ตัวอย่าง การ ตั้งเป้าหมาย ใน การ ทํา งาน

ในช่วงเริ่มต้นสิ่งที่ยากที่สุดและผมเชื่อว่าทุกคนเป็น ผมเองก็เป็น คือ เราจะตั้งเป้าอะไร? เพราะเราไม่เคยมีเป้าหมายที่ชัดเจนมาก ๆ มาก่อน ความรู้สึกมันก็ออกจะโล่ง ๆ ไม่รู้ว่าจะเอายังไงต่อดี และเป้าหมายที่เราจะทำมันต้องยิ่งใหญ่แค่ไหนหรือเล็ก ๆ ก่อนดี

นี่คือช่วงที่เราต้องให้เวลากับตัวเองมากที่สุด คิดและทบทวนกับตัวเองว่า ในชีวิตของเรา เราต้องการไปที่จุดไหน?

มีบทสนทนาตอนหนึ่งจากหนังสือเรื่อง Alice in Wonderland ที่ผมชอบมากมันเป็นตอนที่อลิซหยุดเดินเพื่อถามทางจากเจ้าแมวเชสเชียร์

แมวเชสเชียร์: “เธออยากไปไหนหละ”
อลิซ: “ไม่รู้สิ..”
แมวเชสเชียร์: “ถ้างั้นเธอจะเดินไปทางไหนก็เหมือนกัน”

และจากหนังสือเรื่อง Train Your Brain For Success

การตั้งเป้าหมายคือ การบอกตัวเองว่ากำลังจะไปที่ไหน เพื่อให้ทุก ๆ วันของเราเหมือนการเดินทางที่มีความหมาย

ใครที่กำลังหมดไฟหรือ Passion นี่คือหนึ่งวิธีที่ช่วยได้ครับ

ภาพจาก adobe

‍เป้าหมายที่ดีเป็นอย่างไร?

ถ้าใครรู้จัก SMART Goal อยู่แล้วข้ามส่วนนี้ไปก่อนได้เลยครับ ส่วนใครยังไม่รู้จักมาดูกันว่าเป้าหมายที่ดีหน้าตาเป็นอย่างไร ขอยกตัวอย่างสั้น ๆ จากการตั้งเป้าหมายเพื่อลดน้ำหนัก

  • Specific เป้าหมายนั้นต้องเจาะจง บ่งบอกถึงรายละเอียดการกระทำที่จะเกิดขึ้น
  • Measurable ต้องวัดผลได้ชัดเจน เพื่อบอกให้เรารู้ได้ว่าสิ่งที่เราทำนั้นใกล้เคียงกับหน่วยวัดผลที่เราตั้งไว้ไหม
  • Attainable มันต้องทำได้จริง ไม่ใช้การตั้งเป้าที่เวอร์เกินไป เป้าที่ดีเราจะมีกำลังใจเพื่อให้สำเร็จได้ในที่สุด
  • Relevant เป้าหมายต้องเกี่ยวข้องกับชีวิตของเรา สมเหตุสมผล สอดคล้องกับพฤติกรรมในอดีตที่ผ่านมาของเราด้วย
  • Time Bound มีกรอบเวลากำหนดที่ชัดเจน ว่าเป้าหมายของเราจะบรรลุผลให้ได้ภายในวันและเวลาไหน

เราจะ (S) ออกกำลังกายด้วย (R) การวิ่ง เตะฟุตบอลและฟิตเนส (A) เพื่อลดน้ำหนัก 10 กิโลกรัม (M) โดยจะออกกำลังกายอย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 วัน วันละไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง (T) เป็นเวลา 6 เดือน

7 เทคนิคสำหรับการตั้งเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ในปี 2023

1. ถ้ายังไม่รู้ว่าจะตั้งเป้าอะไร ให้เริ่มจากสิ่งใกล้ตัวก่อน

สิ่งแรกให้คุณเริ่มลิสต์ก่อนว่าที่ผ่านมา เรามีประสบการณ์กับสิ่งใดบ้างทั้งดีและไม่ดี โดยเขียนให้ได้มากที่สุด คุณอาจเลือกหัวข้อเหล่านี้มาลิสต์ได้ครับ

