ม การใช โพรโทคอลในการดาวโหลดข อความจากเซ ร ฟเวอร อ เมล

ในฐานะผู้ดูแลระบบ คุณสามารถกำหนดค่าเครือข่ายที่อุปกรณ์เคลื่อนที่ อุปกรณ์ Chrome OS และฮาร์ดแวร์ห้องประชุมของ Google ที่มีการจัดการซึ่งใช้สำหรับที่ทำงานหรือโรงเรียนได้ และจะควบคุมการเข้าถึง Wi-Fi, อีเทอร์เน็ต และเครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPN) รวมถึงตั้งค่าใบรับรองเครือข่ายได้ด้วย

เมื่อเพิ่มการกำหนดค่าเครือข่าย คุณจะใช้การตั้งค่าเครือข่ายให้เหมือนกันทั่วทั้งองค์กร หรือบังคับใช้การตั้งค่าที่ต้องการกับหน่วยขององค์กรแต่ละหน่วยก็ได้

แพลตฟอร์มอุปกรณ์ที่รองรับสำหรับการกำหนดค่าเครือข่าย

ประเภทเครือข่าย แพลตฟอร์มที่รองรับ Wi-Fi

  • Android และ iOS ต้องมีสิ่งต่อไปนี้
    • การจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นสูง
    • เครือข่าย Wi-Fi 802.1x หลายเครือข่ายสำหรับ Android ต้องใช้ Android เวอร์ชัน 4.3 ขึ้นไป
    • iOS รองรับโปรโตคอลการตรวจสอบสิทธิ์ที่ขยายได้ (EAP) ต่อไปนี้ ได้แก่ Protected Extensible Authentication Protocol (PEAP), Lightweight Extensible Authentication Protocol (EASP), Transport Layer Security (TLS) และ Tunneled Transport Layer Security (TTLS)
  • อุปกรณ์ Chrome OS (ตามผู้ใช้หรืออุปกรณ์)
  • ฮาร์ดแวร์ห้องประชุมของ Google อีเทอร์เน็ต
  • อุปกรณ์ Chrome OS (ตามผู้ใช้หรืออุปกรณ์)
  • ฮาร์ดแวร์ห้องประชุมของ Google VPN อุปกรณ์ Chrome OS ที่มีการจัดการ

ข้อควรพิจารณาที่สำคัญสำหรับการกำหนดค่าเครือข่าย

  • เราขอแนะนำให้ตั้งค่าเครือข่าย Wi-Fi อย่างน้อย 1 เครือข่ายสำหรับหน่วยขององค์กรระดับบนสุดในองค์กร โดยตั้งเป็นเชื่อมต่อโดยอัตโนมัติ เพื่อให้อุปกรณ์เข้าถึงเครือข่าย Wi-Fi ได้ในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้
  • หากเว้นช่องรหัสผ่านว่างไว้เมื่อตั้งค่าเครือข่าย ผู้ใช้จะตั้งรหัสผ่านในอุปกรณ์ของตนได้ หากคุณระบุรหัสผ่าน ระบบจะบังคับใช้รหัสผ่านนั้นในอุปกรณ์และผู้ใช้จะแก้ไขไม่ได้
  • หากต้องการใช้ที่อยู่ IP แบบคงที่สำหรับอุปกรณ์ Chrome OS ในองค์กร คุณสามารถใช้การจองที่อยู่ IP ในเซิร์ฟเวอร์ DHCP ได้ แต่ DHCP จะไม่มีการตรวจสอบสิทธิ์ หากต้องการติดตามข้อมูลประจำตัวของอุปกรณ์ Chrome OS ในเครือข่าย ให้ใช้กลไกการตรวจสอบสิทธิ์แยกต่างหาก

| ปิดทั้งหมด

ตั้งค่าเครือข่าย

ก่อนเริ่มต้น: โปรดเพิ่มใบรับรองก่อนหากต้องการกำหนดค่าเครือข่ายที่มีผู้ออกใบรับรอง

เพิ่มการกำหนดค่าเครือข่าย Wi-Fi

คุณจะเพิ่มเครือข่าย Wi-Fi ที่กำหนดค่าไว้ในอุปกรณ์เคลื่อนที่และ Chrome OS โดยอัตโนมัติได้

ข้อกำหนดเกี่ยวกับเครือข่าย Wi-Fi เพิ่มเติมสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่มีดังนี้

  • สำหรับอุปกรณ์ Android มีเพียงอุปกรณ์ที่ใช้ Android 4.3 เป็นต้นไปเท่านั้นที่รองรับเครือข่าย Wi-Fi 802.1x เพิ่มเติม
  • ส่วนอุปกรณ์ iOS ที่มีการจัดการจะรองรับ Extensible Authentication Protocol (EAP) ได้แก่ Protected Extensible Authentication Protocol (PEAP), Lightweight Extensible Authentication Protocol (LEAP), Transport Layer Security (TLS) และ Tunneled Transport Layer Security (TTLS)

หมายเหตุ: อุปกรณ์เคลื่อนที่จะรับค่าการตั้งค่าเครือข่าย Wi-Fi ของผู้ใช้เสมอ ดังนั้นคุณจึงกำหนดการตั้งค่าเครือข่ายสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ได้ตามหน่วยขององค์กรเท่านั้น

เพิ่มเครือข่าย Wi-Fi

ก่อนที่จะเริ่มต้น: หากต้องการใช้การตั้งค่ากับผู้ใช้บางราย ให้ใส่บัญชีในหน่วยขององค์กร

