และคนจำนวนไม่น้อยแทบไม่มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินกู้ในระบบ หลายคนต้องไปกู้เงินจาก “เจ้าหนี้นอกระบบ” และไม่ใช่ทุกคนที่จะชำระหนี้ได้ตรงเวลา เมื่อเป็นเช่นนั้น เจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิติดตามทวงถามซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่เรากลับได้ยินข่าว “การทวงนี้โหด” อยู่บ่อย ๆ ตั้งแต่การคุกคามข่มขู่ ทำร้ายร่างกายและทรัพย์สิน การประจานลูกหนี้ลงสื่อออนไลน์ หรือที่ทำงาน จนเกิดคำถามว่า ขอบเขต “การทวงหนี้” ที่ถูกกฎหมายภายใต้พระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ. 2558 อยู่ตรงไหน? และใครจะเป็นที่พึ่งเมื่อลูกหนี้ถูกเจ้าหนี้ทวงหนี้โหด? เริ่มจาก
ใครมีสิทธิทวงหนี้?
ผู้มีสิทธิทวงหนี้คือ เจ้าหนี้โดยตรง อาจเป็นสถาบันการเงิน ผู้ให้บริการสินเชื่อ/บัตรเครดิต/เช่าซื้อ ซึ่งครอบคลุมเจ้าหนี้นอกระบบ และเจ้าหนี้ในกิจกรรมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วย (เช่น หนี้การพนัน) รวมถึงผู้รับมอบอำนาจจากเจ้าหนี้ตามกฎหมาย ผู้รับมอบอำนาจช่วง (ผู้ได้รับมอบอำนาจ จากผู้รับมอบอำนาจอีกทอดหนึ่ง) ผู้ประกอบธุรกิจทวงหนี้ และผู้รับมอบอำนาจจากผู้ประกอบธุรกิจทวงถามหนี้ด้วย ซึ่งในกรณีผู้รับมอบอำนาจมาทุกกรณี หากลูกหนี้ทวงถามต่อหน้าต้องนำหลักฐานการมอบอำนาจมาแสดงด้วย
กฎหมายให้สิทธิเจ้าหนี้ทวงหนี้ได้ในขอบเขตไหน?
การทวงหนี้ต้องคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนของลูกหนี้ กฎหมายจึงกำหนดวิธีการทวงหนี้ไว้ ดังนี้
1. การติดต่อ: โดยบุคคล หรือไปรษณีย์
2. สถานที่ติดต่อ: สถานที่ที่ระบุไว้เพื่อการทวงหนี้ หากลูกหนี้ไม่ได้แจ้งให้ติดต่อตามภูมิลำเนา ถิ่นที่อยู่ หรือสถานที่ทำงานของบุคคลดังกล่าว หรือตามที่คณะกรรมการทวงถามหนี้ประกาศกำหนด
3. เวลาที่ติดต่อ: สามารถทวงหนี้โดยบุคคล โทรศัพท์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศ ระหว่างวันจันทร์-ศุกร์ ระหว่าง 8.00 น.- 20.00 น. วันหยุดราชการ 08.00 น.-18.00 น.
4. ความถี่: สามารถทวงได้ ไม่เกิน 1 ครั้ง/วัน (ถ้า “เพื่อนทวงเพื่อน” ทวงได้เกิน 1 ครั้ง/วัน)
นับความถี่การทวงอย่างไร?
นับการทวงเมื่อลูกหนี้รับโทรศัพท์และรับทราบการทวงอย่างชัดเจน หรือเมื่อลูกหนี้เปิดอ่านไลน์การทวง แต่ถ้าไลน์ไปแต่ไม่ได้เปิดอ่าน โทรหาไม่รับ หรือโทรไปแต่ยังไม่ทันได้พูดเรื่องหนี้ชัดเจน เป็นแค่การทักทายกัน ตามกฎหมายจะไม่นับเป็นการทวงหนี้
เจ้าหนี้ “ห้ามทวงหนี้” แบบไหนบ้าง?