  • สิ่งที่เราทำได้ดี/ไม่ดี (เคยได้รางวัลหรือคำชมจากเรื่องไหนบ้าง หรือเคยมีใครตำหนิเราในจุดไหนบ้าง)
  • เราใช้เวลาส่วนมากไปกับอะไร?
  • อะไรบ้างคือสิ่งที่เราให้ความสำคัญในชีวิต

หลังจากลิสต์คำตอบของเราจากคำถามพวกนี้มาเยอะ ๆ แล้ว ให้คุณมาดูตัวเองต่อว่า จริง ๆ แล้วคุณเป็นคนประเภทไหน?

  • คนที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ในอดีต คือ คนที่ตัดสินใจจากสิ่งที่เราเคยทำแล้วชอบ เรามีประสบการณ์ที่ดีกับสิ่งนั้น ๆ เราจึงเลือกที่จะทำต่อ (ตั้งเป้าจากความสุข)
  • คนที่ให้ความสำคัญกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต คือ คนที่ตัดสินใจว่าจะทำอะไร จากสิ่งที่เห็นแล้วว่า มันจะมีความสำคัญกับตัวเราเองในอนาคต หรือเป็นความใฝ่ฝันของเรา (ตั้งเป้าจากความสำคัญ)

ตัวผมเองเป็นคนประเภทหลัง คือ ให้ความสำคัญกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้นน้ำหนักของสิ่งที่ผมใช้ในการตัดสินใจจึงมาจาก ‘อะไรบ้างที่เราให้ความสำคัญในชีวิต’ และ ‘อะไรคือความใฝ่ฝันที่เราต้องการไปให้ถึง’ ผมจึงเลือกเข้ามาสู่ในวงการของ Technology เริ่มจาก 0 คือไม่มีพื้นฐานใด ๆ ดังนั้นจึงต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา และทดลองทำทันที ไลฟ์สไตล์จึงเป็นการทำงานตลอดเวลา

ข้อควรระวัง: การเลือกเป้าหมายที่ต้องการไปนั้นจะส่งผลต่อไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปด้วย และถ้าเลือกแล้วให้มุ่งมั่นกับสิ่งนั้นจริง ๆ การเปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ จะทำให้เราไปไม่ถึงไหนครับ

จากข้อนี้นั้นสิ่งที่คุณต้องทำการบ้านให้ดีที่สุด คือ การรู้จักตัวเอง และเริ่มต้นร่างจุดหมายการเดินของตัวเองได้แล้วครับ

สิ่งที่คุณต้องทำได้หลังจบข้อ 1

  • รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และมีจุดหมายที่ไหน
  • เขียนออกมาใส่กระดาษเป็นเป้าหมายอย่างน้อย 3-5 ข้อต่อช่วงเวลา โดยแบ่งออกเป็น ระยะสั้น (1 ปี) ระยะกลาง (3 ปี) ระยะยาว (10 ปี)
  • อย่าลืมปรับให้เป็น SMART Goal

ภาพจาก intellihr

2. เป้าหมายของชีวิตนั้นมีความหลากหลาย

การกำหนดเป้าหมายส่วนตัวนั้น ถ้าเราไม่แบ่งเป็นหมวดหมู่ให้ดี เราจะพลาดสิ่งสำคัญในชีวิตหลาย ๆอย่างไป เพราะฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่ต้องพึงระวังของการตั้งเป้าหมาย มันต้องครอบคลุมรอบด้าน เพื่อไม่ให้เวลาย้อนกลับมาคิดแล้วเราเสียใจภายหลัง โดยจะแบ่งออกเป็นหลัก ๆ ได้ดังนี้