  1. หากต้องการใช้การตั้งค่ากับทุกคน ให้เลือกหน่วยขององค์กรระดับบนสุด หรือเลือกหน่วยขององค์กรระดับล่าง
  2. คลิกสร้างเครือข่าย Wi-Fi หากตั้งค่าเครือข่าย Wi-Fi แล้ว ให้คลิก Wi-Fiเพิ่ม Wi-Fi
  3. ในส่วนการเข้าถึงแพลตฟอร์ม ให้เลือกแพลตฟอร์มอุปกรณ์ที่ใช้เครือข่ายนี้ได้
  4. ในส่วนรายละเอียด ให้ป้อนข้อมูลต่อไปนี้
    1. ชื่อ - ชื่อสำหรับ Wi-Fi ที่ใช้อ้างอิงในคอนโซลผู้ดูแลระบบ โดยชื่อนี้ไม่จำเป็นต้องตรงกับ Service Set Identifier (SSID) ของเครือข่าย
    2. SSID - SSID ของเครือข่าย Wi-Fi โดยต้องคำนึงถึงตัวพิมพ์เล็กหรือตัวพิมพ์ใหญ่
    3. (ไม่บังคับ) หากเครือข่ายของคุณไม่เผยแพร่ SSID ให้เลือกช่อง SSID นี้ไม่มีการเผยแพร่
    4. (ไม่บังคับ) หากต้องการเชื่อมต่ออุปกรณ์กับเครือข่ายนี้โดยอัตโนมัติเมื่อมีสัญญาณ ให้เลือกช่องเชื่อมต่ออัตโนมัติ
    5. ประเภทความปลอดภัย - เลือกประเภทความปลอดภัยของเครือข่าย หมายเหตุ: รองรับ Dynamic WEP (802.1x) เฉพาะในอุปกรณ์ Chrome OS เท่านั้น แท็บเล็ต Android ที่ใช้กับรุ่น Education จะใช้ WPA/WPA2 Enterprise (802.1x) ระหว่างการกำหนดค่าแท็บเล็ตของนักเรียนไม่ได้ แต่คุณจะตั้งค่าด้วยตนเองได้หลังจากที่ลงทะเบียนแท็บเล็ตแล้ว ขั้นตอนถัดไปจะขึ้นอยู่กับประเภทความปลอดภัยที่เลือก
  5. (ไม่บังคับ) หากเลือกประเภทความปลอดภัย WEP (ไม่ปลอดภัย) และ WPA/WPA2 ให้ป้อนรหัสผ่านความปลอดภัยของเครือข่าย
  6. (ไม่บังคับ) หากเลือก WPA/WPA2 Enterprise (802.1x) และ Dynamic WEP (802.1x) ให้เลือก EAP สำหรับเครือข่ายและกำหนดค่าตัวเลือกต่อไปนี้
    1. หากเลือก PEAPให้ทำดังนี้
      1. (ไม่บังคับ) เลือกโปรโตคอลภายในที่จะใช้ โดยตัวเลือกอัตโนมัติจะใช้ได้กับการกำหนดค่าส่วนใหญ่
      2. (ไม่บังคับ) ในช่องข้อมูลประจำตัวภายนอก ให้ป้อนข้อมูลประจำตัวผู้ใช้ที่จะแสดงในโปรโตคอลนอกเครือข่าย ซึ่งระบบจะรองรับข้อมูลประจำตัวที่เป็นตัวแปรชื่อผู้ใช้
      3. ในช่องชื่อผู้ใช้ ให้ป้อนชื่อผู้ใช้สำหรับการดูแลระบบเครือข่าย ซึ่งระบบจะรองรับชื่อที่เป็นตัวแปรชื่อผู้ใช้
      4. (ไม่บังคับ) ป้อนรหัสผ่าน ระบบจะไม่แสดงค่านี้หลังจากที่บันทึกการกำหนดค่า
      5. (ไม่บังคับ) เลือกผู้ออกใบรับรองของเซิร์ฟเวอร์
    2. หากเลือก LEAP ให้ทำดังนี้
      1. ในช่องชื่อผู้ใช้ ให้ป้อนชื่อผู้ใช้สำหรับการดูแลระบบเครือข่าย ซึ่งระบบจะรองรับชื่อที่เป็นตัวแปรชื่อผู้ใช้
      2. (ไม่บังคับ) ป้อนรหัสผ่าน ระบบจะไม่แสดงค่านี้หลังจากที่บันทึกการกำหนดค่า
    3. หากเลือก EAP-TLS ให้ทำดังนี้
      1. ในช่องชื่อผู้ใช้ ให้ป้อนชื่อผู้ใช้สำหรับการดูแลระบบเครือข่าย ซึ่งระบบจะรองรับชื่อที่เป็นตัวแปรชื่อผู้ใช้
      2. (ไม่บังคับ) เลือกผู้ออกใบรับรองของเซิร์ฟเวอร์
      3. (ไม่บังคับ) เลือกโปรไฟล์ SCEP ที่ต้องการใช้กับเครือข่ายนี้ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
      4. ป้อน URL การลงทะเบียนไคลเอ็นต์
      5. ป้อนค่าสำหรับรูปแบบผู้ออกหรือรูปแบบหัวเรื่อง อย่างน้อย 1 ค่า ใบรับรองจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อค่าที่ระบุตรงกันกับในใบรับรอง จากนั้นเซิร์ฟเวอร์ของคุณจะให้ใบรับรองที่มีแท็กคีย์เจนของ HTML5
    4. หากเลือก EAP-TTLS ให้ทำดังนี้
      1. (ไม่บังคับ) เลือกโปรโตคอลภายในที่จะใช้ โดยตัวเลือกอัตโนมัติจะใช้ได้กับการกำหนดค่าส่วนใหญ่
      2. (ไม่บังคับ) ในช่องข้อมูลประจำตัวภายนอก ให้ป้อนข้อมูลประจำตัวผู้ใช้ที่จะแสดงในโปรโตคอลนอกเครือข่าย ซึ่งระบบจะรองรับข้อมูลประจำตัวที่เป็นตัวแปรชื่อผู้ใช้
      3. ในช่องชื่อผู้ใช้ ให้ป้อนชื่อผู้ใช้สำหรับการดูแลระบบเครือข่าย ซึ่งระบบจะรองรับชื่อที่เป็นตัวแปรชื่อผู้ใช้
      4. (ไม่บังคับ) ป้อนรหัสผ่าน ระบบจะไม่แสดงค่านี้หลังจากที่บันทึกการกำหนดค่า
      5. (ไม่บังคับ) เลือกผู้ออกใบรับรองของเซิร์ฟเวอร์
      6. (ไม่บังคับ) เลือกโปรไฟล์ SCEP ที่ต้องการใช้กับเครือข่ายนี้ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
    5. หากเลือก EAP-PWD ให้ทำดังนี้
      1. ในช่องชื่อผู้ใช้ ให้ป้อนชื่อผู้ใช้สำหรับการดูแลระบบเครือข่าย ซึ่งระบบจะรองรับชื่อที่เป็นตัวแปรชื่อผู้ใช้
      2. (ไม่บังคับ) ป้อนรหัสผ่าน ระบบจะไม่แสดงค่านี้หลังจากที่บันทึกการกำหนดค่า
  7. กำหนดการตั้งค่าพร็อกซีเครือข่าย:
    1. เลือกประเภทพร็อกซีดังต่อไปนี้
      • เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยตรง - อนุญาตการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตโดยตรงไปยังเว็บไซต์ทั้งหมดโดยไม่ต้องใช้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ หมายเหตุ: แท็บเล็ต Android ที่ใช้กับรุ่น Education ไม่รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยตรง
      • กำหนดค่าพร็อกซีด้วยตนเอง - กำหนดค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์สำหรับโดเมนหรือที่อยู่ IP ทั้งหมดหรือบางรายการ โดยทำดังนี้
        1. เลือกโหมดพร็อกซี HTTP โดยคุณจะกำหนดค่าเฉพาะโฮสต์ SOCKS, โฮสต์พร็อกซี HTTP เดียวสำหรับโปรโตคอลทั้งหมด หรือโฮสต์พร็อกซี HTTP ต่างกันสำหรับแต่ละโปรโตคอลก็ได้
        2. ป้อนที่อยู่ IP โฮสต์ของเซิร์ฟเวอร์และหมายเลขพอร์ตที่จะใช้ของแต่ละโฮสต์
        3. หากต้องการข้ามพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ (ใช้กับการรับส่งข้อมูลของอุปกรณ์ iOS ไม่ได้) และไม่ใช้พร็อกซีสำหรับโดเมนหรือที่อยู่ IP บางรายการ ให้ป้อนชื่อโดเมนหรือที่อยู่ IP นั้นแบบคั่นด้วยคอมมาโดยไม่ต้องเว้นวรรคลงในช่องโดเมนที่ไม่มีพร็อกซี คุณสามารถใช้อักขระไวลด์การ์ดกับชื่อโดเมนได้ เช่น ป้อน \*google.com\* เพื่อใส่ชื่อโดเมนนี้แบบรวมทุกรูปแบบ ใช้รูปแบบ CIDR เช่น 192.168.0.0/16 เพื่อระบุช่วง IP แต่ระบบจะไม่รองรับการใช้ไวลด์การ์ดร่วมกับรูปแบบ CIDR เช่น 192.168.1.\*/24 กฎการข้ามพร็อกซีตามช่วง IP จะใช้ได้เฉพาะกับสัญพจน์ IP ใน URL เท่านั้น
      • การกำหนดค่าพร็อกซีอัตโนมัติ - ใช้ไฟล์ Proxy Server Auto Configuration (.pac) เพื่อกำหนดพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ที่จะใช้ ป้อน URL ของไฟล์ PAC
      • Web Proxy Autodiscovery (WPAD) - อนุญาตให้อุปกรณ์ค้นหาพร็อกซีที่จะใช้
    2. หากใช้พร็อกซีที่ผ่านการตรวจสอบสิทธิ์ ให้เพิ่มชื่อโฮสต์ทั้งหมดในลงในรายการที่อนุญาต หมายเหตุ: Chrome OS รองรับพร็อกซีที่ผ่านการตรวจสอบสิทธิ์สำหรับการรับส่งข้อมูลเบราว์เซอร์เท่านั้น Chrome OS ไม่รองรับพร็อกซีที่มีการตรวจสอบสิทธิ์สำหรับการเข้าชมที่ไม่ใช่ของผู้ใช้หรือสำหรับการเข้าชมที่มาจากแอปพลิเคชัน Android หรือเครื่องเสมือน
  8. (ไม่บังคับ) เพิ่มเซิร์ฟเวอร์ DNS แบบคงที่ในการตั้งค่า DNS ป้อนที่อยู่ IP บรรทัดละ 1 รายการ เว้นว่างไว้เพื่อใช้เซิร์ฟเวอร์ DNS จาก DHCP
  9. คลิกบันทึก หากกำหนดค่าหน่วยขององค์กรย่อยแล้ว คุณอาจรับค่าหรือลบล้างการตั้งค่าหน่วยขององค์กรระดับบนสุดได้