ลูกหนี้ทุกคนมีสิทธิขั้นพื้นฐานตามกฎหมาย ดังนั้น เจ้าหนี้จะต้องทวงถามหนี้กับลูกหนี้อย่างสุภาพชน ให้เกียรติ ละเว้นการประจานดูหมิ่นให้ลูกหนี้เกิดความเสื่อมเสียและอับอาย เพื่อปกป้องสิทธิของลูกหนี้ กฎหมายจึงกำหนด ข้อห้ามต่าง ๆ ในเรื่องการทวงหนี้ไว้อย่างชัดเจน ได้แก่
- ห้ามทวงถามหนี้กับคนอื่นซึ่งมิใช่ลูกหนี้ เว้นแต่บุคคลที่ลูกหนี้ระบุไว้
- ห้ามบอกความเป็นหนี้ของลูกหนี้ให้แก่ผู้อื่น เนื่องจากกฎหมายไม่ให้ประจานลูกหนี้ หรือทำให้ลูกหนี้เสียชื่อเสียง โดยบอกคนที่ไม่เกี่ยวข้อง ยกเว้น (1) เป็นคนในครอบครัวลูกหนี้ เช่น สามี ภริยา บุพการี ผู้สืบสันดาน และกรณีที่บุคคลอื่นถามเจ้าหนี้ว่า “มาติดต่อเพราะสาเหตุอะไร”
- ห้ามใช้ข้อความ เครื่องหมาย สัญลักษณ์ หรือชื่อทางธุรกิจ บนซองจดหมาย หนังสือหรือสื่อใด ๆ ให้(บุคคลอื่น) เข้าใจว่า ติดต่อเพื่อทวงหนี้
- ห้ามติดต่อ แสดงตนทำให้ผู้ติดต่อด้วยเข้าใจผิด เพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ติดต่อของลูกหนี้
- ห้ามข่มขู่ ใช้ความรุนแรง หรือกระทำการอื่นใดที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ร่างกาย ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของลูกหนี้หรือผู้อื่น ถือว่ามีความผิด ตามพระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ. 2558 และอาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาด้วย
- ห้ามใช้วาจาหรือภาษาที่เป็นการดูหมิ่นลูกหนี้หรือผู้อื่น
- ห้ามทวงถามหนี้ที่ไม่เหมาะสมในลักษณะอื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการกำกับการทวงถามหนี้ประกาศ
หากเจ้าหนี้ละเมิดข้อห้ามจะมีผลอย่างไร?
หากพบว่ามี เจ้าหนี้หรือผู้ที่ทวงถามหนี้ฝ่าฝืนข้อปฏิบัติในการทวงหนี้ข้างต้น ถือว่ามีความผิด ประชาชนสามารถแจ้งร้องเรียนเอาผิดได้ โดยคณะกรรมการกำกับการทวงถามหนี้สามารถมีคำสั่งให้หยุดการกระทำดังกล่าว หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับได้
เมื่อลูกหนี้พบว่าเจ้าหนี้ละเมิดข้อห้ามข้างต้นจะทำอย่างไร?
ลูกหนี้หรือประชาชนสามารถร้องเรียนได้ที่ “คณะกรรมการกำกับการทวงถามหนี้” ที่มีตั้งแต่ระดับประเทศ และระดับจังหวัด หรือ “ที่ว่าการอำเภอและสถานีตำรวจ” ในท้องที่ เพื่อแจ้งการกระทำความผิดได้
และนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ พ.ร.บ. ทวงถามหนี้ พ.ศ. 2558 คุ้มครองสิทธิของลูกหนี้ และตาม พ.ร.บ. นี้ ถ้าเจ้าหนี้ทวงถามหนี้ที่เป็นเท็จ (มาตรา 12) หรือผู้ทวงถามหนี้กระทําการทวงถามหนี้ในลักษณะที่ไม่เป็นธรรม (มาตรา 13) จะได้รับโทษที่หนักขึ้นด้วย สุดท้ายนี้ ทีมงานของธนาคารแห่งประเทศไทย พร้อมให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับลูกหนี้ เพื่อปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานของตนเอง
กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ชี้แจงประเด็นที่มีผู้ถามถึงความเอาจริงเอาจังในการปฏิบัติหน้าที่ติดตามหนี้สินจากผู้กู้ยืม ภายหลังเกิดกรณีคุณครูถูกทวงหนี้จากการไปค้ำประกันให้ลูกศิษย์ที่ไม่ยอมชำระหนี้คืน โดยบางรายมีอาชีพรับราชการ สาเหตุใดจึงไม่สามารถติดตามทวงหนี้ได้ ในขณะที่กระแสสังคมสามารถกดดันให้ลูกหนี้บางรายกลับมาจ่ายหนี้ได้เป็นผลสำเร็จ รวมถึงมีข้อสงสัยว่า กยศ.ละเลยการปฏิบัติหน้าที่โดยการติดตามทวงหนี้สินจากผู้ค้ำประกันแทน
จากกรณีที่เกิดขึ้นนายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนฯ ได้ชี้แจงว่า กยศ.มีมาตรการในการติดตามหนี้สินจากผู้กู้ยืมโดยเป็นไปตามกฎหมายและมาตรฐานเดียวกับสถาบันการเงินอื่นๆทั้งของรัฐและเอกชนโดยมีวิธีการ ดังนี้