2.1 การพัฒนาตัวเอง

คือการขยายขีดจำกัดความสามารถของตัวเองให้มากขึ้น เพื่อให้เราเป็นคนที่เก่งกว่าเราคนเมื่อวาน ในส่วนนี้นั้นเราจะต้องเข้มงวดกับตัวเองให้มากที่สุด และต้องบอกว่าเราทำสิ่งนี้ไม่ใช่เพื่ออวดคนอื่น แต่เราทำเพื่ออนาคตของเราเองมากกว่า

ข้อควรระวัง: ถ้าเราทำเพื่ออวดคนอื่น คือ การทำอะไรนิดหน่อยแแล้วเอาไปโพสต์บนโซเชียลแบบเกินจริง เพื่อให้คนอื่นมองเราในแง่ดี ท้ายที่สุดแล้วถ้าเราทำมาก ๆ เข้า เราจะกลายเป็นคนหลอกตัวเองได้ครับ

ตัวอย่างการตั้งเป้าหมายในหมวดนี้

  • เราจะอ่านหนังสือให้ได้อย่างน้อย 3 เล่มต่อเดือนตลอดปี 2023 โดยทุกเล่มจะต้องมีจำนวนหน้าไม่น้อยกว่า 200 หน้า และเขียนโดยผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้น ๆ
  • เราจะนั่งสมาธิอย่างน้อยวันละ 20 นาที มากกว่า 80% ของจำนวนวันทั้งหมดในปี 2023

2.2 ด้านการงาน

คือ เป้าหมายเพื่อความก้าวหน้าในด้านการงาน การเติบโตในด้านนี้นั้นหลัก ๆ แล้วมาจากการทำงานฉลาด+หนัก และการมีเป้าหมายที่ชัดเจน สิ่งนี้จะช่วยให้ทุก ๆ วันของการทำงานมีความหมายมากขึ้นแน่นอน

โดยการเริ่มต้นนั้น สิ่งแรกที่คุณต้องตัดทิ้งออกจากความคิดก่อนเลยคือ “ก็ได้เงินเท่านี้ เราจะทำแค่นี้” ให้เปลี่ยนเป็น “เพราะเราทำได้แค่นี้ เงินเดือนเราจึงอยู่แค่นี้” และเริ่มมองว่า อะไรบ้างที่เราสามารถทำเพิ่มได้ เพื่อให้งานของเราออกมาดียิ่งขึ้น หรือถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็ให้ทำ Side Project หรืองานเสริมหลังจากเลิกงานแล้ว

ตัวอย่างการตั้งเป้าหมายในหมวดนี้

  • เราจะเริ่มต้นเรียนรู้การตลาดออนไลน์และช่วยแผนกการตลาดเขียนคอนเทนต์อย่างน้อย 2 บทความต่อเดือน เพื่อให้ยอดผู้ติดตามของบริษัทเพิ่มขึ้น 10%
  • จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งหมด 3 ตัว และขยายทีมเพิ่มอีก 20 คน เพื่อทำให้บริษัทมียอดขาย 100 ล้านบาท ในวันที่ 31 ธันวาคม ปี 2023

2.3 ด้านความสัมพันธ์

สิ่งที่คนส่วนใหญ่เวลาเราให้ความสำคัญกับเป้าหมายทั้งต่อตัวเองและการงานมาก ๆ มักจะลืมไปคือเรื่องของความสำคัญของความสัมพันธ์รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว, แฟน หรือเพื่อน ทำให้ชีวิตเราขาดสีสัน ความอบอุ่น และความสุขไป

เพราะความสุขส่วนใหญ่นั้นเกิดจากการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง เราจึงต้องบริหารสิ่งนี้ด้วยการตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน

ตัวอย่างการตั้งเป้าหมายในหมวดนี้

  • กินข้าวพร้อมหน้ากับครอบครัวอย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง และพาครอบครัวไปเที่ยวอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง
  • ไม่ทะเลาะกับใครเลยตลอดปี 2023 ด้วยการปรับนิสัยให้ใจเย็น มีสติและคิดก่อนพูด

