โอนออกจาก อัตราแลกเปลี่ยน*(สกุล USD) (อ้างอิง ณ วันที่ 15 ก.พ. 64) ส่วนต่าง จำนวนเงินที่ใช้ (บาท) ประหยัดได้ ค่าธรรมเนียม Inter Wallet 29.88 (ใช้อัตราแลกเปลี่ยนใน mobile App) 0.19 89,640.- 570.- โอนออกผ่านระบบ SWIFT เดิม(บาท) โอนออกผ่านระบบ Krungthai WARP (บาท) บัญชีเงินฝากธนาคาร 30.07 (ใช้อัตราแลกเปลี่ยนหน้าเวปไซต์ธนาคาร) 90,210.- 1,200.- ค่าธรรมเนียมเริ่ม 299.-
- โอนออกจากบัญชีเงินฝากธนาคาร (CA/SA) ท่านสามารถโอนเงินไปต่างประเทศ โดยตัดผ่านบัญชีเงินฝากของธนาคารที่ผูกไว้กับ Krungthai NEXT ได้ตลอด 24 ชม. (ใช้อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันโอนออก)
- โอนออกจากบัญชีเงินฝากสกุลต่างประเทศ (Foreign Currency Deposit : FCD) สามารถแลกเงินเก็บไว้ได้ในบัญชี FCD ได้เลือกอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อซื้อเก็บ, ป้องกันอัตราแลกเปลี่ยนผันผวน บริหารจัดการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถโอนออกเป็นสกุลเงินที่แลกเก็บไว้ได้ผ่าน Krungthai NEXT ได้ตลอด 24 ชม. รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก
ข้อควรรู้
- ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดวงเงินสูงสุดที่คุณสามารถโอนจากประเทศไทยได้ โดยขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาของเงิน และ/หรือวัตถุประสงค์ของการโอนเงิน รวมถึงเอกสารประกอบ เช่น
วัตถุประสงค์ในการโอนเงิน เอกสารประกอบ ส่งเงินรายได้กลับประเทศ (ชาวต่างชาติ) เอกสารจากนายจ้าง ระบุจำนวนรายได้ของคุณ ชำระค่าสินค้าและบริการ ใบแจ้งราคาสินค้า ชำระค่าใช้จ่ายในการศึกษา เอกสารจากมหาวิทยาลัยหรือโรงเรียน ระบุจำนวนค่าเล่าเรียนหรือใบเรียกเก็บค่าเล่าเรียนจากโรงเรียน
ค่าธรรมเนียม
อัตราค่าธรรมเนียมการโอนเงินไปต่างประเทศ (Krungthai WARP)
*เป็นไปตามประกาศของธนาคาร
ค่าธรรมเนียม WARP on NEXT
ค่าธรรมเนียม SWIFT on NEXT*
Krungthai WARP | ธนาคารกรุงไทย ปฏิวัติวงการโอนเงินต่างประเทศแบบเดิม สู่ระบบการโอนเงินต่างประเทศด้วยระบบอัจฉริยะ ผ่าน Krungthai NEXT ตลอด 24 ชม. เรทดีกว่า ค่าธรรมเนียมถูกสุด
ทำได้ โดยคุณต้องแจ้งจำนวนรายการเงินตราต่างประเทศและวัตถุประสงค์ในการนำเงินเข้าประเทศต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ศุลกากร ณ ขณะผ่านด่านศุลกากรและนำเอกสารนั้นมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงเทพ ประกอบการแลกเงินตราต่างประเทศที่นำเข้ามาเป็นเงินบาทเพื่อธนาคารจะออกหนังสือรับรองการนำเงินเข้าจากต่างประเทศสำหรับใช้ยื่นรับโอนกรรมสิทธิคอนโดมิเนียมต่อสำนักงานที่ดิน
เมื่อบุคคลใดได้รับเงินตราต่างประเทศจากต่างประเทศ เช่น ค่าสินค้าหรือบริการ เงินลงทุนหรือเงินกู้ยืมจากต่างประเทศ ที่มีจำนวนตั้งแต่ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเทียบเท่า บุคคลดังกล่าวจะต้องนำเงินตราต่างประเทศดังกล่าวกลับเข้าประเทศทันที ซึ่งต้องไม่เกิน 360 วันนับแต่วันที่ส่งของออกหรือวันที่ทำธุรกรรม และขายหรือฝากเงินตราต่างประเทศนั้นกับธนาคารพาณิชย์ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยภายใน 360 วันนับตั้งแต่วันที่ได้มาหรือนำเข้า
ในกรณีที่ได้รับเงินตราต่างประเทศจากต่างประเทศ และต้องการนำเงินตราต่างประเทศดังกล่าวไปชำระหรือหักกลบกับภาระค่าใช้จ่ายในต่างประเทศ1 สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเงินกลับเข้าประเทศ
1 ภาระค่าใช้จ่ายในต่างประเทศที่ไปชำระได้ ไม่รวมการนำเงินไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ หรือนำไปชำระเพื่อวัตถุประสงค์ที่กำหนดให้ต้องยื่นขออนุญาตจาก ธปท. ก่อน เช่น การชำระเงินที่เกี่ยวกับการซื้อหรือขายเงินตราต่างประเทศแลกกับเงินบาท หรือทำธุรกรรมอนุพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับเงินบาทกับคู่สัญญาในต่างประเทศ หรือชำระเงินที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล
2.2 การโอนเงินออกนอกประเทศ
2.2.1 การชำระค่าสินค้าหรือค่าบริการ เช่น ค่าธรรมเนียม ดอกเบี้ย เงินปันผล เงินกำไร หรือค่ารอยัลตี้ รวมถึงการโอนเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายการศึกษา สามารถทำได้ตามภาระค่าใช้จ่ายดังกล่าว
2.2.2 การลงทุนหรือให้กู้ยืมในต่างประเทศ
- นิติบุคคลสามารถส่งเงินไปจัดตั้งหรือเข้าร่วมลงทุนในกิจการที่ต่างประเทศ โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นตั้งแต่ร้อยละ 10 ขึ้นไป หรือส่งเงินไปลงทุนในกิจการในเครือที่ต่างประเทศ หรือให้กู้ยืมแก่กิจการที่ต่างประเทศได้ โดยไม่จำกัดจำนวน
- บุคคลธรรมดาสามารถส่งเงินไปจัดตั้งหรือเข้าร่วมลงทุนในกิจการที่ต่างประเทศ โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นตั้งแต่ร้อยละ 10 ขึ้นไป หรือลงทุนหรือให้กู้ยืมแก่กิจการในเครือที่ต่างประเทศของกิจการดังกล่าวได้ โดยไม่จำกัดจำนวน
ทั้งนี้ การส่งเงินไปลงทุนหรือให้กู้ยืมดังกล่าว จะต้องเป็นเงินตราต่างประเทศเท่านั้น ยกเว้นกรณีที่ลงทุนหรือให้กู้ยืมแก่กิจการในประเทศเวียดนาม หรือประเทศที่มีพรมแดนติดต่อกับไทย เพื่อที่จะนำไปใช้ในการค้าหรือการลงทุนในไทยหรือในประเทศดังกล่าว ให้ลงทุนหรือให้กู้ยืมเป็นเงินบาทได้
2.2.3 การลงทุนในหลักทรัพย์ในต่างประเทศ
- ผู้ลงทุนสถาบัน ได้แก่ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ สำนักงานประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม (ไม่รวมกองทุนส่วนบุคคล) ผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ บริษัทประกันชีวิตและประกันวินาศภัย สถาบันการเงินที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้ง นิติบุคคลไทยที่มีสินทรัพย์ตั้งแต่ 5,000 ล้านบาท บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า สามารถลงทุนในหลักทรัพย์ในต่างประเทศ หรือหลักทรัพย์สกุลเงินตราต่างประเทศที่ออกหรือเสนอขายในไทยได้ไม่จำกัดจำนวน
- บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลไทยที่ไม่ใช่ผู้ลงทุนสถาบัน สามารถลงทุนในหลักทรัพย์ในต่างประเทศ หรือหลักทรัพย์สกุลเงินตราต่างประเทศที่ออกหรือเสนอขายในไทยโดยไม่ผ่านตัวแทนการลงทุนในประเทศให้แก่บุคคลที่มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศได้ในวงเงินไม่เกิน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อรายต่อปี2
ทั้งนี้ ผู้ลงทุนข้างต้นสามารถเลือกลงทุนผ่านตัวแทนการลงทุนในประเทศ เช่น บริษัทหลักทรัพย์ ธนาคารพาณิชย์ ผู้จัดการกองทุนส่วนบุคคล ได้โดยไม่จำกัดจำนวน ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำหนดด้วย
2.2.4 การโอนเงินออกเพื่อวัตถุประสงค์อื่น
การส่งเงินให้เปล่าแก่บุคคลในต่างประเทศ ให้ทำได้ไม่เกิน 50,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือเทียบเท่าต่อรายต่อปี ทั้งนี้ กรณีการส่งเงินของผู้ที่ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ต่างประเทศเป็นการถาวร หรือการส่งเงินให้ญาติที่ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ต่างประเทศเป็นการถาวร หรือการส่งเงินบริจาคให้แก่สาธารณประโยชน์ ให้ทำได้โดยไม่จำกัดจำนวน
การโอนเงินออกนอกประเทศผ่านธนาคารพาณิชย์เพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ สามารถทำได้ตามภาระผูกพันการชำระเงินในต่างประเทศ ยกเว้นวัตถุประสงค์ที่กำหนดให้ต้องยื่นขออนุญาตจาก ธปท. ก่อน เช่น การชำระเงินที่เกี่ยวกับการซื้อหรือขายเงินตราต่างประเทศแลกกับเงินบาท การทำธุรกรรมอนุพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับเงินบาทกับคู่สัญญาในต่างประเทศ และการชำระเงินที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นต้น
2 โดยให้มาลงทะเบียนผ่าน BOTWebsite เพื่อยื่นแบบแจ้งความประสงค์การลงทุนในตราสารในต่างประเทศ และอนุพันธ์ เป็นรายปี และให้รายงานยอดคงค้างการลงทุนตามเกณฑ์ที่ ธปท. กำหนด