No Sense of Belonging) ... .
ความล้มเหลวในการประเมิน (Failure of Evaluation) ... .
อำนาจของผู้นำ (Power of the Leader) ... .
การขาดแคลนทางเลือก (To Be of Alternative) ... .
การปิดบัง (Concealment).
ปัญหาขององค์กร มีอะไรบ้าง
ปัญหาบุคคลในองค์กร ที่การบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ (HRM) ขององค์กรควรเตรียมรับมือ.
1. ไม่รู้งาน ... .
2. ขาดแรงจูงใจ ... .
3. ความสัมพันธ์ ... .
4. การปกครอง ... .
5. มลพิษ Toxic. ... .
6. Ice Berg..