2.4 ด้านสุขภาพ

หากไร้ซึ่งสุขภาพที่แข็งแรง ชีวิตของเรานั้นจะดีไม่ได้เลย ตอนเราสบายดีทุกอย่างมันก็ดีไปหมด แต่ถ้าเมื่อไรเราป่วยหนัก (ถ้าใครเคยคงเข้าใจดี) โลกทั้งใบนั้นหม่นหมองลงไปทันที ดังนั้นรักษาสุขภาพให้ดีตั้งแต่วันนี้ดีที่สุดครับ

ตัวอย่างการตั้งเป้าหมายในหมวดนี้

  • ตรวจสุขภาพประจำปี โดยตรวจแผนที่ละเอียดที่สุด พร้อมทำประกันชีวิตและสุขภาพให้ครบทั้งหมด
  • ควบคุมการกินอาหาร งดของมัน ทอด และหวาน มากกว่า 80% ของจำนวนการกินทั้งหมดต่อปี

2.5 ด้านการเงิน

คนจะร่ำรวยมาจากการวางแผนการเงินที่ดี เปรียบเหมือนคนหุ่นดีที่ต้องมีการวางแผนและออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องจนท้ายที่สุดมีหุ่นที่น่าดึงดูด การเงินก็เช่นเดียวกัน เราจำเป็นต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนมาก ๆ เพื่อให้เรามีเงินได้อย่างที่ต้องการ

ตัวอย่างการตั้งเป้าหมายในหมวดนี้

  • ออมเงิน 10% ของเงินเดือนทุกเดือน ออมทันทีที่เงินเดือนเข้าบัญชี
  • นำเงิน 10% ต่อปีไปลงทุนเพื่อให้งอกเงยอย่างน้อย 7% ต่อปี

ภาพจาก printablee

3. อย่าลืมให้ความสำคัญกับความรู้สึกของคุณ

เมื่อไรที่เราให้ความสำคัญกับสิ่งไหน สิ่งนั้นจะเริ่มปรากฏชัดขึ้นมาในชีวิตของคุณ ตัวอย่างเช่น คุณอยากได้รถยี่ห้อหนึ่ง เพราะคิดว่ารถคันนี้สวยมากและไม่ค่อยมีใครขับ แต่เมื่อหลังจากที่คุณให้ความสำคัญกับรถรุ่นนี้ คุณจะเริ่มเห็นรถยี่ห้อนี้เต็มไปหมดตามท้องถนน

เช่นเดียวกับอารมณ์ความรู้สึกของเรา ถ้าเราคอยจับตาดูและให้ความสำคัญกับความรู้สึกดี ๆ จิตใจเราก็จะพยายามจับความรู้สึกนั้น ๆให้เกิดขึ้นมากที่สุด

ท้าให้คุณลอง

ลองจดบันทึกถึงอารมณ์ความรู้สึกของคุณในวันต่าง ๆ ดู โดยให้สรุปว่าวันนั้น อารมณ์ความรู้สึกส่วนใหญ่ที่คุณจำได้ คืออะไร และวาดหน้าตาความรู้สึกนั้นลงบนปฏิทินของคุณ

เพราะเมื่อใดที่คุณรู้สึกแย่หรือเสียใจ คุณจะรู้ได้เลยว่า วันพรุ่งนี้ยังสามารถเริ่มใหม่ให้ความสุขได้ เพราะมันเป็นเพียงแค่ 1 วันที่ผ่านไป

การนำความรู้สึกในแต่ละวันมารวมกับการตั้งเป้าหมายนั้น จะช่วยให้คุณมีกำลังใจในการทำเป้าหมายนั้นเกิดขึ้นให้ได้

ภาพจาก istockphoto

‍4. แบ่งเป้าหมายให้เป็นชิ้นเล็ก

เป้าหมายนั้นเปรียบเหมือนเค้กที่เราต้องแบ่งให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อให้กินง่าย