หลังจากที่เพิ่มการกำหนดค่าแล้ว ระบบจะแสดงรายการในส่วน Wi-Fi พร้อมด้วยชื่อ, SSID และแพลตฟอร์มที่เปิดใช้ ในคอลัมน์เปิดใช้อยู่ การกำหนดค่าจะเปิดใช้สำหรับแพลตฟอร์มที่มีไอคอนสีน้ำเงินและปิดใช้สำหรับแพลตฟอร์มที่มีไอคอนสีเทา นอกจากนี้คุณยังชี้ไปที่แต่ละไอคอนเพื่อดูสถานะได้อีกด้วย

หมายเหตุเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตั้งค่าเครือข่าย Wi-Fi

  • หลังจากที่ตั้งค่าเครือข่าย Wi-Fi แล้ว ให้ตั้งค่าเครือข่ายอื่นเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับการตั้งค่า Wi-Fi ที่อัปเดตในอุปกรณ์ก่อนที่คุณจะเปลี่ยนรหัสผ่าน
  • อุปกรณ์ Android อาจใช้เวลาสักครู่ในการค้นหาเครือข่ายที่ซ่อนไว้

เพิ่มการกำหนดค่าเครือข่ายอีเทอร์เน็ต

ก่อนที่จะเริ่มต้น: หากต้องการใช้การตั้งค่ากับผู้ใช้บางราย ให้ใส่บัญชีในหน่วยขององค์กร