- ส่งหนังสือแจ้งภาระหนี้ครั้งแรกให้ผู้กู้ยืมที่ครบกำหนดชำระหนี้งวดแรกทราบเพื่อไปชำระหนี้
- ส่งใบแจ้งหนี้ให้ผู้กู้ยืมทุกรายที่ครบกำหนดชำระหนี้ตั้งแต่งวดที่ 2 เป็นต้นไปเพื่อไปชำระหนี้ หากผู้กู้ยืมผิดนัดงวดใดงวดหนึ่งกองทุนฯ จะดำเนินการดังนี้
- ส่งหนังสือติดตามทวงถามหนี้ค้าง ไปยังผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกันให้ชำระหนี้ค้างชำระ
- ส่ง SMS / หรือข้อความเสียง (สำหรับรายที่กองทุนฯมีหมายเลขโทรศัพท์)
- ติดตามหนี้ทางโทรศัพท์ เพื่อเจรจาให้ลูกหนี้ชำระหนี้
- หากมีการติดตามทวงถามโดยวิธีการต่างๆแล้ว ผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกันไม่ชำระหนี้ จนมีหนี้ค้างชำระหลายงวด กองทุนฯจะมีหนังสือบอกเลิกสัญญาและดำเนินคดีกับผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกัน
- กองทุนฯจะดำเนินคดีกับผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกันเมื่อผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกันที่ไม่ชำระหนี้ โดยยื่นฟ้องผู้กู้ยืมต่อศาลที่ผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกันมีภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้าน ทั้งนี้ เมื่อถึงวันนัดพิจารณา หากผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกันมาศาลกองทุนฯจะทำสัญญาประนีประนอมยอมความและให้โอกาสในการผ่อนชำระหนี้ต่อไปอีกเป็นเวลา 9 ปี แต่หากผู้กู้และผู้ค้ำประกันไม่มาศาล ศาลจะดำเนินการสืบพยานและมีคำพิพากษาให้ชำระหนี้
- หลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาแล้ว กองทุนฯจะดำเนินการติดตามให้ผู้กู้และผู้ค้ำประกันชำระหนี้ หากผู้กู้และผู้ค้ำประกันขอผ่อนชำระหนี้ กองทุนฯจะพิจารณาให้โอกาสในการผ่อนชำระ แต่หากยังไม่ชำระหนี้กองทุนฯจะดำเนินการบังคับคดี ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
- ในการบังคับคดี กองทุนจะขอศาลในการส่งคำบังคับไปยังภูมิลำเนาของลูกหนี้ตามคำพิพากษา โดยจะสืบหาทรัพย์สินที่ผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกัน มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ และขอหมายบังคับคดีต่อศาลเพื่อส่งให้กรมบังคับคดีทำการยึดทรัพย์หรืออายัดทรัพย์สินของผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกันเพื่อนำมาขายทอดตลาดต่อไป
อย่างไรก็ตาม ทางกองทุนฯได้ประสานงานกับกรมบังคับคดีในการจัดมหกรรมไกล่เกลี่ยในชั้นบังคับคดี เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกหนี้ตามคำพิพาษา ที่ถูกยึดทรัพย์ในการผ่อนชำระหนี้ได้อีกภายในระยะไม่เกินสามปีหรือภายในระยะเวลาที่กองทุนฯและลูกหนี้ตกลงกันเพื่อให้โอกาสแก่ลูกหนี้และงดการขายทอดตลาดไว้ก่อน เมื่อลูกหนี้ชำระหนี้เสร็จสิ้นกองทุนฯจะดำเนินการถอนการยึดทรัพย์สินดังกล่าว
กรณีที่มีข่าวว่าลูกหนี้ไม่เคยได้รับการติดต่อจากกองทุนและไม่ทราบว่ามีการฟ้องนั้น กองทุนฯ ขอชี้แจงว่ากองทุนได้ดำเนินการติดต่อไปตามที่อยู่ ตามทะเบียนราษฎร์หรือตามที่ผู้กู้แจ้งความประสงค์ และในส่วนของส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องตลอดจนคำพิพากษา คำบังคับ หมายบังคับคดี ศาลโดยเจ้าพนักงานนำหมายจะส่งไปตามภูมิลำเนาของลูกหนี้ที่ปรากฏตามทะเบียนราษฎร์ ซึ่งหากไม่พบตัวลูกหนี้หรือไม่มีผู้ใดรับหมายศาลไว้แทน เจ้าพนักงานเดินหมายจะดำเนินการปิดหมายไว้ ณ สถานที่นั้นซึ่งถือเป็นการส่งหมายโดยชอบด้วยกฎหมาย