เป้าหมายที่ดีนั้นต้องใหญ่มากพอให้เกิดแรงจูงใจและต้องทำได้จริง แต่บางครั้งเวลามันใหญ่มาก ๆ แค่เรานึกถึงก็เหนื่อยแล้ว มันทำให้เราหมดแรงและเลือกที่จะผลัดมันออกไปก่อน ซึ่งการผัดวันประกันพรุ่งนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย

สิ่งที่เราควรทำคือการหั่นเป้าหมายที่ใหญ่นั้นให้เล็กลง เล็กพอที่จะทำให้เรารู้สึกว่าทำได้ไม่ยากนัก โดยการหั่นนั้นแบ่งออกเป็น 2 แกนด้วยกัน

4.1 เริ่มจากหั่นงานใหญ่ให้เป็นงานเล็ก

สมมติว่าในปีนี้เราต้องการพัฒนาตัวเองให้อ่านหนังสือให้ได้อย่างน้อยเดือนละ 3 เล่ม เราก็เลือกหั่นออกเป็นสิ่งง่าย ๆ ที่ทำได้ทุกวัน เช่น อ่านหนังสือช่วงเช้าตอนเข้าห้องน้ำ 30 หน้า มันจะช่วยให้เรารู้สึกว่า ไม่ยากเกินไป

4.2 หั่นแบ่งเป็นช่วงเวลา

การตั้งเป้าหมายสำหรับตัวเองนั้น เราจะแบ่งออกเป็น ดังนี้

ระยะยาว 10 ปี ในการวางระดับนี้นั้นจะเป็นภาพไกล วางแบบหลวม ๆ เช่น ต้องการเป็นนักธุรกิจระดับพันล้านบาท ที่มีธุรกิจอยู่ในเอเชีย อเมริกา และยุโรป

ระยะกลาง 5 ปี จะเป็นอะไรที่จับต้องได้ขึ้นมาหน่อย เช่น ต้องการสร้างฐานลูกค้าให้มีจำนวน 30 ล้านคน ภายใน 5 ปี และมียอดคำสั่งซื้อต่อคนไม่ต่ำกว่าคนละ 1,000 บาท

ระยะสั้น 1 ปี จะเป็นเป้าหมายที่ต้องทำให้เกิดขึ้นได้ทันที และสามารถหั่นออกเป็นขั้นย่อยได้ต่อ

  • เป้าหมายไตรมาส (ใน 3 เดือน)
  • เป้าหมายรายเดือน
  • เป้าหมายรายอาทิตย์ และสิ่งที่ต้องทำให้เกิดขึ้นในแต่ละวัน

ยิ่งหั่นออกมาชัดเจนมากเท่าไร เราก็จะยิ่งทำสิ่งเหล่านั้นให้เกิดขึ้นได้ง่ายกว่าเดิม

แนะนำว่า คุณจำเป็นต้องมีสมุดจดบันทึกคู่กายไว้ 1 เล่ม

ในช่วงตอนเริ่มต้นของการจดของผมนั้น สิ่งที่ผมทำพลาดมากเลย ๆ คือ ผมจะมีสมุดติดตัว 1 เล่ม และจดบันทึกทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนั้นกับชีวิตตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น เข้าปั๊มเติมน้ำมัน งีบหลับ หรือการทำอะไรเล็กๆน้อย ๆ จดแบบนั้นไปกว่า 3 เดือน

จนท้ายที่สุดมาคิดขึ้นมาได้ว่าจริง ๆ แล้ว เพียงแค่เราบอกตัวเองได้ว่าวันนั้นเราได้ทำผลลัพธ์กับเป้าหมายนั้นมากขึ้นกว่าเดิม แม้เพียง 1% หรือเปล่า

ภาพจาก corporatevision-news

5. แชร์เป้าหมายกับเพื่อนร่วมทาง

การวางเป้าหมายและเดินทางไปอย่างโดดเดียวนั้น ทำให้คุณล้มเลิกระหว่างทางได้ง่ายมาก ๆ เพราะมีเพียงแค่คุณเท่านั้นที่รู้