  1. หากต้องการใช้การตั้งค่ากับทุกคน ให้เลือกหน่วยขององค์กรระดับบนสุด หรือเลือกหน่วยขององค์กรระดับล่าง
  2. คลิกสร้างเครือข่ายอีเทอร์เน็ต หากคุณตั้งค่าเครือข่ายอีเทอร์เน็ตแล้ว ให้คลิกอีเทอร์เน็ตเพิ่มอีเทอร์เน็ต
  3. ในส่วนการเข้าถึงแพลตฟอร์ม ให้เลือกแพลตฟอร์มอุปกรณ์ที่ใช้เครือข่ายนี้ได้
  4. ในส่วนรายละเอียด ให้ป้อนข้อมูลต่อไปนี้
    1. ชื่อ - ชื่อสำหรับเครือข่ายอีเทอร์เน็ตที่ใช้อ้างอิงในคอนโซลผู้ดูแลระบบ
    2. การตรวจสอบสิทธิ์ - เลือกวิธีตรวจสอบสิทธิ์ที่จะใช้ ได้แก่ ไม่มีหรือ Enterprise (802.1X)
  5. หากเลือก Enterprise (802.1X) ให้เลือก EAP และกำหนดค่าตัวเลือกต่อไปนี้
    1. หากเลือก PEAPให้ทำดังนี้
      1. (ไม่บังคับ) เลือกโปรโตคอลภายในที่จะใช้ โดยตัวเลือกอัตโนมัติจะใช้ได้กับการกำหนดค่าส่วนใหญ่
      2. (ไม่บังคับ) ในช่องข้อมูลประจำตัวภายนอก ให้ป้อนข้อมูลประจำตัวผู้ใช้ที่จะแสดงในโปรโตคอลนอกเครือข่าย ซึ่งระบบจะรองรับข้อมูลประจำตัวที่เป็นตัวแปรชื่อผู้ใช้
      3. ในช่องชื่อผู้ใช้ ให้ป้อนชื่อผู้ใช้สำหรับการดูแลระบบเครือข่าย ซึ่งระบบจะรองรับชื่อที่เป็นตัวแปรชื่อผู้ใช้
      4. (ไม่บังคับ) ป้อนรหัสผ่าน ระบบจะไม่แสดงค่านี้หลังจากที่บันทึกการกำหนดค่า
      5. (ไม่บังคับ) เลือกผู้ออกใบรับรองของเซิร์ฟเวอร์
    2. หากเลือก LEAP ให้ทำดังนี้
      1. ในช่องชื่อผู้ใช้ ให้ป้อนชื่อผู้ใช้สำหรับการดูแลระบบเครือข่าย ซึ่งระบบจะรองรับชื่อที่เป็นตัวแปรชื่อผู้ใช้
      2. (ไม่บังคับ) ป้อนรหัสผ่าน ระบบจะไม่แสดงค่านี้หลังจากที่บันทึกการกำหนดค่า
    3. หากเลือก EAP-TLS ให้ทำดังนี้
      1. ในช่องชื่อผู้ใช้ ให้ป้อนชื่อผู้ใช้สำหรับการดูแลระบบเครือข่าย ซึ่งระบบจะรองรับชื่อที่เป็นตัวแปรชื่อผู้ใช้
      2. (ไม่บังคับ) เลือกผู้ออกใบรับรองของเซิร์ฟเวอร์
      3. ป้อน URL การลงทะเบียนไคลเอ็นต์
      4. ป้อนค่าสำหรับรูปแบบผู้ออกหรือรูปแบบหัวเรื่อง อย่างน้อย 1 ค่า ใบรับรองจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อค่าที่ระบุตรงกันกับในใบรับรอง จากนั้นเซิร์ฟเวอร์ของคุณจะให้ใบรับรองที่มีแท็กคีย์เจนของ HTML5
    4. หากเลือก EAP-TTLS ให้ทำดังนี้
      1. (ไม่บังคับ) เลือกโปรโตคอลภายในที่จะใช้ โดยตัวเลือกอัตโนมัติจะใช้ได้กับการกำหนดค่าส่วนใหญ่
      2. (ไม่บังคับ) ในช่องข้อมูลประจำตัวภายนอก ให้ป้อนข้อมูลประจำตัวผู้ใช้ที่จะแสดงในโปรโตคอลนอกเครือข่าย ซึ่งระบบจะรองรับข้อมูลประจำตัวที่เป็นตัวแปรชื่อผู้ใช้
      3. ในช่องชื่อผู้ใช้ ให้ป้อนชื่อผู้ใช้สำหรับการดูแลระบบเครือข่าย ซึ่งระบบจะรองรับชื่อที่เป็นตัวแปรชื่อผู้ใช้
      4. (ไม่บังคับ) ป้อนรหัสผ่าน ระบบจะไม่แสดงค่านี้หลังจากที่บันทึกการกำหนดค่า
      5. (ไม่บังคับ) เลือกผู้ออกใบรับรองของเซิร์ฟเวอร์
    5. หากเลือก EAP-PWD ให้ทำดังนี้
      1. ในช่องชื่อผู้ใช้ ให้ป้อนชื่อผู้ใช้สำหรับการดูแลระบบเครือข่าย ซึ่งระบบจะรองรับชื่อที่เป็นตัวแปรชื่อผู้ใช้
      2. (ไม่บังคับ) ป้อนรหัสผ่าน ระบบจะไม่แสดงค่านี้หลังจากที่บันทึกการกำหนดค่า
  6. กำหนดการตั้งค่าพร็อกซีเครือข่าย:
    1. เลือกประเภทพร็อกซีดังต่อไปนี้
      • เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยตรง - อนุญาตการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตโดยตรงไปยังเว็บไซต์ทั้งหมดโดยไม่ต้องใช้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ หมายเหตุ: แท็บเล็ต Android ที่ใช้กับรุ่น Education ไม่รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยตรง
      • กำหนดค่าพร็อกซีด้วยตนเอง - กำหนดค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์สำหรับโดเมนหรือที่อยู่ IP ทั้งหมดหรือบางรายการ โดยทำดังนี้
        1. เลือกโหมดพร็อกซี HTTP โดยคุณจะกำหนดค่าเฉพาะโฮสต์ SOCKS, โฮสต์พร็อกซี HTTP เดียวสำหรับโปรโตคอลทั้งหมด หรือโฮสต์พร็อกซี HTTP ต่างกันสำหรับแต่ละโปรโตคอลก็ได้
        2. ป้อนที่อยู่ IP โฮสต์ของเซิร์ฟเวอร์และหมายเลขพอร์ตที่จะใช้ของแต่ละโฮสต์
        3. หากต้องการข้ามพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ (ใช้กับการรับส่งข้อมูลของอุปกรณ์ iOS ไม่ได้) และไม่ใช้พร็อกซีสำหรับโดเมนหรือที่อยู่ IP บางรายการ ให้ป้อนชื่อโดเมนหรือที่อยู่ IP นั้นแบบคั่นด้วยคอมมาโดยไม่ต้องเว้นวรรคลงในช่องโดเมนที่ไม่มีพร็อกซี คุณจะใช้อักขระไวลด์การ์ดได้ เช่น ป้อน *google.com* เพื่อใส่ชื่อโดเมนนี้แบบรวมทุกรูปแบบ
      • การกำหนดค่าพร็อกซีอัตโนมัติ - ใช้ไฟล์ Proxy Server Auto Configuration (.pac) เพื่อกำหนดพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ที่จะใช้ ป้อน URL ของไฟล์ PAC
      • Web Proxy Autodiscovery (WPAD) - อนุญาตให้อุปกรณ์ค้นหาพร็อกซีที่จะใช้
    2. หากใช้พร็อกซีที่ผ่านการตรวจสอบสิทธิ์ ให้อนุญาตชื่อโฮสต์ทั้งหมดใน หมายเหตุ: Chrome OS รองรับพร็อกซีที่ผ่านการตรวจสอบสิทธิ์สำหรับการรับส่งข้อมูลเบราว์เซอร์เท่านั้น Chrome OS ไม่รองรับพร็อกซีที่มีการตรวจสอบสิทธิ์สำหรับการเข้าชมที่ไม่ใช่ของผู้ใช้หรือสำหรับการเข้าชมที่มาจากแอปพลิเคชัน Android หรือเครื่องเสมือน
  7. (ไม่บังคับ) เพิ่มเซิร์ฟเวอร์ DNS แบบคงที่ในการตั้งค่า DNS ป้อนที่อยู่ IP บรรทัดละ 1 รายการ เว้นว่างไว้เพื่อใช้เซิร์ฟเวอร์ DNS จาก DHCP
  8. คลิกบันทึก หากกำหนดค่าหน่วยขององค์กรย่อยแล้ว คุณอาจรับค่าหรือลบล้างการตั้งค่าหน่วยขององค์กรระดับบนสุดได้

หลังจากที่เพิ่มการกำหนดค่าแล้ว ระบบจะแสดงรายการในส่วนอีเทอร์เน็ตพร้อมด้วยชื่อ, SSID และแพลตฟอร์มที่เปิดใช้ ในคอลัมน์เปิดใช้อยู่ การกำหนดค่าจะเปิดใช้สำหรับแพลตฟอร์มที่มีไอคอนสีน้ำเงินและปิดใช้สำหรับแพลตฟอร์มที่มีไอคอนสีเทา นอกจากนี้คุณยังชี้ไปที่แต่ละไอคอนเพื่อดูสถานะได้อีกด้วย

หมายเหตุ: Chrome OS รองรับโปรไฟล์เครือข่ายอีเทอร์เน็ตเพียงโปรไฟล์เดียวเท่านั้นเนื่องจากข้อจำกัดในการกำหนดค่า

ใช้แอป VPN ของบุคคลที่สาม

ดาวน์โหลดแอปจาก Chrome เว็บสโตร์ คุณจะติดตั้งและกำหนดค่าแอป VPN ของบุคคลที่สามได้เช่นเดียวกับแอปอื่นๆ ของ Chrome โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อตั้งค่านโยบาย Chrome สำหรับแอปเดียว

เพิ่มการกำหนดค่า VPN

สำหรับอุปกรณ์ Chrome OS ที่มีการจัดการและอุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้ Chrome OS