สำหรับกรณีที่ข่าวแจ้งว่า มีผู้กู้บางรายเป็นข้าราชการแต่ทำไมจึงไม่สามารถติดตามทวงหนี้ได้นั้น กองทุนขอชี้แจงว่า สำหรับผู้กู้ตามข่าวที่อยู่ระหว่างบังคับคดีและยังมีภาระหนี้สิน กับกองทุนฯนั้น กองทุนฯได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลกับหน่วยงานราชการที่ถือครองข้อมูลแล้ว ไม่พบว่าบุคคลตามข่าวเป็นข้าราชการหรือลูกจ้างประจำ ที่อยู่ในระบบจ่ายตรงเงินเดือนแต่อย่างใด ส่วนรายที่สามารถดำเนินการบังคับคดีได้นั้น เนื่องจากกองทุนฯได้ดำเนินการสืบหาทรัพย์สินแล้ว ไม่ปรากฏว่ามีทรัพย์สินที่ลูกหนี้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ นอกจากผู้ค้ำประกันที่มีกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของที่ดินเท่านั้น กองทุนฯจึงได้ดำเนินการยึดทรัพย์ของผู้ค้ำประกัน
ปัจจุบัน พระราชบัญญัติกองทุนฯ พ.ศ.2560 ได้กำหนดให้กองทุนฯมีอำนาจขอข้อมูลต่างๆจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนทำให้กองทุนฯ สามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้กู้ยืมเพื่อให้ติดตามหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และกองทุนฯมีอำนาจในการแจ้งหักเงินเดือนของผู้กู้ผ่านองค์กรนายจ้างทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการแจ้งหักเงินเดือนของข้าราชการกรมบัญชีกลางเป็นหน่วยงานแรกแล้ว และจะดำเนินการแจ้งหักเงินเดือนของข้าราชการทั้งหมดในลำดับถัดไป โดยในส่วนของภาคเอกชนจะเริ่มดำเนินการแจ้งหักเงินเดือนในต้นปีหน้าเป็นต้นไปโดย ส่วนผู้กู้ยืมที่ประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับเงินเดือนผ่านนายจ้าง กองทุนฯจะดำเนินการติดตามหนี้อย่างต่อเนื่อง โดยใช้ข้อมูลที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ และติดตามโดยวิธีการอื่นๆในมาตรฐานเดียวกับที่สถาบันการเงินทั่วไป ดำเนินการกับผู้กู้ยืม เพื่อให้ได้เงินกลับคืนสู่กองทุนฯและนำไปใช้หมุนเวียนในการให้โอกาสทางการศึกษาแก่นักเรียน นักศึกษารุ่นหลังต่อไป
ติดหนี้ กยศ กี่ปีฟ้อง
แต่ถ้าในกรณีผู้กู้ยืมมีการ "ค้างชำระหนี้" เป็นระยะเวลานานเกิน 4 ปี 5 งวด ก็จะถูกดำเนินคดีฟ้องร้องตามกฎหมาย และจะมีหมายศาลส่งไปที่บ้าน ในกรณีนี้ ผู้กู้ยืมยังสามารถขอไกล่เกลี่ยหนี้ และขอถอนฟ้องได้
ให้เพื่อนยืมเงินแล้วไม่คืนฟ้องได้ไหม
ยืมเงินแล้วไม่คืนจะเข้าข่ายผิดสัญญาทางแพ่ง ตามมาตรา 213 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เจ้าหนี้สามารถยื่นฟ้องต่อศาลให้มีคำสั่งบังคับให้ลูกหนี้คืนเงินให้ได้ ในกรณีที่มีการฟ้องร้องต่อศาลเกิดขึ้นแล้ว แต่ลูกหนี้ยังไม่ยอมชำระเงินคืนตามตกลง อีกทั้งยังมีพฤติกรรมซุกซ่อน ขายทรัพย์สิน หรือโอนย้ายทรัพย์สินของตัวเองไปให้บุคคลอื่น ...
ทวงหนี้เวลาไหนผิดกฎหมาย
สามารถทวงหนี้โดยบุคคล โทรศัพท์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศ ระหว่างวันจันทร์-ศุกร์ ระหว่าง 08.00-20.00 น. วันหยุดราชการ 08.00-18.00 น. หากเจ้าหนี้ฝ่าฝืนเวลาทวงหนี้ มีโทษปรับ 100,000 บาท และต้องทวงกับลูกหนี้เท่านั้น ห้ามไปทวงกับคนอื่น มิฉะนั้นจะมีโทษจำคุก 1 ปี หรือ ปรับสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
ร้องเรียนเรื่องการทวงหนี้ได้ที่ไหน
ลูกหนี้ที่ถูกทวงถามหนี้ ด้วยวิธีการที่ไม่เหมาะสม สามารถร้องเรียนได้ที่ ที่ว่าการอำเภอ ที่ทำการปกครองจังหวัด สถานีตำรวจทุกแห่ง ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน โทร.1213 ในวันทำการ หรือ ฝากเรื่องและเบอร์ติดต่อกลับที่อีเมล์ fcc@bot.or.th.