ลองเพิ่มพยานเข้าไปในสิ่งที่คุณมุ่งมั่นกำลังทำอยู่สิ ให้เค้าได้เป็นเพื่อนร่วมทางในเป้าหมายของคุณ และคุณก็เป็นเพื่อนร่วมทางในเป้าหมายของเค้าเช่นเดียวกัน

การรวมกลุ่มนี้จะช่วยลดการเลิกทำตามเป้าหมายได้มากเลยทีเดียว และผมเองก็มีกลุ่มนี้ที่เริ่มต้นทำกับเพื่อนสนิทอีก 2 คน

โดยใช้วิธีการสร้างง่าย ๆ ด้วยการใช้ Facebook Group และเขียนเป้าหมายที่จะทำให้สำเร็จในปีนั้น ๆ โพสต์ไปในกลุ่ม และให้เพื่อนช่วยรีวิวว่าเป้าหมายที่เราตั้งนั้น ใหญ่ไปหรือเล็กไป สามารถทำได้จริงไหม หรือมีไอเดียอื่น ๆ เพิ่มเติม

หลังจากนั้นให้ย่อยเป้าหมายรายปี ให้กลายเป็นเป้าหมายรายอาทิตย์และโพสต์ในช่วงเริ่มต้นของอาทิตย์นั้น ๆ ว่าเราจะทำอะไรให้สำเร็จบ้าง และพิมพ์ว่าเรามีเป้าหมายไหนที่เราสำเร็จบ้างในอาทิตย์นั้น ๆ

มันไม่เกี่ยวว่าเราจะทำได้สำเร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ในแต่ละอาทิตย์ครบถ้วนไหม สิ่งสำคัญที่สุดคือการมุ่งมั่นทำตามเป้าหมายนั้นให้เกิดขึ้นในทุก ๆ อาทิตย์พร้อมไปกับเพื่อนของคุณ

ภาพจาก freepik

6. วินัยคือสิ่งที่สำคัญที่สุด

เป้าหมายนั้นเป็นเหมือนรถยนต์ ส่วนวินัยนั้นเปรียบดั่งพลังงาน ต่อให้รถยนต์เราสวยแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีพลังงานเข้าไปก็ไม่สามารถขับเคลื่อนได้ เป้าหมายก็อาจกลายเป็นแค่ความฝันที่ตั้งไว้ให้สวยหรูเท่านั้น

เทคนิคการสร้างวินัยให้เกิดขึ้น

  • วินัยเป็นสิ่งตรงข้ามกับอารมณ์ เมื่อไรที่มีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง วินัยของเราก็จะลดน้อยลงไปทันที ถ้าเราเข้าใจในเรื่องนี้ก็ต้องพยายามลดอารมณ์ให้มีบทบาทในการตัดสินใจของเราในการทำสิ่งนั้น ๆ ให้น้อยลง เช่น เราต้องการไปวิ่งทุกวัน วันละ 20 นาทื ถ้าเรารู้สึกว่าวันนี้เหนื่อยมากแล้ว ก็เป็นไปได้มากว่าเราจะไม่ได้ไปวิ่ง เราต้องเปลี่ยนให้สิ่งนั้น ๆ เป็นแค่สิ่งที่เราต้องทำ
  • เมื่ออารมณ์บั่นทอนเรามาก วันนั้นเราโดนมาหนัก ไม่มีเรี่ยวแรงหรือจิตใจให้ทำ แต่เรามีเป้าหมายที่ต้องทำ ให้เราหั่นสิ่งนั้นให้เล็กลงแต่ไม่เลิกไปเลย เช่น เราต้องไปวิ่งทุกวันวันละ 20 นาที ก็อาจจะลดเหลือ 10 นาที
  • นึกภาพเป้าหมายและตัวเราเองที่กำลังบรรลุเป้าหมายนั้นให้มากและบ่อยครั้งที่สุด สิ่งนี้จะทำให้เรามีแรงใจในการลุกขึ้นมา คุณอาจจะปริ้นท์ภาพมาติดในห้องถึงสภาพแวดล้อมตอนคุณสำเร็จแล้วเป็นอย่างไร และอย่าลืมติดภาพของตัวคุณที่กำลังทำสิ่งนั้นด้วย เพราะเป้าหมายจะบรรลุได้ คุณต้องมีความสุขในระหว่างทางด้วย