ก่อนที่จะเริ่มต้น: หากต้องการใช้การตั้งค่ากับผู้ใช้บางราย ให้ใส่บัญชีในหน่วยขององค์กร

  1. หากต้องการใช้การตั้งค่ากับทุกคน ให้เลือกหน่วยขององค์กรระดับบนสุด หรือเลือกหน่วยขององค์กรระดับล่าง
  2. คลิกสร้างเครือข่าย VPN
  3. เลือกแพลตฟอร์มที่จะอนุญาตให้เข้าถึง VPN นี้
  4. ป้อนรายละเอียด VPN ดังต่อไปนี้
    1. ชื่อ - ชื่อสำหรับ VPN ที่ใช้อ้างอิงในคอนโซลผู้ดูแลระบบ
    2. โฮสต์ระยะไกล - ที่อยู่ IP หรือชื่อโฮสต์แบบเต็มของเซิร์ฟเวอร์ที่ให้สิทธิ์เข้าถึง VPN ในช่องโฮสต์ระยะไกล
    3. (ไม่บังคับ) หากต้องการเชื่อมต่ออุปกรณ์กับ VPN นี้โดยอัตโนมัติ ให้เลือกช่องเชื่อมต่อโดยอัตโนมัติ
    4. ประเภท VPN - เลือกประเภท VPN หมายเหตุ: คอนโซลผู้ดูแลระบบจะพุชการกำหนดค่า OpenVPN ได้บางรายการเท่านั้น ตัวอย่างเช่น คอนโซลผู้ดูแลระบบจะพุชการกำหนดค่าสำหรับเครือข่าย OpenVPN ที่มีการตรวจสอบสิทธิ์แบบ TLS ไม่ได้
    5. หากเลือก L2TP แทนที่จะเลือก IPsec ที่มีคีย์ที่แชร์ล่วงหน้า ให้ทำดังนี้
      1. ป้อนคีย์ที่แชร์ล่วงหน้าเพื่อเชื่อมต่อกับ VPN ระบบจะไม่แสดงค่านี้หลังจากที่บันทึกการกำหนดค่า
      2. ป้อนชื่อผู้ใช้ที่จะเชื่อมต่อกับ VPN ซึ่งระบบจะรองรับชื่อที่เป็น
      3. (ไม่บังคับ) ป้อนรหัสผ่าน โดยไม่ต้องป้อน หากใช้ตัวแปรชื่อผู้ใช้ หมายเหตุ: ระบบจะไม่แสดงค่านี้หลังจากบันทึกการกำหนดค่า
    6. หากเลือก OpenVPN ให้ทำดังนี้
      1. (ไม่บังคับ) ป้อนพอร์ตที่จะใช้เมื่อเชื่อมต่อกับโฮสต์ระยะไกล
      2. เลือกโปรโตคอลที่จะใช้สำหรับการรับส่งข้อมูลผ่าน VPN
      3. เลือกผู้ออกใบรับรองที่จะอนุญาตเมื่อตรวจสอบสิทธิ์ใบรับรองที่มาจากการเชื่อมต่อเครือข่าย เลือกจากใบรับรองที่อัปโหลดไว้
      4. หากเซิร์ฟเวอร์กำหนดให้มีใบรับรองไคลเอ็นต์ ให้เลือกช่องใช้ URL การลงทะเบียนไคลเอ็นต์ แล้วป้อนค่าสำหรับรูปแบบผู้ออกหรือรูปแบบหัวเรื่อง อย่างน้อย 1 ค่า
        • ค่าต้องตรงกันกับในใบรับรอง
        • กำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์เพื่อมอบใบรับรองที่มีแท็กคีย์เจนของ HTML5
  5. ในช่องชื่อผู้ใช้ ให้ป้อนชื่อผู้ใช้ OpenVPN (รองรับการใช้) หรือเว้นว่างไว้เพื่อกำหนดให้ผู้ใช้ป้อนข้อมูลเข้าสู่ระบบเมื่อลงชื่อเข้าใช้
  6. ในช่องรหัสผ่าน ให้ป้อนรหัสผ่าน OpenVPN หรือเว้นว่างไว้เพื่อกำหนดให้ผู้ใช้ป้อนข้อมูลเข้าสู่ระบบเมื่อลงชื่อเข้าใช้
  7. กำหนดการตั้งค่าพร็อกซีเครือข่าย:
    1. เลือกประเภทพร็อกซีดังต่อไปนี้
      • เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยตรง - อนุญาตการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตโดยตรงไปยังเว็บไซต์ทั้งหมดโดยไม่ต้องใช้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์
      • กำหนดค่าพร็อกซีด้วยตนเอง - กำหนดค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์สำหรับโดเมนหรือที่อยู่ IP ทั้งหมดหรือบางรายการ โดยทำดังนี้
        1. เลือกโหมดพร็อกซี HTTP โดยคุณจะกำหนดค่าเฉพาะโฮสต์ SOCKS, โฮสต์พร็อกซี HTTP เดียวสำหรับโปรโตคอลทั้งหมด หรือโฮสต์พร็อกซี HTTP ต่างกันสำหรับแต่ละโปรโตคอลก็ได้
        2. ป้อนที่อยู่ IP โฮสต์ของเซิร์ฟเวอร์และหมายเลขพอร์ตที่จะใช้ของแต่ละโฮสต์
        3. หากต้องการข้ามพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ (ใช้กับการรับส่งข้อมูลของอุปกรณ์ iOS ไม่ได้) และไม่ใช้พร็อกซีสำหรับโดเมนหรือที่อยู่ IP บางรายการ ให้ป้อนชื่อโดเมนหรือที่อยู่ IP นั้นแบบคั่นด้วยคอมมาโดยไม่ต้องเว้นวรรคลงในช่อง "โดเมนที่ไม่มีพร็อกซี" คุณจะใช้อักขระไวลด์การ์ดได้ เช่น ป้อน *google.com* เพื่อใส่ชื่อโดเมนนี้แบบรวมทุกรูปแบบ
      • การกำหนดค่าพร็อกซีอัตโนมัติ - ใช้ไฟล์ Proxy Server Auto Configuration (.pac) เพื่อกำหนดพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ที่จะใช้ ป้อน URL ของไฟล์ PAC
      • Web Proxy Autodiscovery (WPAD) - อนุญาตให้อุปกรณ์ค้นหาพร็อกซีที่จะใช้
  8. คลิกบันทึก หากกำหนดค่าหน่วยขององค์กรย่อยแล้ว คุณอาจรับค่าหรือลบล้างการตั้งค่าหน่วยขององค์กรระดับบนสุดได้

หลังจากที่เพิ่มการกำหนดค่าแล้ว ระบบจะแสดงรายการในส่วน VPN พร้อมด้วยชื่อ, SSID และแพลตฟอร์มที่เปิดใช้ ในคอลัมน์เปิดใช้อยู่ การกำหนดค่าจะเปิดใช้สำหรับแพลตฟอร์มที่มีไอคอนสีน้ำเงินและปิดใช้สำหรับแพลตฟอร์มที่มีไอคอนสีเทา นอกจากนี้คุณยังชี้ไปที่แต่ละไอคอนเพื่อดูสถานะได้อีกด้วย

เพิ่มเครือข่ายมือถือ

สําหรับอุปกรณ์ที่ใช้ Chrome OS เวอร์ชัน 101 ขึ้นไป

ผู้ใช้จะใช้ eSIM ในอุปกรณ์ Chrome OS แทนซิมการ์ดจริงได้

ข้อควรทราบก่อนที่จะเริ่มต้น

  • หากต้องการใช้การตั้งค่ากับผู้ใช้บางราย ให้ใส่บัญชีของผู้ใช้ในหน่วยขององค์กร
  • ลงทะเบียนอุปกรณ์ Chrome OS
  • ซื้อแพ็กเกจอินเทอร์เน็ต eSIM จากผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ
  • โปรดติดต่อผู้ให้บริการมือถือเพื่อขอ URL การเปิดใช้งานที่คุณต้องป้อนในคอนโซลผู้ดูแลระบบในระหว่างการตั้งค่า หากจําเป็นหรือหากได้รับการร้องขอ ให้ดาวน์โหลดรายการอุปกรณ์ Chrome OS แล้วส่งไปให้ ไฟล์ CSV ที่คุณดาวน์โหลดจะมีรายละเอียด MEID/IMEI และ EID ที่ผู้ให้บริการต้องการ โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อ
  • eSim ได้รับการสนับสนุนในอุปกรณ์ Chrome OS ที่ใช้แพลตฟอร์ม Qualcomm 7C หรือ GL-850 ตราบใดที่ OEM ให้บัตร eSIM แบบพลาสติกแยกต่างหากในช่องซิม

วิธีการ

  1. หากต้องการใช้การตั้งค่ากับทุกคน ให้เลือกหน่วยขององค์กรระดับบนสุด หรือเลือกหน่วยขององค์กรระดับล่าง
  2. คลิกสร้างเครือข่ายมือถือ
  3. ในส่วนการเข้าถึงแพลตฟอร์ม สําหรับ Chromebook (ตามอุปกรณ์) ให้เลือกช่องเปิดใช้ หมายเหตุ: หากยกเลิกการเลือกช่องเปิดใช้ในภายหลัง เครือข่ายที่มีอยู่ที่เชื่อมโยงกับการกําหนดค่านี้จะไม่มีการจัดการ ใช้รีเซ็ต eSIM เพื่อนําโปรไฟล์ eSIM ออกจากอุปกรณ์อย่างถาวร โปรดดูรายละเอียดที่ดูรายละเอียดอุปกรณ์ Chrome OS
  4. ในส่วนรายละเอียด ให้ป้อนข้อมูลต่อไปนี้
    • ชื่อ - ชื่อสำหรับเครือข่ายมือถือที่ใช้อ้างอิงในคอนโซลผู้ดูแลระบบ
    • SMDP+URL - รหัสเปิดใช้งาน eSIM ซึ่งก็คือ SMDP+ URL สําหรับเปิดใช้งานโปรไฟล์ eSIM ของอุปกรณ์ หากต้องการเปิดใช้งานจํานวนมาก ให้ใส่รหัสเปิดใช้งาน eSIM จํานวนมากไปด้วย ใช้รูปแบบดังนี้: LPA:1$SMDP+ADDRESS$\[Optional activation code\]
  5. คลิกบันทึก

นโยบาย SMDP+URL จะใช้สําหรับการเปิดใช้งานเท่านั้นและไม่ได้ระบุโปรไฟล์เครือข่ายมือถือ หลังจากเปิดใช้งานและกําหนดค่าโปรไฟล์ eSIM ของอุปกรณ์แล้ว วิธีเดียวในการนําโปรไฟล์ออกคือการรีเซ็ต eSIM โปรดดูรายละเอียดที่ดูรายละเอียดอุปกรณ์ Chrome OS

กำหนดค่าข้อมูลเข้าสู่ระบบเครือข่ายด้วยนโยบาย

คุณจะสั่งให้อุปกรณ์ Chrome และ Android ลองเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่ปลอดภัยโดยอัตโนมัติได้ด้วยการใช้ชื่อผู้ใช้หรือข้อมูลเข้าสู่ระบบที่นโยบายกำหนด เช่น คุณอาจกำหนดให้ใช้ชื่อผู้ใช้หรืออีเมลแบบเต็มของผู้ใช้ที่ลงชื่อเข้าใช้แล้ว เพื่อให้ผู้ใช้ป้อนเพียงแค่รหัสผ่านเท่านั้นในการตรวจสอบสิทธิ์

หากต้องการใช้ฟีเจอร์นี้ในอุปกรณ์ Chrome ให้ระบุตัวแปรตัวใดตัวหนึ่งต่อไปนี้ในช่องชื่อผู้ใช้หรือข้อมูลประจำตัวภายนอกในระหว่างการกำหนดค่า Enterprise (802.1x), WPA/WPA2 Enterprise (802.1x), Dynamic WEP (802.1x) หรือ VPN

ในระหว่างการกำหนดค่า 802.1x ในอุปกรณ์ที่ใช้ Chrome OS หากระบุตัวแปร ${PASSWORD} ไว้ ระบบจะใช้รหัสผ่านสำหรับเข้าสู่ระบบในปัจจุบันของผู้ใช้เพื่อลงชื่อเข้าใช้ หากไม่ได้ระบุไว้ ระบบจะขอให้ผู้ใช้ป้อนรหัสผ่านเพื่อลงชื่อเข้าใช้

ป้อนข้อความตัวแปรให้เหมือนกับที่แสดงในคอลัมน์ตัวแปรในตารางด้านล่างทุกประการ เช่น ป้อน ${LOGIN_ID} เพื่อให้ระบบใช้ค่า jsmith แทนตัวแปรนี้

ตัวแปร ค่า อุปกรณ์ที่รองรับ ${LOGIN_ID}

ชื่อผู้ใช้ (เช่น jsmith)

หมายเหตุ: ระบบจะแทนที่ตัวแปรนี้เฉพาะในเครือข่ายที่ใช้ตามผู้ใช้ในอุปกรณ์ Chrome OS

Android Chrome (ผู้ใช้และอุปกรณ์) ${LOGIN_EMAIL}

อีเมลแบบเต็มของผู้ใช้ (เช่น jsmith@your_domain.com)

หมายเหตุ: ระบบจะแทนที่ตัวแปรนี้เฉพาะในเครือข่ายที่ใช้ตามผู้ใช้ในอุปกรณ์ Chrome OS

Android Chrome (ผู้ใช้และอุปกรณ์) ${CERT_SAN_EMAIL}

ช่อง rfc822Name Subject Alternate Name แรกจากใบรับรองไคลเอ็นต์ที่ตรงกับเครือข่ายนี้ตามรูปแบบผู้ออกหรือรูปแบบหัวเรื่อง ซึ่งอาจต่างจาก ${LOGIN_EMAIL} หากใช้การเข้าสู่ระบบที่ไม่ใช่ Google เพื่อเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สาย