วินัยนั้นคือสิ่งที่พูดแล้วเหมือนง่าย แต่การทำให้เกิดขึ้นนั้นยากมาก ๆ ถ้าถามว่าข้อไหนที่ควรให้ความสำคัญมากที่สุด มันคือข้อนี้เลยครับ

7. ใช้เครื่องมือช่วยคุณด้วย

เป้าหมายของการใช้เครื่องมือช่วย คือ การจัดเก็บข้อมูลส่วนตัวอย่างเป็นระบบ ทำให้เรารู้ได้จริงๆว่าส่ิงที่ทำลงไป และมีผลลัพธ์ที่ดีขึ้นนั้นเกิดขึ้นจากอะไร

หนึ่งในเครื่องมือที่จะช่วยได้ดีที่สุด คือ การจดบันทึกลงบนสมุด เพราะมันจะช่วยทั้งให้เรามีวินัยและเห็นภาพเป้าหมายของเราได้ตลอดเวลา

สมุดที่ดีจะต้องถูกออกแบบมาเพื่อรองรับกับการวางเป้าหมายใหญ่ให้หั่นย่อยออกมาได้

ขอขายของหน่อย

มากกว่า 5 ปีที่ผมจดบันทึกทุกวันและเห็นพัฒนาการของตัวเอง จากพนักงานเงินเดือนสู่เจ้าของธุรกิจ พร้อมกับการปรับเทมเพลตการจดบันทึกเพื่อให้เกิดผลลัพธ์มากที่สุด จึงได้ออกมาเป็น The Growth Planner แพลนเนอร์ที่จะช่วยให้คุณเติบโตเร็วขึ้น ช่วยทำให้คุณตั้งเป้าหมายในชีวิตคุณสามารถทำได้ทุกวัน เห็นผลทุกเดือน วิเคราะห์ได้ทั้งปี ให้การวางเป้าหมายของคุณทำได้สนุกและมีประสิทธิภาพกว่าเดิม ในราคา 990 บาท กดที่รูปด้านล่างเพื่อสั่งซื้อ ผ่าน Line Shopping ของเราได้เลย แอบกระซิบนิดนึงว่าสินค้ามีจำนวนจำกัดนะ

ในเล่มนี้เรารวมมาให้คุณทั้งหมดแล้ว

  • การวางเป้าหมายรายปี, รายสัปดาห์, รายวัน
  • การจดบันทึกวัดผลเรื่องอารมณ์
  • สรุปรายอาทิตย์และรายเดือนเพื่อประเมินตัวเอง
  • จดบันทึกประเทศสำหรับการท่องเที่ยวพักผ่อน
  • ช่องสำหรับ Quote เพื่อให้กำลังใจ
  • และพิเศษ! แผ่น Mood / Habit Tracker เพื่อการติดตามอารมณ์หรือพฤติกรรมที่ทำอย่างสม่ำเสมอ (เพิ่มพิเศษมาใน The Growth Planner เวอร์ชัน 2023 เท่านั้น)

ใครสนใจดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ >> แนะนำ “The Growth Planner” สมุดแพลนเนอร์ที่จะช่วยคุณพัฒนาตัวเองเป็นคนใหม่ในปี 2023

สรุปทั้งหมด

การตั้งเป้าหมายและมุ่งมั่นทำให้เกิดขึ้นนั้นคือสิ่งที่จะเป็นตัวชี้วัดว่า คนคนหนึ่งจะประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหนในอนาคต มันคือเส้นทางที่เราต้องสร้างขึ้นมาเอง และสร้างขึ้นจากศูนย์ เป้าหมายที่ดีจะช่วยให้เรารู้สึกมีกำลังใจในทุก ๆ วันที่ตื่นขึ้นมา เพราะไม่มีวันไหนอีกแล้วที่เหมาะกับการทำเพื่อเป้าหมายให้เกิดขึ้นเท่ากับวันนี้