รองรับใน Chrome 51 ขึ้นไป

Chrome (ผู้ใช้และอุปกรณ์) ${CERT_SAN_UPN}

ช่อง Microsoft User Principal Name otherName แรกจากใบรับรองไคลเอ็นต์ที่ตรงกับเครือข่ายนี้ตามผู้ออกหรือรูปแบบหัวเรื่อง

รองรับใน Chrome 51 ขึ้นไป

Chrome (ผู้ใช้และอุปกรณ์) ${PASSWORD} รหัสผ่านของผู้ใช้ (เช่น password1234) Chrome (ผู้ใช้และอุปกรณ์) ${DEVICE_SERIAL_NUMBER} หมายเลขซีเรียลของอุปกรณ์ Chrome (อุปกรณ์) ${DEVICE_ASSET_ID} รหัสเนื้อหาที่ผู้ดูแลระบบกําหนดให้กับอุปกรณ์ Chrome (อุปกรณ์)

หมายเหตุ

  • ${CERT_SAN_EMAIL} และ ${CERT_SAN_UPN} จะอ่านเฉพาะ X509v3 Subject Alternate Name จากใบรับรองเท่านั้น กล่าวคือจะไม่อ่านช่องทั้งหมดจากช่องชื่อเรื่อง
  • หากใบรับรองไคลเอ็นต์ไม่มีช่องที่ระบุสำหรับการใช้แทน ก็จะไม่มีการดำเนินการนี้และตัวแปรสตริงสัญพจน์จะยังอยู่ในช่องข้อมูลประจำตัว
  • การใช้แทนตามใบรับรองใช้ได้กับ Wi-Fi เท่านั้น แต่จะใช้ไม่ได้กับ VPN
  • สำหรับ Chrome 68 ขึ้นไป การเชื่อมต่อและการตรวจสอบสิทธิ์อัตโนมัติโดยใช้ตัวแปร ${PASSWORD} จะใช้ได้ในอุปกรณ์ทุกเครื่อง แต่สำหรับ Chrome 66 และ 67 จะใช้ได้ในอุปกรณ์ที่ลงทะเบียนเท่านั้น

ตัวเลือกการตั้งค่าเครือข่ายเพิ่มเติม

ตั้งค่าการเชื่อมต่ออัตโนมัติสำหรับอุปกรณ์ Chrome OS

เชื่อมต่ออุปกรณ์ Chrome OS กับเครือข่ายที่มีการจัดการโดยอัตโนมัติ

คุณจะกำหนดค่าอุปกรณ์ Chrome OS หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้ Chrome OS เพื่อให้เชื่อมต่อกับเครือข่ายโดยอัตโนมัติได้ เมื่อเปิดใช้ตัวเลือกนี้ อุปกรณ์ Chrome OS จะเชื่อมต่อโดยอัตโนมัติกับเครือข่าย Wi-Fi ที่คุณกำหนดค่าให้องค์กรเท่านั้น

  1. หากต้องการใช้การตั้งค่ากับทุกคน ให้เลือกหน่วยขององค์กรระดับบนสุด หรือเลือกหน่วยขององค์กรระดับล่าง
  2. คลิกการตั้งค่าทั่วไปเชื่อมต่ออัตโนมัติ
  3. เลือกช่องอนุญาตเฉพาะเครือข่ายที่มีการจัดการให้เชื่อมต่ออัตโนมัติได้
  4. คลิกบันทึก หากกำหนดค่าหน่วยขององค์กรย่อยแล้ว คุณอาจรับค่าหรือลบล้างการตั้งค่าหน่วยขององค์กรระดับบนสุดได้

หมายเหตุ: แม้จะเปิดใช้การตั้งค่านี้ แต่ผู้ใช้จะยังคงเชื่อมต่ออุปกรณ์ Chrome OS ของตนกับเครือข่ายที่ไม่มีการจัดการเองได้ โดยการเสียบสายอีเทอร์เน็ตเข้ากับอุปกรณ์ เมื่อเสียบสายอีเทอร์เน็ตแล้ว อุปกรณ์จะเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่พร้อมใช้งานโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าผู้ใช้จะลงชื่อเข้าใช้โปรไฟล์ที่มีการจัดการหรือไม่ก็ตาม

วิธีการเชื่อมต่ออัตโนมัติของอุปกรณ์ที่ใช้ Chrome 40 ขึ้นไปกับเครือข่าย EAP-TLS

หากเชื่อมต่อกับเครือข่าย EAP-TLS (เครือข่ายที่มีใบรับรองไคลเอ็นต์) ในอุปกรณ์ Chrome OS ที่ใช้ Chrome 40 ขึ้นไป อุปกรณ์ Chrome OS จะดำเนินการต่อไปนี้

  • เชื่อมต่อกับ EAP-TLS (เครือข่ายที่มีใบรับรองไคลเอ็นต์) โดยอัตโนมัติหลังจากที่ส่วนขยายติดตั้งใบรับรองไคลเอ็นต์
  • หลังจากเข้าสู่ระบบครั้งแรก (แม้ในโหมดชั่วคราว) คุณจะเปลี่ยนไปใช้เครือข่ายที่มีใบรับรองอีกครั้งโดยอัตโนมัติ หากมีใบรับรองอุปกรณ์และเครือข่าย EAP-TLS
  • หากกำหนดค่าเครือข่ายที่มีการจัดการในอุปกรณ์ไว้ในคอนโซลผู้ดูแลระบบ (ไม่จำเป็นต้องมีใบรับรอง) ระบบจะเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่มีการจัดการซึ่งมีความปลอดภัยระดับ "สูงสุด" โดยอัตโนมัติในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ

วิธีการเชื่อมต่ออัตโนมัติของอุปกรณ์ที่ใช้ Chrome 40 ขึ้นไปกับเครือข่ายที่ไม่ใช่ EAP-TLS

หากใช้เครือข่าย 802.1X ที่ไม่ใช่ EAP-TLS และมีข้อมูลเข้าสู่ระบบที่ไม่ซ้ำกันซึ่งเชื่อมโยงกับผู้ใช้แต่ละราย ผู้ใช้จะต้องเชื่อมต่อกับเครือข่าย 802.1X ด้วยตนเองในครั้งแรกที่ลงชื่อเข้าใช้อุปกรณ์นั้น ผู้ใช้ต้องทำตามขั้นตอนนี้ แม้ว่าคุณจะเปิดใช้การตั้งค่าการเชื่อมต่ออัตโนมัติและกำหนดค่าข้อมูลเข้าสู่ระบบด้วยตัวแปรก็ตาม หลังจากที่ผู้ใช้เชื่อมต่อด้วยตนเองเป็นครั้งแรก ระบบจะเก็บข้อมูลเข้าสู่ระบบไว้ในโปรไฟล์ของผู้ใช้ในอุปกรณ์ เมื่อเข้าสู่ระบบครั้งต่อไป อุปกรณ์จะเชื่อมต่อกับเครือข่ายโดยอัตโนมัติ