เป้าหมายในการทํางาน มีอะไรบ้าง

การตั้งเป้าหมายในการทำงาน คือ การกำหนดสิ่งที่เราต้องการจะได้มา หรือสิ่งที่เราต้องการจะทำ หรือความต้องการอะไรก็แล้วแต่ที่เรามุ่งมั่นตั้งใจจะทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ ในที่นี่ก็คือ เราเห็นภาพตัวเองทำงานแบบไหน ประสบความสำเร็จอย่างไรในหน้าที่การงาน ซึ่งหลายครั้งอาจเกี่ยวข้องกับองค์กร เช่น เห็นภาพตัวเองเป็นผู้บริหารในองค์กรที่ ...

การตั้งเป้าหมายและวิธีการในการดําเนินชีวิตให้ชัดเจน คือข้อใด

5 เทคนิค ตั้งเป้าหมายอย่างไรให้สำเร็จแน่นอน.

1. เริ่มจากตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ แล้วค่อยขยับไปสู่เป้าหมายที่ใหญ่ขึ้น ... .

2. ประเมินความสามารถตัวเองและ Passion ของเรา ... .

3. มุ่งมั่น จดจ่อ แน่วแน่ในเป้าหมาย ... .

4. วางแผนให้ชัดเจน ... .

5. ลงมือทำทันที.

เป้าหมายที่ดีควรมีลักษณะอย่างไร

เป้าหมายที่ดีต้องมีความชัดเจน (Specific) วัดผลได้ (Measurable) ทำสำเร็จได้ (Achievable) เป็นไปได้ (Realistic) และมีระยะเวลากำหนดไว้อย่างชัดเจน แน่นอน (Time Bound) หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่า “SMART Goals” นั่นเอง

กระบวนการวางแผนชีวิตมี4ขั้นตอนอะไรบ้าง

5 วิธีตั้งเป้าหมายชีวิตให้ประสบความสำเร็จได้จริง.

1. แน่วแน่ไว้ว่า สิ่งที่เราทำนั้น เราต้องการอะไร ... .

2. กำหนดเป้าหมาย ... .

3. วางแผน ... .

4. ลงมือปฏิบัติ ... .

5. สร้างความสำเร็จต่อเนื่อง.

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาไทย โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน lmyour แปลภาษา แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip ไทยแปลอังกฤษ ประโยค แอพแปลภาษาอาหรับเป็นไทย ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 แปลภาษาอาหรับ-ไทย Terjemahan พจนานุกรมศัพท์ทหาร หยน แปลภาษา มาเลเซีย ไทย Bahasa Thailand ข้อสอบภาษาอังกฤษ พร้อมเฉลย pdf บบบย tor คือ จัดซื้อจัดจ้าง การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 4 ชขภใ ยศทหารบก เรียงลําดับ ห่อหมกฮวกไปฝากป้า หนังเต็มเรื่อง เขียน อาหรับ แปลไทย แปลภาษาอิสลามเป็นไทย Google map กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมออนไลน์ กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย ค้นหา ประวัติ นามสกุล อาจารย์ ตจต แจ้ง ประกาศ น้ำประปาไม่ไหล แปลบาลีเป็นไทย แปลภาษา ถ่ายรูป แปลภาษาจีน แปลภาษามลายู ยาวี โรงพยาบาลภมูพลอดุยเดช ที่อยู่ Google Drive Info TOR คือ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ช่างไฟฟ้า กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมฟรี 2566 กลยุทธ์ทางการตลาด มีอะไรบ้าง การบริหารทรัพยากรมนุษย์ มีอะไรบ้าง การประปาส่วนภูมิภาค การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 3 ขขขขบบบยข ่ส ข่าว น้ำประปา วันนี้ ข้อสอบโอเน็ต ม.6 มีกี่ตอน ตารางธาตุ ประปาไม่ไหล วันนี้