การเลือกเครือข่ายเพื่อเชื่อมต่ออัตโนมัติ

ใช้ได้กับ Chrome เวอร์ชัน 72 ขึ้นไป

หากเปิดใช้การเชื่อมต่ออัตโนมัติและมีหลายเครือข่าย อุปกรณ์ Chrome OS จะเลือกเครือข่ายตามลำดับความสำคัญต่อไปนี้ หากมีเครือข่ายที่ผ่านเงื่อนไขของกฎมากกว่า 1 เครือข่าย อุปกรณ์จะใช้กฎข้อต่อไปในการพิจารณา

  1. เทคโนโลยี - อุปกรณ์จะเลือกเครือข่ายอีเทอร์เน็ตก่อน Wi-Fi และ Wi-Fi ผ่านเครือข่ายมือถือ
  2. กำหนดเครือข่ายที่ต้องการ - อุปกรณ์เชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi ที่ต้องการตามที่ผู้ใช้กำหนด โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อจัดการเครือข่าย Wi-Fi > กำหนดเครือข่ายที่ต้องการ
  3. มีการจัดการ - อุปกรณ์จะเลือกเครือข่ายที่มีการจัดการซึ่งมีการกำหนดค่าด้วยนโยบายก่อนเครือข่ายที่ไม่มีการจัดการที่มีการกำหนดค่าอุปกรณ์/ผู้ใช้
  4. ระดับความปลอดภัย - อุปกรณ์จะเลือกเครือข่ายที่เชื่อมต่ออย่างปลอดภัยผ่าน TLS ก่อน PSK และจะเลือกเฉพาะเครือข่ายเปิดในกรณีที่ไม่มีเครือข่าย TLS หรือ PSK ที่ใช้ได้
  5. อุปกรณ์จะเลือกเครือข่ายที่มีการกำหนดค่าผู้ใช้ก่อนเครือข่ายที่มีการกำหนดค่าอุปกรณ์

ใช้การค้นหาปลอดภัยกับพร็อกซี

หากคุณใช้พร็อกซีสำหรับการรับส่งข้อมูลเว็บ คุณจะเปิดใช้ค้นหาปลอดภัยที่เข้มงวดให้กับการค้นหาทั้งหมดได้ ไม่ว่าการตั้งค่าในหน้าการตั้งค่าการค้นหาจะเป็นอย่างไรก็ตาม โดยกำหนดค่าพร็อกซีให้เพิ่ม safe=strict ต่อท้ายคำขอค้นหาทั้งหมดที่ส่งถึง Google แต่พารามิเตอร์จะใช้กับการค้นหาที่ใช้การค้นหาผ่าน SSL ไม่ได้ ดูวิธีป้องกันไม่ให้การค้นหาผ่าน SSL ลอดผ่านตัวกรองเนื้อหาของคุณ

จัดการการกำหนดค่าเครือข่าย

คุณจะเปลี่ยนหรือลบ VPN, Wi-Fi หรือการกำหนดค่าเครือข่ายอีเทอร์เน็ตที่มีอยู่ได้

  1. เลือกหน่วยขององค์กรที่กำหนดค่าเครือข่าย
  2. คลิกประเภทการกำหนดค่าเครือข่ายที่ต้องการเปลี่ยนหรือลบ ส่วนนี้มีตารางการกำหนดค่าที่ค้นหาได้สำหรับเครือข่ายประเภทดังกล่าว การกำหนดค่าในคอลัมน์เปิดใช้อยู่จะเปิดใช้สำหรับแพลตฟอร์มที่มีไอคอนสีน้ำเงินและปิดใช้สำหรับแพลตฟอร์มที่มีไอคอนสีเทา นอกจากนี้คุณยังชี้ไปที่แต่ละไอคอนเพื่อดูสถานะได้อีกด้วย
  3. หากต้องการแก้ไขการกำหนดค่าที่มีอยู่ ให้คลิกที่เครือข่าย ทำการเปลี่ยนแปลง แล้วคลิกบันทึก
  4. หากต้องการนำการกำหนดค่าเครือข่ายออกจากหน่วยขององค์กร ให้คลิกนำออกทางด้านขวาของเครือข่าย ตัวเลือกนี้จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อมีการเพิ่มการกำหนดค่าลงในหน่วยขององค์กรโดยตรงเท่านั้น หากต้องการนำการกำหนดค่าเครือข่ายที่หน่วยขององค์กรย่อยรับจากหน่วยขององค์กรระดับบนสุดออก ให้เลือกหน่วยขององค์กรย่อย จากนั้นเปิดการกำหนดค่าเพื่อแก้ไข แล้วยกเลิกการเลือกแพลตฟอร์มทั้งหมด การกำหนดค่าจะยังคงปรากฏในรายการ แต่จะไม่มีผลกับอุปกรณ์ในหน่วยขององค์กรย่อย
  5. คลิกบันทึกการเปลี่ยนแปลง

ขั้นตอนถัดไป

โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำให้ Wi-Fi ใช้งานได้และการสร้างเครือข่ายสำหรับอุปกรณ์ Chrome OS รวมถึงการตั้งค่า TLS หรือตัวกรองเนื้อหา SSL ที่หัวข้อการสร้างเครือข่ายองค์กรสำหรับอุปกรณ์ Chrome

ความสามารถเข้าถึงได้ง่าย: คุณจะใช้โปรแกรมอ่านหน้าจอเพื่อเข้าถึงการตั้งค่าการจัดการเครือข่ายได้ โปรดดูรายละเอียดที่ Google Accessibility และคู่มือผู้ดูแลระบบเกี่ยวกับความสามารถเข้าถึงได้ง่าย หากต้องการรายงานปัญหา โปรดดูที่หัวข้อความคิดเห็นเกี่ยวกับ Google Accessibility

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาไทย โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน lmyour แปลภาษา แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip ไทยแปลอังกฤษ ประโยค แอพแปลภาษาอาหรับเป็นไทย ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 แปลภาษาอาหรับ-ไทย Terjemahan พจนานุกรมศัพท์ทหาร หยน แปลภาษา มาเลเซีย ไทย Bahasa Thailand ข้อสอบภาษาอังกฤษ พร้อมเฉลย pdf บบบย tor คือ จัดซื้อจัดจ้าง การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 4 ชขภใ ยศทหารบก เรียงลําดับ ห่อหมกฮวกไปฝากป้า หนังเต็มเรื่อง เขียน อาหรับ แปลไทย แปลภาษาอิสลามเป็นไทย Google map กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมออนไลน์ กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย ค้นหา ประวัติ นามสกุล อาจารย์ ตจต แจ้ง ประกาศ น้ำประปาไม่ไหล แปลบาลีเป็นไทย แปลภาษา ถ่ายรูป แปลภาษาจีน แปลภาษามลายู ยาวี โรงพยาบาลภมูพลอดุยเดช ที่อยู่ Google Drive Info TOR คือ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ช่างไฟฟ้า กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมฟรี 2566 กลยุทธ์ทางการตลาด มีอะไรบ้าง การบริหารทรัพยากรมนุษย์ มีอะไรบ้าง การประปาส่วนภูมิภาค การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 3 ขขขขบบบยข ่ส ข่าว น้ำประปา วันนี้ ข้อสอบโอเน็ต ม.6 มีกี่ตอน ตารางธาตุ ประปาไม่ไหล วันนี้